ETOs Watch Coalition เครือข่ายติดตามการลงทุนไทยและความรับผิดชอบข้ามพรมแดน
9 hours ago
·
"ทรัมป์ประกาศพันธกิจใหม่ด้านแร่ธาตุสำคัญ: โอกาสกระจายความเสี่ยงห่วงโซ่แร่จากจีนที่แลกมาด้วยความกังวลด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อาหาร และเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง"
.
ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังเร่งสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์เพื่อลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ใหม่กับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพันธมิตรหลัก เพื่อส่งเสริมการผลิตและการค้าที่หลากหลายและยั่งยืนมากขึ้น ตามรายงานจาก Stimson Center ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันนี้ (30 ต.ค.) ได้นำเสนอโอกาสมหาศาลในการท้าทายการผูกขาดของจีน แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชนที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ
.
#พันธกิจหลักของทรัมป์_สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน
ตามเอกสารวิเคราะห์ของนักวิจัยจาก Stimson Center ได้ระบุว่าสหรัฐฯ ได้ลงนาม MOU กับไทย มาเลเซีย และกัมพูชา เพื่อความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญ โดยมุ่งเน้นการกระจายห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกรอบความร่วมมือกับญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เพื่อรับประกันการจัดหาแร่ธาตุและแร่หายากที่เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และโปร่งใส
.
ทรัมป์ย้ำถึงความสำคัญของการสร้างตลาดแร่ธาตุที่หลากหลาย โดยระบุว่าสหรัฐฯ ต้องการ "การเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และโปร่งใส" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกว้างใหญ่ในการลดการพึ่งพาจีน ผู้ครองส่วนแบ่งการผลิตและแปรรูปแร่ธาตุสำคัญถึง 19 ใน 20 ชนิด ตามรายงานของ IEA Global Critical Minerals Outlook 2025
.
#โอกาสสำหรับสหรัฐฯ_และพันธมิตรเอเชีย?
รายงานชี้ว่าการขยายความร่วมมือนี้เป็นโอกาสเชิงยุทธศาสตร์สำหรับสหรัฐฯ ในการสร้าง "กลุ่มพันธมิตรแร่ธาตุสำคัญ" เพื่อท้าทายการผูกขาดของจีน โดยเฉพาะในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งหลายประเทศกำลังกำหนดกลยุทธ์แห่งชาติเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมนี้ ตัวอย่างเช่น สำนักเลขาธิการอาเซียนเพิ่งประกาศ "วิสัยทัศน์การพัฒนาแร่ธาตุอาเซียน (AMDV)" เพื่อทำให้ภูมิภาคเป็นศูนย์กลางการพัฒนาแร่ธาตุที่ยั่งยืนและร่วมมือกัน
.
ออสเตรเลียและไทย ซึ่งครองอันดับ 4 ร่วมกันในฐานะผู้ผลิตแร่ธาตุสำคัญรายใหญ่ ขณะที่มาเลเซียอยู่อันดับ 10 และสหรัฐฯ อยู่อันดับ 2 ตามข้อมูลจาก The Guardian (26 ตุลาคม 2568) ทำให้การเป็นพันธมิตรเหล่านี้มีความสมเหตุสมผล สหรัฐฯ สามารถส่งเสริมมาตรฐานที่รับผิดชอบ เช่น การใช้เทคนิคชีวลูชชิง (bioleaching) การรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการฟื้นฟู e-waste เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รายงานระบุว่า "สหรัฐฯ มีโอกาสมีส่วนร่วมอย่างมีกลยุทธ์ ขณะเดียวกันก็สร้างความแตกต่างจากแนวทางของจีน โดยการผลักดันมาตรฐานที่รับผิดชอบร่วมกันในหมู่พันธมิตร"
.
#ความกังวล_ผลกระทบจากการขุดที่สกปรก
อย่างไรก็ตาม การขยายการขุดแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะแร่หายาก มักมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง รายงานเตือนถึงประวัติศาสตร์อันมืดมนของจีน เช่น การขุดแบบไม่ควบคุมในมณฑลเจียงซีที่ทำให้กรดกัดกร่อนน้ำใต้ดินและปนเปื้อนแม่น้ำ ส่งผลให้ต้องใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการฟื้นฟู ปัจจุบัน การขุดของจีนได้ย้ายไปยังเมียนมาและลาว ซึ่งมีเหมืองแร่หายากกว่า 500 แห่ง สร้างความเสียหายต่อชุมชนท้องถิ่นและระบบนิเวศ โดยเฉพาะลุ่มน้ำโขงที่เป็นแหล่งผลิตข้าว ปลา และผลผลิตทางการเกษตรสำหรับตลาดโลก
.
