วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 01, 2565

รำลึกถึงบรรพบุรุษนักสู้โพ้นทะเล​

https://www.facebook.com/sita.karnkriangkrai/posts/5029074307135664
Sita Karnkriangkrai
12h ·

เด(พ่อ)ผม เป็นคนตระกูลฮั่น หรือหาญ เดินทางมาจากเกาะไหหลำครั้งแรกในปี 2477 มาหางานทำ เดินทางกลับบ้านเกิด ไปแต่งงาน ในปีต่อมา แล้วพาเหนี่ย(แม่)เดินทางมาเมืองไทยอีกครั้ง ถึงเมืองไทยในวันที่ 12 มิถุนายนปี 2480 ขณะเดอายุได้ 27 ปี (เดเกิดปี 2453 เหนี่ยเกิดปี 2457 อายุได้ 23 ปี)
เดเดินทางมาทำงานกับเบ้เด ญาติผู้ใหญ่ที่เดินทางมาก่อนหน้านั้นที่โรงเลื่อยของท่าน ที่ ตำบลพิหารแดง (แหล่งเตาเผาเครื่องปั้นดินเผา) เหนือตัวเมืองสุพรรณขึ้นไปราว 6 กม. ตามลำน้ำท่าจีน ทำงานเป็นพ่อครัว และเรียนรู้งานช่างไม้ งานปรุงเรือนไทย ที่นี่
ราวปี 2484 เดพาเหนี่ยมาเช่าที่ดินริมน้ำ ใต้โรงสีธัญญาผล ตรงข้ามสุดถนนนางพิมที่สุดถนนที่แม่น้ำท่าจีน ทำกิจการเลื่อยไม้ ปรุงเรือนไทย และทำเครื่องเล่นรถไต่ถัง
ปี 2495 จึงย้ายมาเช่าที่ดินอยู่ติดกับโรงงานทำซี่อิ้วตรากวางดาวทอง เหนือวัดพระรูป
ปี 2497 เดพาครอบครัวมาเช่าที่ดินตรงข้ามท่าเรือบริษัท ทำอู่ต่อเรือ และห้องพักเป็นเหล่าเต๊ง ในอู่ต่อเรือนั้น เป็นที่พักอาศัยของพวกเรา
เดได้ซื้อที่ดินแปลงนี้ ในปี 2497 พร้อมปลูกบ้านริมน้ำ เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว 3 ห้องนอน 1โถงใหญ่ และมีระเบียงหน้าบ้านในปี 2499
เราย้ายขึ้นบ้านใหม่ของเราในกลางปี 2499 หลังน้องสาวคนเล็กเกิดได้ 4-5 เดือน
19 มีนาคม 2500 เหนี่ยเสียชีวิต จากพวกเราไปในเวลา23.10 น. ของวันนั้น ทำให้เดต้องรับภาระเลี้ยงดูพวกเรา 7 ชีวิต ด้วยตัวคนเดียวนับจากวันนั้น
ชีวิตที่ขาดแม่ ทำให้พี่สาวคนโต 2 คน ต้องรับภาระหนัก เลี้ยงดูน้อง ๆ อีก 5 คน ขณะที่น้องคนสุดท้อง อายุยังไม่ถึงขวบดี ทำให้เมื่อเราโตขึ้น พอทำอะไรได้ ต้องตื่นเช้ามาช่วยเด หุงข้าวกะทะใบบัวเลี้ยงคนงานและพวกเรา
ซักเสื้อผ้า ถุงเท้าร้องเท้าตัวเอง ลงครามเสื้อนักเรียน รีดเสื้อ และกางเกงนักเรียนด้วยตัวเอง
เดมีที่ดินที่เมืองจีน ที่ตำบลบุ่นเซียว จังหวัดเท่งจิว ทางตะวันออกของเมืองท่าไห เค้า เมืองหลวงของเกาะไหหลำ ที่ฝากญาติพี่น้องดูแลบ้านไว้ จนวันนี้
เดมีความคิดที่อยากจะพาพวกเรากลับไปอยู่เกาะไหหลำ แต่ด้วยสถานการณ์ทางสากล การเมืองระหว่างประเทศ ทำให้คนจีนที่เดินทางมาหางานทำ เพื่อเก็บเงิน แล้วจะเดินทางกลับบ้านเกิด ไม่สามารถกลับบ้านเกิดของตนได้ ประกอบกลับลูกหลานก็ได้รับการศึกษา และใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย เดจึงต้องตั้งรกรากบนแผ่นดินนี้ จนวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน ที่เสียชีวิตในเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2533 ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สุพรรณบุรี เยี้ยง ๆ บ้านริมน้ำ ที่ท่านอาศัยอยู่จนวาระสุดท้ายของชีวิต
รำลึกถึงบรรพบุรุษ คนตระกูลฮั่น
รำลึกถึงเหนี่ย(แซ่โห่ว)ที่บอกเด ให้ตามช่างภาพมาถ่ายรูปครอบครัวเรา วันก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตไม่กี่วัน และด้วยภาพนี้ เป็นภาพจำ ที่ทำให้ผมจำได้ถึงเค้าโครงหน้าเหนี่ยได้ จนวันนี้