Thai News Pix
Yesterday
·
เด็กในสภาวะสงครามชายแดนไทย–กัมพูชา: ชีวิต ที่อยู่อาศัย การศึกษา และความปลอดภัยที่สั่นคลอน
.
เรื่องและภาพ อานันท์ ชนมหาตระกูล
.
ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาที่ปะทุขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ครอบครัวจำนวนมากในจังหวัดสระแก้ว ต้องอพยพออกจากพื้นที่โดยฉับพลัน เด็กจำนวนมากถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่หลุมหลบภัยและศูนย์อพยพชั่วคราว ชีวิตประจำวันที่เคยสงบเรียบง่าย ถูกแทนที่ด้วยความไม่แน่นอน เสียงระเบิดที่ดังไกลจากชายแดน และพื้นที่อยู่อาศัยที่คับแคบ
.
หลายครอบครัวต้องหนีเข้าหลุมหลบภัยในหมู่บ้านติดชายแดนทันทีเมื่อเสียงปะทะเริ่มดังขึ้น เด็กเล็กอายุเพียง 5 ขวบสองคน เช่น “น้องน้อย” และ “น้องลีโอ” ถูกพ่อแม่พามาอยู่ในพื้นที่อพยพอย่างเร่งรีบ บ้านที่เคยเป็นพื้นที่ปลอดภัย กลายเป็นเขตเสี่ยงที่ไม่สามารถกลับไปพักอาศัยได้
.
ภายในศูนย์อพยพ เด็ก ๆ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอาคารขนาดใหญ่หรือพื้นที่จำกัด ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว ความเป็นส่วนตัวแทบไม่มี และความเครียดจากบรรยากาศโดยรอบส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็กโดยตรง
.
การประกาศอพยพสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการเรียนของเด็กในพื้นที่ วันหนึ่งพวกเขายังไปโรงเรียนตามปกติ แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ต้องถูกผู้ปกครองรับกลับบ้าน เนื่องจากโรงเรียนได้รับคำสั่งหยุดการเรียนการสอนจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาปลอดภัย
.
น้ำทิพย์ เย็นอนุ อายุ 26 ปี ผู้ที่ดูแลเด็กหลายคนภายในศูนย์อพยพ อธิบายว่า เด็กทุกคนต้องหยุดเรียนทันทีโดยไม่มีการเตรียมตัว “เด็กบางคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ก็ไปโรงเรียนไม่ได้ และต้องมาอยู่ในพื้นที่จำกัดแบบนี้”
.
การไม่มีอุปกรณ์การเรียน การขาดครูผู้สอน และการขาดความต่อเนื่องทางการศึกษา อาจส่งผลต่อพัฒนาการในระยะยาว โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่อยู่ในวัยเรียนรู้พื้นฐานที่สำคัญ
.
แม้หลายครอบครัวจะอพยพออกมาจากพื้นที่ปะทะแล้ว แต่เสียงระเบิดที่ได้ยินเป็นระยะจากชายแดนยังคงส่งผลต่อความรู้สึกปลอดภัย เด็กบางคนเล่าว่าเคยเห็นบ้านของเพื่อนพังเสียหายจากสะเก็ดระเบิด ทำให้ความรู้สึกไม่มั่นคงฝังลึกอยู่ในใจ
.
การใช้ชีวิตในศูนย์อพยพจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ผู้ปกครองต้องคอยฟังประกาศจากเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา เพราะสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ในทุกชั่วโมง ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เกิดความกังวลอย่างต่อเนื่อง
.
ธนู โลหะเลิศ อายุ 43 ปี ชาวนาจากพื้นที่ตาพระยา ระบุว่า “ตอนนี้ทำงานไม่ได้เลย ต้องรออย่างเดียว ไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับไปทำนาได้”
.
สำหรับหลายครอบครัวในสระแก้ว การเกษตรคือรายได้หลัก การหยุดทำงานเพราะพื้นที่ไม่ปลอดภัย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของทั้งครอบครัว รวมถึงเด็กที่ต้องพึ่งพาผู้ปกครองในการดูแลและการศึกษา
ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการอพยพและการหยุดเรียน ทำให้เด็กจำนวนมากตกอยู่ในสภาวะเปราะบาง ทั้งด้านจิตใจ สังคม และสภาพความเป็นอยู่
.
ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ล้วนมีความหวังเดียวกัน คือการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เด็กหลายคนพูดตรง ๆ ว่า อยากกลับบ้าน พวกเขาโหยหาพื้นที่เล่น ห้องเรียน และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
.
ผู้ปกครองเองก็หวังให้ความขัดแย้งยุติโดยเร็ว เพื่อจะได้ทำมาหากินได้ตามปกติ และเพื่อให้ลูกหลานเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ใช่ท่ามกลางเสียงปะทะและข่าวการอพยพ
.
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในครั้งนี้ เปิดเผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า “เด็ก” เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด แม้พวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่กลับต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ตั้งแต่ที่อยู่อาศัย การเรียน ไปจนถึงความรู้สึกปลอดภัย
.
สิ่งเหล่านี้คือบทเรียนสำคัญว่า การปกป้องเด็กในสถานการณ์วิกฤตเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้พวกเขามีโอกาสเติบโตอย่างมีคุณภาพ และไม่ปล่อยให้สงครามพรากอนาคตของพวกเขาไปมากกว่านี้
·
เด็กในสภาวะสงครามชายแดนไทย–กัมพูชา: ชีวิต ที่อยู่อาศัย การศึกษา และความปลอดภัยที่สั่นคลอน
.
