แม้นว่าในข้อหาที่จะโหวตความผิดฐานกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรงนั้น มาจากการอภิปรายเมื่อเดือนตุลาปีที่แล้ว เกี่ยวกับการที่เธอถูกโหวตออกจากกรรมาธิการพัฒนาการเมือง ว่า “กระบวนการคัดสรรผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งใน กมธ.
ไม่ได้คำนึงถึงฐานประวัติกลุ่มอาชีพของผู้สมัครเข้ามาเป็น สว. แต่ใช้เสียงข้างมากในการโหวต...ได้คนขายหมูเข้ามาเป็นกรรมาธิการ...ซึ่งตรงนี้ขอฟ้องประชาชน” ทำให้กลุ่ม สว.สีน้ำเงินเสียงข้างมาก ตั้งกรรมการจริยธรรมขึ้นมาพิจารณาลับ
“ประกอบไปด้วย สว.จำนวน ๒๒ คน ในจำนวนนี้มีสว.ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในคดีฮั้ว สว.จำนวนทั้งสิ้นถึง ๑๕ คน รวมทั้งพลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการด้วย” สว.นันทนาบอกว่าเธอได้ร้องคัดค้านกรรมการ ๑๕ คนนั้น
“แต่คณะกรรมการชุดนี้ก็ยังดึงดันที่จะสอบสวนต่อ โดยทุกอย่างดำเนินการโดย ‘ลับ’ และยังกลั่นแกล้งมิให้นำพยานคนสำคัญ ได้แก่ รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว ดร.ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ และทนายอนันตชัย ไชยเดชเข้าให้ปากคำ”
ทั้งๆ ที่กับกรณีอื่นๆ ที่มีการร้องเรียนจริยธรรมทำนองเดียวกัน “เช่น ที่นายอลงกต วรกี สว. ร้องไห้ล้อเลียนในสภาฯ และที่นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. อภิปรายกล่าวหาว่าตนเองเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำโรคจิต ก็มีผู้ไปร้องเรียนแต่ถูกยกไปอย่างรวดเร็ว”
แม้ปรากฏว่า สว.ฝ่ายอิสระ เสียงส่วนน้อยราว ๒๐ คนออกมาร่วมแถลงสนับสนุนและให้กำลังใจ สว.นันทนา แต่ว่าการประชุมลงมติในวันพรุ่งนี้ เป็นการประชุมลับ ตามข้อบังคับ ๔๒ ประชาชนสาธารณะจะไม่ได้รับทราบข้อมูลใดๆ เลย นอกจากนั้น
ข้อบังคับที่ ๔๓ วรรคสอง ใช้เสียง สว.จำนวน ๓ ใน ๕ หรือเท่ากับ ๑๒๐ เสียง เพื่อส่งให้ ปปช.ดำเนินคดีต่อไป ขณะที่ สว.ที่ถูกดำเนินคดีฮั้ว มีอยู่ ๑๓๐ คน เท่ากับวาระการโหวตพรุ่งนี้ เป็นการ “กินรวบ” และ “ปิดประตูตีแมว” สว.นันทนาชี้
นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว.อิสระคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า “การดำเนินการของวุฒิสภาไม่ได้เป็นอิสระอย่างที่ควรจะเป็น แต่มีการสั่งการจากบางจุด อาจเป็นบนเขาสักแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” และว่าควรทบทวน
ไม่ให้มีการใช้เรื่องจริยธรรมมารังแกกลั่นแกล้งการเมืองอีกต่อไป
(https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/rKYDcNFtrdq8 และ https://www.facebook.com/dr.nantana/posts/232WV9CDgq)
