
𝘼𝙣𝙪𝙘𝙝𝙞𝙩 𝘾𝙝𝙖𝙡𝙚𝙚
12 hours ago
·
ทำไม “จันทบุรี-กัมพูชา” ไม่รบกัน ทั้งที่ชายแดนอื่นมีปัญหา?
1. จันทบุรี–กัมพูชา = ชายแดน “ผลประโยชน์ร่วม” มากกว่าพื้นที่ขัดแย้ง ชายแดนจันทบุรี ไม่มีปมพิพาทเขตแดนรุนแรง แบบปราสาทพระวิหาร (ไทย–กัมพูชา) พื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร/ช่องบก เส้นแบ่งอาณาเขตที่ยังตีความไม่ตรงกัน พูดง่ายๆคือ ไม่มี “สัญลักษณ์ทางชาติพันธุ์/อธิปไตย” ให้ปลุกกระแสชาตินิยม
2. พื้นที่นี้ “ค้าขาย = เงินสด = ชีวิตจริง” จันทบุรี–ตราด–พระตะบอง–ไพลิน คือเส้นเลือดเศรษฐกิจของทั้งสองฝั่ง แรงงานกัมพูชาพึ่งพาฝั่งไทย พ่อค้าไทยพึ่งพาตลาดและแรงงาน สินค้าเกษตร / อัญมณี / การขนส่ง ถ้ามีการรบ เงินหายทันที คนท้องถิ่นเดือดก่อนรัฐ ผู้มีอำนาจในพื้นที่ “เสียผลประโยชน์” จึงไม่มีใครได้อะไรจากการรบ
3. โครงสร้างอำนาจท้องถิ่น “คุมได้” ต่างจากชายแดนบางแห่งที่ มีกองกำลังนอกระบบ มีกลุ่มติดอาวุธแฝงการเมือง หรือมีประวัติความรุนแรงสะสม ชายแดนจันทบุรี ฝ่ายความมั่นคงทั้งสองประเทศ “คุยกันรู้เรื่อง” มีช่องทางสื่อสารตรง แก้ปัญหาแบบเงียบๆ ก่อนลุกลาม นี่คือ สันติภาพแบบไม่เป็นข่าว
4. ไม่มี “ตัวจุดชนวน” ให้การเมืองระดับชาติใช้ ความขัดแย้งชายแดนจำนวนมาก ไม่ได้เริ่มจากชาวบ้าน แต่เริ่มจากการเมืองภายใน การสร้างศัตรูร่วม การเบี่ยงประเด็นจากปัญหาในประเทศ จันทบุรีไม่ใช่พื้นที่ที่ปลุกแล้วคนทั้งชาติอิน เอาไปหาเสียงแล้วได้แต้ม ดังนั้น ไม่มีแรงจูงใจให้ใครจุดไฟ
5. บาดแผลประวัติศาสตร์ต่างจากพื้นที่อื่น พื้นที่นี้ไม่ได้เป็นสมรภูมิความทรงจำ แบบพระวิหาร = ศักดิ์ศรีชาติ บางจุดในภาคใต้ = อัตลักษณ์/ศาสนา จันทบุรี–กัมพูชา คือ “อยู่กันมานาน เจ็บกันมาแล้ว รู้ว่ารบแล้วไม่คุ้ม”
สรุปสั้นๆ แบบตรงแก่น
เหตุผลที่ จันทบุรี–กัมพูชาไม่รบกัน ไม่ใช่เพราะรักกัน
แต่เพราะ:
1.
ไม่มีปมอธิปไตยให้ปลุก
2.
ผลประโยชน์ร่วมสูงมาก
3.
อำนาจท้องถิ่นคุมเกมได้
4.
การเมืองส่วนกลางไม่อยากแตะ
5.