"ผลกระทบและความเสี่ยงไม่ได้จำกัดอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่นเท่านั้น เนื่องจากภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเป็นแหล่งผลิตข้าว ปลา และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ สำหรับตลาดโลก" รายงานยกตัวอย่าง โดยเตือนว่าการขยายในอาเซียนอาจนำไปสู่ปัญหาคล้ายกัน หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด สหรัฐฯ จึงถูกเรียกร้องให้เป็น "ทางเลือกที่รับผิดชอบ" โดยการลงทุนระยะยาวและมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น
.
#ข้อเสนอการสร้างกรอบที่ยั่งยืน
Stimson Center แนะนำให้สหรัฐฯ สร้างกรอบการขยายห่วงโซ่อุปทานที่ยึดมั่นในคำมั่นสัญญา เช่น การสนับสนุนการค้าแบบโปร่งใส และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การขุดแบบชีวภาพและการรีไซเคิล เพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ควรส่งเสริมการแบ่งปันความรู้ การวิจัยร่วม และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับภูมิภาค โดยใช้ AMDV ของอาเซียนเป็นฐาน
.
"การสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สามารถท้าทายและอาจแยกตัวจากระบบห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุที่จีนผูกขาด จะต้องใช้การลงทุนและความมุ่งมั่นระยะยาว" รายงานสรุป โดยชี้ว่าสหรัฐฯ สามารถนำเสนอทางเลือกที่แตกต่างจากจีนได้ หากเน้นมาตรฐานที่สูงขึ้น
.
การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก ซึ่งพึ่งพาแร่ธาตุเหล่านี้ในการผลิตแบตเตอรี่ชิปคอมพิวเตอร์ และพลังงานหมุนเวียน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนจะเร่งตัวขึ้นในปีหน้า เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
...
อ่านต้นฉบับรายงานได้ที่
https://www.stimson.org/2025/trumps-new-critical-minerals-commitments-opportunities-and-concerns/
https://www.facebook.com/ETOWatchCoalition/posts/1224734133026774
·
"ทรัมป์ประกาศพันธกิจใหม่ด้านแร่ธาตุสำคัญ: โอกาสกระจายความเสี่ยงห่วงโซ่แร่จากจีนที่แลกมาด้วยความกังวลด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อาหาร และเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง"
.
ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังเร่งสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์เพื่อลดการพึ่งพาจีนในห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ใหม่กับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพันธมิตรหลัก เพื่อส่งเสริมการผลิตและการค้าที่หลากหลายและยั่งยืนมากขึ้น ตามรายงานจาก Stimson Center ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันนี้ (30 ต.ค.) ได้นำเสนอโอกาสมหาศาลในการท้าทายการผูกขาดของจีน แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชนที่ต้องจัดการอย่างรอบคอบ
.
#พันธกิจหลักของทรัมป์_สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน
ตามเอกสารวิเคราะห์ของนักวิจัยจาก Stimson Center ได้ระบุว่าสหรัฐฯ ได้ลงนาม MOU กับไทย มาเลเซีย และกัมพูชา เพื่อความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญ โดยมุ่งเน้นการกระจายห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกรอบความร่วมมือกับญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เพื่อรับประกันการจัดหาแร่ธาตุและแร่หายากที่เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และโปร่งใส
.
ทรัมป์ย้ำถึงความสำคัญของการสร้างตลาดแร่ธาตุที่หลากหลาย โดยระบุว่าสหรัฐฯ ต้องการ "การเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดแร่ธาตุสำคัญและแร่หายากที่เปิดกว้าง มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และโปร่งใส" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกว้างใหญ่ในการลดการพึ่งพาจีน ผู้ครองส่วนแบ่งการผลิตและแปรรูปแร่ธาตุสำคัญถึง 19 ใน 20 ชนิด ตามรายงานของ IEA Global Critical Minerals Outlook 2025
.
#โอกาสสำหรับสหรัฐฯ_และพันธมิตรเอเชีย?
