วันเสาร์, ตุลาคม 01, 2565

คนแบบประยุทธ์ ขึ้นครองอำนาจได้อย่างไร ? คนแบบประยุทธ์ อยู่มาได้อย่างไรตั้ง 8 ปี ? คนแบบประยุทธ์ รับภารกิจประกันอำนาจและผลประโยชน์ให้กับกลุ่มใด ?



วันนี้ 24 สิงหาคม 2565 ประยุทธ์สถาปนาตนเป็นนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี
จากก่อกบฏในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตั้งตนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ยึดอำนาจจากรัฐบาลก่อน ยกเลิกรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรมตนเอง ประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ แล้วสร้างกระบวนการ “ผลัดกันเกาหลัง” ตั้งตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี
จากนั้นก็ทำรัฐธรรมนูญใหม่ วางกลไกการสืบทอดอำนาจ “กวาดต้อน” นักการเมืองที่มี “ชนักติดหลัง” นักการเมืองที่โลภโมโทสันฝันอยากจะเป็นรัฐบาล และพวกสมาชิกวุฒิภาผู้อาสารับใช้เผด็จการที่ประยุทธ์ตั้งไว้ ให้มาสนับสนุน จนตนเองได้เป็นนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจ
ช่วงเวลานี้มีการถกเถียงการตีความรัฐธรรมนูญว่าประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบระยะเวลา 8 ปีแล้วหรือไม่?
ผมเห็นว่าประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่ง ทั้งในแง่ของตัวบทรัฐธรรมนูญ และทั้งในแง่ความชอบธรรมทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ผมขอไม่ร่วมอภิปรายในประเด็นนี้ซึ่งมีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญและนักกฎหมายได้อธิบายแสดงเหตุผลกันมากแล้ว แต่ผมจะขอชี้ชวนให้มองภาพกว้างในทางประวัติศาสตร์การเมืองในช่วงทศวรรษ เปรียบเทียบกับการขึ้นสู่อำนาจของหลุยส์ โบนาปาร์ต และการวิเคราะห์ของ Karl Marx
ทั้งหมดนี้ เพื่อพิเคราะห์ให้ตรงเป้าว่า
คนแบบประยุทธ์ ขึ้นครองอำนาจได้อย่างไร ?
คนแบบประยุทธ์ อยู่มาได้อย่างไรตั้ง 8 ปี ?
คนแบบประยุทธ์ รับภารกิจประกันอำนาจและผลประโยชน์ให้กับกลุ่มใด ?
ต่อไป เราจะได้ไม่ต้องวนเวียนกับรัฐประหาร และมีคนแบบประยุทธ์กลับมาอีก

รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ต่อเนื่องการสืบทอดอำนาจของประยุทธ์และพวกจนถึงปัจจุบัน
เกิดคำถามตามมาว่า สังคมไทยปล่อยให้คนแบบนี้เป็นผู้นำประเทศได้อย่างไรตั้ง 8 ปี
และอาจมีปีที่ 9 10 11… ตามมา ไม่ว่าจะเป็นประยุทธ์คนเดิม คนใหม่แบบประยุทธ์ หรือคนใหม่ที่ฉาบภาพลักษณ์อันดูดีกว่า (ทำนองเดียวกับ Macron)
ทำไม สังคมไทยปล่อยให้คนแบบนี้ยกมือเหนือหัวพร้อมหน้าอมยิ้มกลางสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตอบรับอย่างภูมิใจว่า กูนี่แหละ คนทำรัฐประหาร พวกมึงจะทำไม
มองในแง่ร้าย...
ส้งคมไทยแลดูหดหู่เหลือเกิน ที่ยอมให้คนแบบนี้เป็นผู้นำประเทศ
สังคมไทยแลดูสิ้นหวังเหลือเกิน ที่เราไม่สามารถไล่คนแบบนี้ออกไปจากตำแหน่งได้
แต่หากมองในแง่ดี มองแบบวัตถุนิยมวิภาษวิธีทางประวัติศาสตร์แบบที่ Marx วิเคราะห์…
เมื่อการต่อสู้ระหว่างชนชั้นยังคงดำเนินต่อไป
การต่อสู้ครั้งถัดไป ชนชั้นผู้ถูกปกครอง อาจมีโอกาสลุกขึ้นสู้ “กวาดทั้งกระดาน”
ใน “18 Brumaire de Louis Bonaparte” Marx ทิ้งทายปิดเล่มด้วยประโยคที่ว่า
“วันใดที่เสื้อคลุมแบบจักรวรรดิหล่นลงบนบ่าของหลุยส์ โบนาปาร์ต วันนั้น รูปปั้นของนโปเลียนก็จะร่วงหล่นจากยอดเสา Vendôme”
การทิ้งท้ายเปรียบเปรยราวกับกวีของ Marx นี้ หมายความว่า เมื่อไรก็ตามที่ชนชั้นปกครองสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดต้องร่วมมือกันยอมสถาปนา “คนแกนๆต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและประหลาดพิลึก” แบบหลุยส์ โบนาปาร์ต ขึ้นเป็นจักรพรรดิ เพื่อรักษาประโยชน์ร่วมกันของชนชั้นปกครองแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่า ต่อไป อีกไม่นาน ระบอบนี้ก็จะต้องถูกโค่นลงอย่างแน่นอน
แล้วประเทศไทยล่ะ?
พวกเขาร่วมมือกันสถาปนาคนแบบประยุทธ์ขึ้นครองอำนาจ โดยใช้ทุกวิถีทาง โนสน โนแคร์ ว่าวิธีการต่างๆจะชั่วร้าย อัปยศ น่าละอาย หน้าด้านเพียงใด
เพราะอะไร?
ใช่หรือไม่ว่า การต่อสู้ทางการเมืองในแต่ละยกๆ ตลอดกว่าร้อยปีที่ผ่านมา เริ่มเข้าใกล้ถึงเส้นชัย ชนชั้นนำกลุ่มก้อนซึ่งปกครองประเทศไทยอย่างยาวนาน ใกล้จะสูญสิ้นอำนาจ ทำให้พวกเขาหมดหนทางถึงขั้นต้องหา “คนแกนๆต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและประหลาดพิลึก” มาเป็นผู้รักษาระเบียบและผลประโยชน์ร่วมของพวกเขา ?
หากเป็นเช่นนี้จริง
ต่อไป… หาก “เสื้อคลุมแบบจักรวรรดิ” หล่นลงบ่าคนแบบประยุทธ์อีกครั้ง
ต้องเดินหน้า ทำให้ “รูปปั้นนโปเลียน” พังครืนลงจากยอดเสา Vendôme !
...
ที่มา คัดบางส่วนจาก
Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์
https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/712246956928032