
รัฐบาล "อนุทิน" ทำอะไรบ้าง ก่อนประกาศ "วาระแห่งชาติ" ปราบปรามสแกมเมอร์
เมื่อ 9 ชั่วโมงที่แล้ว
บีบีซีไทย
รัฐบาลไทยประกาศให้การปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ (Scammer) เป็น "วาระแห่งชาติ" แต่ยังไม่มีการชี้แจงมาตรการที่เป็นรูปธรรมออกมา นอกจากการตั้งคณะกรรมการไปแล้ว 2 ชุด
ในระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงเช้าวันนี้ (21 ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และขอให้บรรจุเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์เป็น "วาระแห่งชาติ"
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คือผู้ออกมาแถลงเรื่องนี้ ทว่ายังไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการดำเนินการ
เขายังกล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่ โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบนายอนุทินในเช้าวันเดียวกันนี้ นายกฯ ได้ขอรับความร่วมมือจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะการแลกข้อมูลเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับ และนัดหมายกันว่าต้นเดือน พ.ย. จะมีทีมดูแลเรื่องสแกมเมอร์มาหารือกับนายกฯ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือด้านการปรามปรามอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ จะเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์การเจรจาคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) ไทย-กัมพูชา และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission – JBC) ไทย-กัมพูชา นายอนุทินมีท่าทีชัดเจนว่าประเทศไทยยึดตามเงื่อนไข 4 ข้อ
"หากไม่มีการดำเนินการอย่างจริงใจจากกัมพูชา ข้อตกลงสันติภาพที่คาดหวังว่าจะเกิด ก็จะไม่เกิดขึ้นในมาเลเซีย" โฆษกรัฐบาลกล่าวอ้างคำพูดที่นายกฯ อนุทินบอกกับทูตสหรัฐฯ
1 ใน 4 เงื่อนไขในการพูดคุยสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาคือ การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Scam) อย่างเป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมา รัฐบาล "อนุทิน" ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ขบวนการฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์เมื่อ 16 ต.ค. เรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับ "ปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่การทำงานตามกระแส หรือหวังผลทางการเมืองและคะแนนนิยมเท่านั้น"
1 ใน 7 ข้อเสนอจากพรรค พท. คือให้ดำเนินมาตรการ "3 ตัด" คือ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดสแกมเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอาจพิจารณายกระดับจากโมเดลความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-จีน-เมียนมา ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
อนุทินแจงทำงานเต็มที่ แต่ "ขาดการประชาสัมพันธ์"
วานนี้ (20 ต.ค.) นายอนุทินเรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีครั้งแรก โดยมีรัฐมนตรีและผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กระทรวงการคลัง การกระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กระทรวงกลาโหม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
นายอนุทินเน้นย้ำให้ทุกหน่วยรับทราบว่าขณะนี้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาอาชญากรรมระดับโลก รัฐบาลต้องถือว่าเรื่องนี้เป็น "วาระแห่งชาติ" โดยทุกหน่วยงานจะบูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหานี้
รัฐบาลไทยประกาศให้การปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ (Scammer) เป็น "วาระแห่งชาติ" แต่ยังไม่มีการชี้แจงมาตรการที่เป็นรูปธรรมออกมา นอกจากการตั้งคณะกรรมการไปแล้ว 2 ชุด
ในระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงเช้าวันนี้ (21 ต.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และขอให้บรรจุเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์เป็น "วาระแห่งชาติ"
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คือผู้ออกมาแถลงเรื่องนี้ ทว่ายังไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการดำเนินการ
เขายังกล่าวด้วยว่า ในระหว่างที่ โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบนายอนุทินในเช้าวันเดียวกันนี้ นายกฯ ได้ขอรับความร่วมมือจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะการแลกข้อมูลเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับ และนัดหมายกันว่าต้นเดือน พ.ย. จะมีทีมดูแลเรื่องสแกมเมอร์มาหารือกับนายกฯ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือด้านการปรามปรามอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ จะเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์การเจรจาคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) ไทย-กัมพูชา และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission – JBC) ไทย-กัมพูชา นายอนุทินมีท่าทีชัดเจนว่าประเทศไทยยึดตามเงื่อนไข 4 ข้อ
"หากไม่มีการดำเนินการอย่างจริงใจจากกัมพูชา ข้อตกลงสันติภาพที่คาดหวังว่าจะเกิด ก็จะไม่เกิดขึ้นในมาเลเซีย" โฆษกรัฐบาลกล่าวอ้างคำพูดที่นายกฯ อนุทินบอกกับทูตสหรัฐฯ
1 ใน 4 เงื่อนไขในการพูดคุยสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาคือ การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Scam) อย่างเป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมา รัฐบาล "อนุทิน" ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ขบวนการฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ โดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์เมื่อ 16 ต.ค. เรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับ "ปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่การทำงานตามกระแส หรือหวังผลทางการเมืองและคะแนนนิยมเท่านั้น"
1 ใน 7 ข้อเสนอจากพรรค พท. คือให้ดำเนินมาตรการ "3 ตัด" คือ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดสแกมเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอาจพิจารณายกระดับจากโมเดลความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-จีน-เมียนมา ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
อนุทินแจงทำงานเต็มที่ แต่ "ขาดการประชาสัมพันธ์"
วานนี้ (20 ต.ค.) นายอนุทินเรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีครั้งแรก โดยมีรัฐมนตรีและผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กระทรวงการคลัง การกระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กระทรวงกลาโหม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
นายอนุทินเน้นย้ำให้ทุกหน่วยรับทราบว่าขณะนี้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาอาชญากรรมระดับโลก รัฐบาลต้องถือว่าเรื่องนี้เป็น "วาระแห่งชาติ" โดยทุกหน่วยงานจะบูรณาการความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหานี้

นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 20 ต.ค.