รายงานชี้ว่าการขยายความร่วมมือนี้เป็นโอกาสเชิงยุทธศาสตร์สำหรับสหรัฐฯ ในการสร้าง "กลุ่มพันธมิตรแร่ธาตุสำคัญ" เพื่อท้าทายการผูกขาดของจีน โดยเฉพาะในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งหลายประเทศกำลังกำหนดกลยุทธ์แห่งชาติเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมนี้ ตัวอย่างเช่น สำนักเลขาธิการอาเซียนเพิ่งประกาศ "วิสัยทัศน์การพัฒนาแร่ธาตุอาเซียน (AMDV)" เพื่อทำให้ภูมิภาคเป็นศูนย์กลางการพัฒนาแร่ธาตุที่ยั่งยืนและร่วมมือกัน
.
ออสเตรเลียและไทย ซึ่งครองอันดับ 4 ร่วมกันในฐานะผู้ผลิตแร่ธาตุสำคัญรายใหญ่ ขณะที่มาเลเซียอยู่อันดับ 10 และสหรัฐฯ อยู่อันดับ 2 ตามข้อมูลจาก The Guardian (26 ตุลาคม 2568) ทำให้การเป็นพันธมิตรเหล่านี้มีความสมเหตุสมผล สหรัฐฯ สามารถส่งเสริมมาตรฐานที่รับผิดชอบ เช่น การใช้เทคนิคชีวลูชชิง (bioleaching) การรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการฟื้นฟู e-waste เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รายงานระบุว่า "สหรัฐฯ มีโอกาสมีส่วนร่วมอย่างมีกลยุทธ์ ขณะเดียวกันก็สร้างความแตกต่างจากแนวทางของจีน โดยการผลักดันมาตรฐานที่รับผิดชอบร่วมกันในหมู่พันธมิตร"
.
#ความกังวล_ผลกระทบจากการขุดที่สกปรก
อย่างไรก็ตาม การขยายการขุดแร่ธาตุสำคัญ โดยเฉพาะแร่หายาก มักมาพร้อมกับความเสี่ยงสูง รายงานเตือนถึงประวัติศาสตร์อันมืดมนของจีน เช่น การขุดแบบไม่ควบคุมในมณฑลเจียงซีที่ทำให้กรดกัดกร่อนน้ำใต้ดินและปนเปื้อนแม่น้ำ ส่งผลให้ต้องใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการฟื้นฟู ปัจจุบัน การขุดของจีนได้ย้ายไปยังเมียนมาและลาว ซึ่งมีเหมืองแร่หายากกว่า 500 แห่ง สร้างความเสียหายต่อชุมชนท้องถิ่นและระบบนิเวศ โดยเฉพาะลุ่มน้ำโขงที่เป็นแหล่งผลิตข้าว ปลา และผลผลิตทางการเกษตรสำหรับตลาดโลก
.
"ผลกระทบและความเสี่ยงไม่ได้จำกัดอยู่ที่ชุมชนท้องถิ่นเท่านั้น เนื่องจากภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเป็นแหล่งผลิตข้าว ปลา และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ สำหรับตลาดโลก" รายงานยกตัวอย่าง โดยเตือนว่าการขยายในอาเซียนอาจนำไปสู่ปัญหาคล้ายกัน หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด สหรัฐฯ จึงถูกเรียกร้องให้เป็น "ทางเลือกที่รับผิดชอบ" โดยการลงทุนระยะยาวและมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น
.
#ข้อเสนอการสร้างกรอบที่ยั่งยืน
Stimson Center แนะนำให้สหรัฐฯ สร้างกรอบการขยายห่วงโซ่อุปทานที่ยึดมั่นในคำมั่นสัญญา เช่น การสนับสนุนการค้าแบบโปร่งใส และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การขุดแบบชีวภาพและการรีไซเคิล เพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ควรส่งเสริมการแบ่งปันความรู้ การวิจัยร่วม และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในระดับภูมิภาค โดยใช้ AMDV ของอาเซียนเป็นฐาน
.
"การสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สามารถท้าทายและอาจแยกตัวจากระบบห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุที่จีนผูกขาด จะต้องใช้การลงทุนและความมุ่งมั่นระยะยาว" รายงานสรุป โดยชี้ว่าสหรัฐฯ สามารถนำเสนอทางเลือกที่แตกต่างจากจีนได้ หากเน้นมาตรฐานที่สูงขึ้น
.
การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก ซึ่งพึ่งพาแร่ธาตุเหล่านี้ในการผลิตแบตเตอรี่ชิปคอมพิวเตอร์ และพลังงานหมุนเวียน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนจะเร่งตัวขึ้นในปีหน้า เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
...
อ่านต้นฉบับรายงานได้ที่
https://www.stimson.org/2025/trumps-new-critical-minerals-commitments-opportunities-and-concerns/
https://www.facebook.com/ETOWatchCoalition/posts/1224734133026774
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