เรื่องและภาพ อานันท์ ชนมหาตระกูล
.
ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาที่ปะทุขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ครอบครัวจำนวนมากในจังหวัดสระแก้ว ต้องอพยพออกจากพื้นที่โดยฉับพลัน เด็กจำนวนมากถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่หลุมหลบภัยและศูนย์อพยพชั่วคราว ชีวิตประจำวันที่เคยสงบเรียบง่าย ถูกแทนที่ด้วยความไม่แน่นอน เสียงระเบิดที่ดังไกลจากชายแดน และพื้นที่อยู่อาศัยที่คับแคบ
.
หลายครอบครัวต้องหนีเข้าหลุมหลบภัยในหมู่บ้านติดชายแดนทันทีเมื่อเสียงปะทะเริ่มดังขึ้น เด็กเล็กอายุเพียง 5 ขวบสองคน เช่น “น้องน้อย” และ “น้องลีโอ” ถูกพ่อแม่พามาอยู่ในพื้นที่อพยพอย่างเร่งรีบ บ้านที่เคยเป็นพื้นที่ปลอดภัย กลายเป็นเขตเสี่ยงที่ไม่สามารถกลับไปพักอาศัยได้
.
ภายในศูนย์อพยพ เด็ก ๆ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอาคารขนาดใหญ่หรือพื้นที่จำกัด ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันในระยะยาว ความเป็นส่วนตัวแทบไม่มี และความเครียดจากบรรยากาศโดยรอบส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็กโดยตรง
.
การประกาศอพยพสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการเรียนของเด็กในพื้นที่ วันหนึ่งพวกเขายังไปโรงเรียนตามปกติ แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ต้องถูกผู้ปกครองรับกลับบ้าน เนื่องจากโรงเรียนได้รับคำสั่งหยุดการเรียนการสอนจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาปลอดภัย
.
น้ำทิพย์ เย็นอนุ อายุ 26 ปี ผู้ที่ดูแลเด็กหลายคนภายในศูนย์อพยพ อธิบายว่า เด็กทุกคนต้องหยุดเรียนทันทีโดยไม่มีการเตรียมตัว “เด็กบางคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ก็ไปโรงเรียนไม่ได้ และต้องมาอยู่ในพื้นที่จำกัดแบบนี้”
.
การไม่มีอุปกรณ์การเรียน การขาดครูผู้สอน และการขาดความต่อเนื่องทางการศึกษา อาจส่งผลต่อพัฒนาการในระยะยาว โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่อยู่ในวัยเรียนรู้พื้นฐานที่สำคัญ
.
แม้หลายครอบครัวจะอพยพออกมาจากพื้นที่ปะทะแล้ว แต่เสียงระเบิดที่ได้ยินเป็นระยะจากชายแดนยังคงส่งผลต่อความรู้สึกปลอดภัย เด็กบางคนเล่าว่าเคยเห็นบ้านของเพื่อนพังเสียหายจากสะเก็ดระเบิด ทำให้ความรู้สึกไม่มั่นคงฝังลึกอยู่ในใจ
.
การใช้ชีวิตในศูนย์อพยพจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ผู้ปกครองต้องคอยฟังประกาศจากเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา เพราะสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ในทุกชั่วโมง ความไม่แน่นอนนี้ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เกิดความกังวลอย่างต่อเนื่อง
.
ธนู โลหะเลิศ อายุ 43 ปี ชาวนาจากพื้นที่ตาพระยา ระบุว่า “ตอนนี้ทำงานไม่ได้เลย ต้องรออย่างเดียว ไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับไปทำนาได้”
.
สำหรับหลายครอบครัวในสระแก้ว การเกษตรคือรายได้หลัก การหยุดทำงานเพราะพื้นที่ไม่ปลอดภัย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของทั้งครอบครัว รวมถึงเด็กที่ต้องพึ่งพาผู้ปกครองในการดูแลและการศึกษา
ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการอพยพและการหยุดเรียน ทำให้เด็กจำนวนมากตกอยู่ในสภาวะเปราะบาง ทั้งด้านจิตใจ สังคม และสภาพความเป็นอยู่
.
ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ล้วนมีความหวังเดียวกัน คือการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เด็กหลายคนพูดตรง ๆ ว่า อยากกลับบ้าน พวกเขาโหยหาพื้นที่เล่น ห้องเรียน และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
.
ผู้ปกครองเองก็หวังให้ความขัดแย้งยุติโดยเร็ว เพื่อจะได้ทำมาหากินได้ตามปกติ และเพื่อให้ลูกหลานเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ใช่ท่ามกลางเสียงปะทะและข่าวการอพยพ
.
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในครั้งนี้ เปิดเผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า “เด็ก” เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด แม้พวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่กลับต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ตั้งแต่ที่อยู่อาศัย การเรียน ไปจนถึงความรู้สึกปลอดภัย
.
สิ่งเหล่านี้คือบทเรียนสำคัญว่า การปกป้องเด็กในสถานการณ์วิกฤตเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้พวกเขามีโอกาสเติบโตอย่างมีคุณภาพ และไม่ปล่อยให้สงครามพรากอนาคตของพวกเขาไปมากกว่านี้