ผู้นำรัฐบาลไทยได้รับทราบรายงานว่าหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ มีบันทึกการจับกุม ยึดทรัพย์สิน ยึดเงิน ดำเนินคดีผู้กระทำผิดจำนวนมาก มูลค่าเงินระดับหมื่นล้านบาท เพียงแต่ขาดการประชาสัมพันธ์ เพราะต่างคนก็ต่างทำงาน พร้อมยืนยันว่า "รัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่งเฉย จะดำเนินการสั่งให้เข้มข้นมากขึ้น"
นอกจากนี้นายอนุทินยังพูดถึง "ยาแรง" ที่จะใช้จัดการกับเครือข่ายสแกมเมอร์ว่าได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง "ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องรอ" เพื่อหยุดการให้บริการ หรือให้การสนับสนุน หรือหยุดซัพพลายของสิ่งที่จะไปทำให้คนทำผิดกฎหมายได้ทันที ทั้งนี้เลขาธิการ สมช. ยืนยันว่าสามารถตัดระบบหรือปิดสัญญาณที่เป็นการสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมายได้โดยไม่ต้องขอมติจาก สมช. อีก เนื่องจากมีมติเดิมครอบคลุมอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่พื้นที่ใด โดยบอกเพียงว่า "ตอนนี้หลัก ๆ ฝั่งขวาก่อน"
ทว่าโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ขยายความเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า มีการตัดสัญญาณที่ส่งไปยังเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ที่มีการเกิดสถานการณ์ชายแดน รวมถึงฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งมีการร้องเรียนเรื่องสแกมเมอร์
นายกฯ พูดถึง "เบน สมิธ" อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อมูลอะไรที่นายกฯ ยังไม่เคยทราบและตกใจบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า มีผู้กระทำผิดที่ถือสัญชาติไทย แต่ก็ยังถือสัญชาติอื่นอยู่ด้วย "จำได้หรือไม่ที่ผม ไม่ยอมเซ็นสัญชาติให้ใคร เพราะเขาขณะนั้นยังถืออยู่หลายสัญชาติ ซึ่งได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครองไปดำเนินการเรื่องถือ 2 สัญชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาขอสัญชาติไทยแล้วยังถือสัญชาติอื่นอยู่ มันไม่ต้องไปดูพฤติกรรมอื่น ตรงนี้ถือว่าผิดอยู่แล้ว ฉะนั้นเราจะดำเนินการถอนสัญชาติเขา อันนี้แรงหรือยัง"
นายกฯ ยอมรับด้วยว่า บุคคลดังกล่าว "เชื่อมโยง" กับสแกมเมอร์และเครือข่าย
ส่วนกรณีที่ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน ออกมาเปิดเผยข้อมูลแผนผังว่ามีการเชื่อมโยงกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ เพื่อให้มีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้อ่าน และในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ แต่ย้ำว่า "ถ้าโยงถึงใคร คนนั้นก็โดน"
ก่อนหน้านี้เมื่อ 26 ส.ค. นายอนุทินเคยให้สัมภาษณ์ถึงการไม่ลงนามอนุมัติให้สัญชาติไทยแก่นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือที่รู้จักในชื่อ "เบน สมิธ" นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ ผู้เป็นนายหน้าขายเครื่องบินให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ขณะนั้นเอกสารหลักฐานยังไม่ครบ ขั้นตอนยังไม่ถึงมือ รมว.มหาดไทย เพราะเอกสารยังไม่สมบูรณ์ และต้องผ่านกรมการปกครอง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ก่อนที่จะถึงมือ มท.1 แต่พอสำนักงานปลัดเห็นว่าหลักฐานไม่ครบ ก็ไม่สามารถเสนอรัฐมนตรีได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนและวิธีการปกติ
นายกฯ คนที่ 32 ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่าเคยโดนสแกมเมอร์หรือไม่ โดยบอกว่า "ผมเคยโดนพวกที่เขาโทรศัพท์มาคุย ผมก็พูดคุยกับเขา เสียงหวานดี"
นายอนุทินไม่ใช่ผู้นำคนแรกที่ออกมาเปิดเผยว่าตนเองได้รับการติดต่อจากเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ เพราะเมื่อ 15 ม.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ คนที่ 31 เคยเล่าเหตุการณ์ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เอไอปลอมเสียงเป็นผู้นำประเทศหนึ่งหลอกให้โอนเงินบริจาคให้
