วันอาทิตย์, ตุลาคม 16, 2565

"เมื่อผมมีโอกาสได้ทำคดีหมิ่นประมาทประมุขของรัฐ"


นรเศรษฐ์ นาหนองตูม
1d

เมื่อผมมีโอกาสได้ทำคดีหมิ่นประมาทประมุขของรัฐ (1)
ณ ประเทศสารขัณฑ์แห่งหนึ่ง ความผิดฐานหมิ่นประมาทประมุขของรัฐมีโทษจำคุกขั้นต่ำ 3 ปี สูงสุด 15 ปี กฎหมายมาตรานี้ไม่ค่อยพบเห็นคำอธิบายในชั้นเรียนกฎหมายมากนัก ปริมาณการใช้กฎหมายมาตรานี้ ใช้น้อย ใช้มาก หรือไม่ใช้เลยมักสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมือง
.
เรื่องราวในคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ประมุขของรัฐองค์ก่อนสวรรคต ประเทศอยู่ในสภาวะที่ทุกคนเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผู้คนต่างสวมเสื้อดำ บ้างก็เปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีดำ ใครที่แตกต่างไปจากนี้บ้างก็ถูกตำหนิหรือถ้าร้ายแรงก็ถึงขั้นล่าแม่มด ด่าประจาน หรือรุมทำร้าย
.
ในห้วงเวลานั้นเด็กหนุ่มโรงงานคนหนึ่งในวัย 18 ปี หน้าตาใสซื่อ แต่ร่างกายกำยำ เพราะต้องช่วยแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก เขาเข้าไปโพสต์ข้อความขายเหรียญชนิดต่าง ๆ ในกลุ่มขายสินค้ามือสองในราคาเหรียญละ 5 บาท จนเกิดวิวาทะกับคนในกลุ่ม ด้วยความใสซื่อไม่อยากจะเกิดปัญหาเด็กหนุ่มคนนี้ก็ลบโพสต์ไป และคิดว่าเรื่องราวก็คงจะจบลงเพียงเท่านั้น
แต่ไม่เลย เวลาผ่านเพียงเพียงสองชั่วโมงเศษ ก๊อก ก๊อก ก๊อก มีคนมาเคาะห้องพักของเด็กหนุ่มคนนี้ เขาคงสงสัยว่าใครกันเพราะไม่เคยรู้จักหรือทะเลาะกันมาก่อน เมื่อเขาเปิดประตูห้องออกไปก็พบว่าเป็นชายฉกรรจ์จำนวนกว่าสิบคนมาสอบถาม ด่าทอ และรุมทำร้ายจากเรื่องที่เขาไปโพสต์ขายเหรียญในกลุ่ม เขาพยายามปัดป้องป้องกันตัวเองแต่ก็ไม่สามารถสู้คนจำนวนมากได้ เด็กหนุ่มถูกทำร้ายทั้งเตะทั้งต่อยตั้งแต่หน้าห้องชั้นสี่ ลากลงมาจนถึงชั้นหนึ่ง ชายฉกรรจ์เหล่านั้นหลายคนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่รู้สึกว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องดีงามในนามความจงรักภักดี
.
เมื่อลากเด็กหนุ่มคนนี้มาจนถึงหน้าหอพัก ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็ยืนถือรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของประมุของค์ก่อนไว้เหนือหัว ชายฉกรรจ์อีกหนึ่งคนใช้เท้าเหยียบหัวเด็กหนุ่มคนนี้ให้ก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ทั้งด่าทอและถ่ายรูปไปโพสต์ลงสื่อโซเชียล ไม่มีใครห้ามปราบ ไม่มีใครคิดว่ากำลังทำผิดกฎหมาย เพราะนี่คือความจงรักภักดี
.
เด็กหนุ่มไม่สามารถต่อสู้ขัดขืนใด ๆ ได้เลย เวลาผ่านไปนานพอสมควรเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาระงับเหตุจับตัวเด็กหนุ่มคนนี้ไปที่สถานีตำรวจ ใช่แล้วครับ ท่านอ่านไม่ผิดดอก คนที่ถูกจับคือเด็กหนุ่มผู้ถูกรุมทำร้ายร่างกาย มิใช่คนที่รุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
เด็กหนุ่มถูกควบคุมตัวไปด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บ คิ้วแตก มีบาดแผลบริเวณดวงตา ฟกช้ำตามร่างกาย สภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เขาร้องขอให้ตำรวจช่วยติดต่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด แต่ก็ถูกปฏิเสธ ตอนนั้นเขาไม่มีใคร ไม่มีเลยจริง ๆ ไม่มีใครอยากจะยุ่งกับเรื่องนี้ เพราะคงไม่มีใครอยากเดือดร้อน
.
เด็กหนุ่มเล่าเรื่องราวความจริงทั้งหมดให้กับตำรวจฟังด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ เขายืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย รับว่าได้มีการโพสต์ข้อความต่าง ๆ จริง ตำรวจดำเนินคดีกับเขาในความผิดฐาน “ดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายประมุขของรัฐ” ในสำนวนคดีระบุว่าเขา “รับสารภาพ” และ ใช่ ในตอนนั้น เขาไม่มีทนายความ ไม่มีญาติ ไม่มีใครเลย มีเพียงแต่ร่างกายที่บาดเจ็บกับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่
จากนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ก็ถูกส่งตัวไปขอฝากขังที่ศาล ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เขาถูกส่งตัวไปที่เรือนจำในทันที…..