วันอาทิตย์, ธันวาคม 09, 2561

‘พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค’ แล้วไฉนไม่บอกทั้งชื่อคนและชื่อพรรค อย่างนี้แอบโกงนี่หว่า


จริงอยู่ ความรับผิดชอบทั้งสิ้นอยู่ที่ประธานฯ แต่การที่ กกต.ทำตัวเป็น ไม้กวาด คอยเขี่ยเสี้ยนหนามให้อำนาจเผด็จการของ คสช. ก็สมแล้วที่อดีตคณบดีนิติศาสตร์ มธ. เป็นห่วงว่าจะมี “เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่มีความเป็นไทและความเป็นอิสระ” หลงเหลืออยู่ไหม

นั่นจากจดหมายเปิดผนึกสั้นๆ ที่ อจ.พนัส ทัศนียานนท์ เขียนถึงนายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ถูกทหารจับมาวางเป็นประธาน กกต. ไว้คอยประสานและชี้แจงนานาชาติเรื่องการเลือกตั้งเดือนกุมภา ๖๒ ที่ต่างด้าวจ้องจับตา

ทว่าคนลงมือจับไม้กวาด ออกหน้าแลบลิ้นแทนทั้งองค์กรตอนนี้เป็นรองเลขาฯ ซึ่งหลังๆ นี่นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล บทบาทชักเด่นเหมือนจะเป็นเวอร์ชั่น ผู้กำกับโจ๊กของหน่วยลิ่วล้อสายพกอาวุธ

 
“ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า การตัดชื่อและโลโก้พรรคออกจากบัตรเลือกตั้ง เป็นการที่ คสช.แทรกแซงการทำงานของ กกต.นั้น ไม่เกี่ยวกันเลย เพราะเรื่องบัตรเลือกตั้งเป็นเรื่องที่ กกต.กังวลถึงปัญหาการขนส่ง ไม่ได้เกิดจากปัญหาอื่น”

ขนส่งที่ว่านั่นเขาอ้างถึงจาก ต่างประเทศ อย่างอเมริกางี้ ที่เคยมีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งภายนอกราชอาณาจักรมากที่สุด ท่ารองฯ เป็นกังวล “หากเกิดปัญหาผู้ที่ลงทะเบียนไม่ได้รับบัตรเลือกตั้ง กกต.จะไม่สามารถจัดส่งบัตรเลือกตั้งสำรองให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้”

อูย อย่างนี้คนที่อยู่นอกประเทศน่าจะ แต๊งกิ้วหลายแต่พวกเขาแปลกใจไฉน กกต.เกิดจะมาเห็นหัวคราวนี้ ลงคะแนนคราวที่แล้ว ประชามติรัฐธรรมนูญไม่เห็นให้ความสนใจ ตัดออกไปแม่งเสียดื้อๆ จะอ้างตอนนั้นมันพวก คสช.ทำ ก็คงไม่ขึ้นนักละ เพราะว่าตอนนี้ก็ คสช.สั่ง มิใช่หรือ

โอเค ทั่นรองฯ ณัฏฐ์บอกว่า “หลังจากมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ แล้ว พบว่าการใส่ชื่อและโลโก้พรรคอาจจะทำให้เกิดปัญหา...พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เลยบอกในที่ประชุมว่า พรรคการเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้”


ถ้าจะสงสัยว่า คสช.แอบสั่งไว้ก่อนหน้านั้นล่ะ ก็เป็นไปได้ใช่ไหม แล้วการไม่ระบุตัวบุคคลที่ได้รับคะแนน มีเพียงเบอร์นั้น ถ้า (ไม่) บังเอิญ (แต่) มีการมั่วบัตรของพรรคอื่นไปอยู่กับประชารัฐ ที่ พลัง มหาศาลละก็ จัดว่าเป็นการ ปล้น ใช่ไหม

ถึงจะมีความเห็น ให้อภัยจาก Dhiravath Suantan @ARMdhiravath ที่ชี้ “ความจริงบัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต ที่มีแต่เลขผู้สมัครไม่มีชื่อคนชื่อพรรคเราใช้กันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ยุคผมเห็นมาตั้งแต่ปี ๕๐, ๕๔, ๕๗
 
แต่ที่มีโลโก้มีชื่อพรรค มันคือบัตรบัญชีรายชื่อ ซึ่งการเลือกตั้งตาม รธน.ใหม่ ไม่มีการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ดังนั้นจึงเหลือบัตรลงคะแนนแบ่งเขตเพียงใบเดียว” กระนั้นเขายังเห็นว่ามันไม่ค่อยจะแฟร์ เนื่องจากยัง “มีหลายคนมองว่าไม่ยุติธรรม