"หากมีโอกาสจะมีการแถลงข่าว" วรภัคระบุ หลังมีชื่อโยงสแกมเมอร์

วรภัค ธันยาวงษ์ เคยชี้แจงกลางรัฐสภาเมื่อ 30 ก.ย. หลังถูกฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิง โดยบอกว่า ทำงานมา 30 ปี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย "เราไม่สนับสนุนการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งธุรกรรมฟอกเงิน"
กับกระแสข่าวการแต่งตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง เป็นประธานคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน แกะรอยหาความเชื่อมโยงถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มวิชาชีพ หรือเครือข่ายเงินทุนสีเทานั้น นายกฯ ปฏิเสธว่า "ยังไม่มีชื่อใครเลย" มอบหมายให้อธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการฯ ไปรวบรวมรายชื่อและยกร่างคำสั่งเพื่อให้นายกฯ ลงนามแต่งตั้งต่อไป
นายวรภัคถูกเชื่อมโยงว่าเป็น 1 ใน 7 นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในกัมพูชา ซึ่งเจ้าตัวตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อ 20 ต.ค. ว่า ไม่เคยทำงานหรือรับค่าตอบค่าตอบแทนใด ๆ กับบริษัท บีไอซีกรุ๊ป (BIC Group) กลุ่มทุนการเงินขนาดใหญ่ของกัมพูชา แต่ยอมรับว่าเคยพบกับนายยิม เลียก ประธานกรรมการบริษัท บีไอซีกรุ๊ป จริง เนื่องจากนายยิม เลียก ขอรับคำปรึกษาในการตั้งธนาคารในกัมพูชา ซึ่งเขาได้ให้คำปรึกษาเช่นเดียวกับสถาบันทางการเงินในต่างประเทศอื่น ๆ
"มีคนเคยพามาแนะนำว่า เขาจะตั้งแบงก์ ขอคำปรึกษา ผมก็ให้คำปรึกษาด้วยวาจาแค่นั้นเอง และผมเองตั้งแต่ออกจากธนาคารกรุงไทย แมคเคนซีก็ให้ผมเป็นที่ปรึกษา แบงก์ต่าง ๆ หลายแบงก์ ทั้งในอินโดนีเซีย ทั้งในเวียดนามก็มีเยอะแยะ" นายวรภัคกล่าว
ทั้งนี้ นายยิม เลียก ชายชาวกัมพูชา เป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีผู้จะถูกดำเนินการมาตรการคว่ำบาตรในร่างกฎหมายปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติของสหรัฐฯ
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ได้แชร์ข่าวการแต่งตั้ง รมช.คลัง เป็นประธานคณะทำงานปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ พร้อมระบุว่า "ถ้าข่าวนี้เป็นจริง บ้ามาก บ้าไปแล้ว นี่คือการตบหน้าประชาชนอย่างชัดเจน การกระทำแบบนี้ของรัฐบาลนายอนุทินไม่ต่างอะไรกับการให้ความช่วยแก๊งสแกมเมอร์ให้รอดพ้นจากการถูกกำจัด น่าผิดหวัง น่าผิดหวังจริง ๆ"
3 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลทำอะไรไปบ้าง
- 29 ก.ย. รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
- 30 ก.ย. 2 สส. พรรคประชาชน (ปชน.) นายรังสิมันต์ โรม และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อภิปรายชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างนักการเมืองในรัฐบาลทั้งในอดีตและปัจจุบัน กับที่ปรึกษาสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่ง สส. ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าชาวต่างชาติรายนี้มีส่วนพัวพันกับการฟอกเงินและเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา
- 15 ต.ค. นายกฯ ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยนั่งเป็นประธานเอง (คณะกรรมการชุดที่ 1)
- 17 ต.ค. กระทรวงการคลังตั้งทีม Connect the Dots ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบที่มาแหล่งเงิน อุดช่องสกัดเงินเทา และสแกมเมอร์ข้ามชาติ (คณะกรรมการชุดที่ 2)
- 19 ต.ค. นายกฯ เปิดเผยว่า มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ตรวจสอบกรณีสื่อสังคมออนไลน์เปิดข้อมูลว่า 7 นักการเมืองไทยเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา
- 20 ต.ค. นายกฯ เรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนัดแรก ก่อนประกาศให้การปราบปรามสแกมเมอร์เป็น "วาระแห่งชาติ"
- 21 ต.ค. นายกฯ แจ้ง ครม. ขอให้บรรจุเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์เป็น "วาระแห่งชาติ"
https://www.bbc.com/thai/articles/c5yp98pp9keo