คนพื้นที่ “รู้ราคาของสงคราม”
สันติภาพที่นี่ ไม่ได้เกิดจากอุดมคติ แต่เกิดจากการคำนวณผลได้–ผลเสียที่โหดและจริง
ทำไม “จันทบุรี-กัมพูชา” ไม่รบกัน ทั้งที่ชายแดนอื่นมีปัญหา?
1. จันทบุรี–กัมพูชา = ชายแดน “ผลประโยชน์ร่วม” มากกว่าพื้นที่ขัดแย้ง ชายแดนจันทบุรี ไม่มีปมพิพาทเขตแดนรุนแรง แบบปราสาทพระวิหาร (ไทย–กัมพูชา) พื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร/ช่องบก เส้นแบ่งอาณาเขตที่ยังตีความไม่ตรงกัน พูดง่ายๆคือ ไม่มี “สัญลักษณ์ทางชาติพันธุ์/อธิปไตย” ให้ปลุกกระแสชาตินิยม
2. พื้นที่นี้ “ค้าขาย = เงินสด = ชีวิตจริง” จันทบุรี–ตราด–พระตะบอง–ไพลิน คือเส้นเลือดเศรษฐกิจของทั้งสองฝั่ง แรงงานกัมพูชาพึ่งพาฝั่งไทย พ่อค้าไทยพึ่งพาตลาดและแรงงาน สินค้าเกษตร / อัญมณี / การขนส่ง ถ้ามีการรบ เงินหายทันที คนท้องถิ่นเดือดก่อนรัฐ ผู้มีอำนาจในพื้นที่ “เสียผลประโยชน์” จึงไม่มีใครได้อะไรจากการรบ
3. โครงสร้างอำนาจท้องถิ่น “คุมได้” ต่างจากชายแดนบางแห่งที่ มีกองกำลังนอกระบบ มีกลุ่มติดอาวุธแฝงการเมือง หรือมีประวัติความรุนแรงสะสม ชายแดนจันทบุรี ฝ่ายความมั่นคงทั้งสองประเทศ “คุยกันรู้เรื่อง” มีช่องทางสื่อสารตรง แก้ปัญหาแบบเงียบๆ ก่อนลุกลาม นี่คือ สันติภาพแบบไม่เป็นข่าว
4. ไม่มี “ตัวจุดชนวน” ให้การเมืองระดับชาติใช้ ความขัดแย้งชายแดนจำนวนมาก ไม่ได้เริ่มจากชาวบ้าน แต่เริ่มจากการเมืองภายใน การสร้างศัตรูร่วม การเบี่ยงประเด็นจากปัญหาในประเทศ จันทบุรีไม่ใช่พื้นที่ที่ปลุกแล้วคนทั้งชาติอิน เอาไปหาเสียงแล้วได้แต้ม ดังนั้น ไม่มีแรงจูงใจให้ใครจุดไฟ
5. บาดแผลประวัติศาสตร์ต่างจากพื้นที่อื่น พื้นที่นี้ไม่ได้เป็นสมรภูมิความทรงจำ แบบพระวิหาร = ศักดิ์ศรีชาติ บางจุดในภาคใต้ = อัตลักษณ์/ศาสนา จันทบุรี–กัมพูชา คือ “อยู่กันมานาน เจ็บกันมาแล้ว รู้ว่ารบแล้วไม่คุ้ม”
สรุปสั้นๆ แบบตรงแก่น
เหตุผลที่ จันทบุรี–กัมพูชาไม่รบกัน ไม่ใช่เพราะรักกัน
แต่เพราะ:
1.
ไม่มีปมอธิปไตยให้ปลุก2.
ผลประโยชน์ร่วมสูงมาก3.
อำนาจท้องถิ่นคุมเกมได้4.
การเมืองส่วนกลางไม่อยากแตะ5.
คนพื้นที่ “รู้ราคาของสงคราม”สันติภาพที่นี่ ไม่ได้เกิดจากอุดมคติ แต่เกิดจากการคำนวณผลได้–ผลเสียที่โหดและจริง
https://www.facebook.com/photo?fbid=1431758201648561&set=a.416026889888369