เพราะระบบเลือกตั้งแม้ไม่มีการเลือก ส.ส. บัญชีรายชื่อก็จริงแต่คะแนนที่ได้ ก็ส่งผลต่อ การคำนวณสัดส่วนที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย ดังนั้นเมื่อมีการยุบบัตรเหลือเพียงใบเดียวก็ควรจะระบุให้เห็นถึงความเป็นพรรคการเมืองในบัตรเดียวกันด้วย”

โดยที่ใครต่อใครในฝ่าย ประชาธิปไตย(ขออนุญาตอีกทีอ้างคำนี้ ในความหมายที่ตรงข้ามคณะรัฐประหารยึดอำนาจ) ล้วนบอกว่ามัน เอาเปรียบอย่างเช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ฟากเพื่อไทยบอก “คสช.ว่ากลัวอะไร ถึงจะไม่ยอมให้พิมพ์ชื่อพรรรคการเมือง โลโก้พรรคการเมือง ลงในบัตรเลือกตั้ง”

ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยคนนี้ยกเหตุผลข้อกฎหมายที่พวก คสช. (โดยเฉพาะหัวหน้าน่ะตัวดี) ชอบอ้างกันนัก “ข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญกำหนดให้ ส.ส. ต้องสังกัดพรรคการเมือง ซึ่งเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยที่ต้องการให้พรรคการเมืองได้คัดสรรคนที่เหมาะสมมาลงสมัครรับเลือกตั้ง

หรือติดปากกันว่า พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค...” แต่ว่าขณะนี้ประยุทธ์ซึ่ง “มีสถานะเป็นผู้ลงแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย ได้ใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. และหัวหน้ารัฐบาลที่ยกตนอ้างว่าเป็น กรรมการกลาง สั่งการชี้นำ กกต.เพื่อเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองคนอื่นๆ”

อีกคนในฟาก ปชต. เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่มองเห็นเจตนาแอบแฝงว่า “รัฐบาล รวมถึง คสช. พยายามออกแบบกติกาการเลือกตั้งให้เอื้อประโยชน์กับการสืบทอดอำนาจทุกวิถีทาง” และ “ยิ่งสร้างอุปสรรคให้กับพรรคการเมืองและประชาชนในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้

เพราะหากไม่มีชื่อพรรคการเมือง ไม่มีโลโก้พรรคการเมือง ก็ยิ่งแต่จะทำให้ประชาชนสับสน” ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล ให้ข้อคิดเห็นว่าการกำหนดให้ผู้สมัครแต่ละคนจับเบอร์ อันจะทำให้คนในพรรคเดียวกันได้ต่างเบอร์ ก็ยิ่งจะ ยุ่งตายห่

แล้วยังจะมี วิชามาร“การที่มีแต่ชื่อผู้สมัคร ก็จะทำให้ประชาชนคุ้นกับชื่อผู้สมัครเก่าๆ ที่ถูกดูดไป อย่างนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบางพรรคการเมืองหรือไม่” เขาแค่ถามให้ประชาชนรับรู้ ตะเองน่ะไม่อยากตอบอยู่แล้ว

ก็เพราะว่าหัวหน้ารัฐประหารแผ่นเสียงตกร่องอีกแล้ว อ้าง “วาระแห่งชาติที่สอดคล้องความต้องการต่อความมุ่งมั่นในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี” ที่ ‘I-เฮีย เขียนเองแล้วมาบังคับ “หากไม่ทำตามแผนแม่บทที่รัฐบาล (นี้) วางไว้ก็ต้องมีเหตุผลชี้แจง”


อย่างที่บอกแต่ต้น คนมันจะโกง จะมาในรูปแบบ ตระบัดหรือ ฟัดเหวี่ยง ด้วยกำลังที่เหนือกว่า (โดยสรรพาวุธ) ถ้ายอมหยวนก็ยิ่งได้ที ฉะนี้ ผู้ด้อยต้องเอาตัวให้รอดด้วยพลัง ‘Resistance’ เท่านั้น

การต้านทานไม่ต้องใช้กำลังที่แกร่งเสมอไป ใช้วิธีนุ่มๆ นิ่มๆ ก็ได้ แบบที่ชาวบ้านหนองกี่ บุรีรัมย์ เขาทำกัน ดัง ‘phoom91 คิดนอกกะลา @phoom91’ เก็บเอามาเล่าตอน “พอดีแวะปั้มน้ำมัน ปตท....เห็นชาวบ้านต่อแถวกดเงินตู้ ATM” กดเงินคนจน ๕๐๐ บาท
 
ถามว่าได้เงินนี้จะเลือกพรรคพลังประชารัฐของประยุทธ์ไหม ชาวบ้านตอบแบบไม่คิด ไม่เลือก (ถ้างั้น) เลือกใคร (เขาบอก) เพื่อไทย 

โอ้ว คนจน”