วันศุกร์, ตุลาคม 24, 2568

ปัจจุบันกระแส “ต่อต้านสแกมเมอร์” และ “การฟอกเงิน” กำลังแรงที่สุดในรอบหลายปี คนเริ่มตั้งคำถามกับระบบการเงิน ว่า ทำไมเราถึงกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน และทำไมผู้ร้ายยังหาช่องฟอกเงินได้อีก นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการไล่จับคนโกง แต่คือโอกาสของไทยที่จะ ยกระดับระบบการเงินให้โปร่งใสเหมือนประเทศชั้นนำ


Pipat Luengnaruemitchai
10 hours ago
·
นี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่ไทยจะสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา และสร้างระบบการเงินที่ประชาชนรู้สึก ปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบได้จริง

ปัจจุบันกระแส “ต่อต้านสแกมเมอร์” และ “การฟอกเงิน” กำลังแรงที่สุดในรอบหลายปี

คนเริ่มตั้งคำถามกับระบบการเงิน ว่า ทำไมเราถึงกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน และทำไมผู้ร้ายยังหาช่องฟอกเงินได้อีก

นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการไล่จับคนโกง แต่คือโอกาสของไทยที่จะ ยกระดับระบบการเงินให้โปร่งใสเหมือนประเทศชั้นนำ และยกระดับภาคการเงินไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินจริงๆได้

เป็นจังหวะที่เราสามารถ “ลบภาพเทา” ของระบบ และ “สร้างความเชื่อมั่นใหม่” ให้ทั้งประชาชนและนักลงทุนทั่วโลก

หากเราไม่เร่งทำ เราจะเปลี่ยนจากประเทศที่้เป็นเหยื่อของการฟอกเงิน กลายเป็นผู้ร่วมกระบวนการ หรือกลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินอย่างเต็มตัว

จริง ๆ แล้วเราไม่ต้องคิดอะไรใหม่เลย — เพราะ global best practice เรื่องนี้มีอยู่แล้ว

จากทั้ง Financial Action Task Force (FATF), Financial Crimes Enforcement Network (FinCEN), MAS สิงคโปร์, และจากประเทศศูนย์กลางการเงินชั้นนำอื่น

สิ่งที่ต้องทำ คือ “ทำให้ครบ” และ “ทำให้จริง”

จากเหตุการณ์ช่วงนี้ เห็นชัดมาก ว่าเรามี จุดโหว่สำคัญที่ต้องปิดอีกเยอะ ตัวอย่างเช่น (คงมีเรื่องอื่นอีกเพียบเลย)

1. ตลาดคริปโต (Virtual Assets) ที่คนมองว่าความลับเป็นจุดเด่นสำคัญ แต่ก็เป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการฟอกเงิน และเงินเทามหาศาล เราควรอนุญาตให้ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตของเราทำแบบนั้นได้ เพราะความโปร่งใสจะทำให้นวัตกรรมโตได้อย่างยั่งยืน

และบ่อยครั้งเงินที่หลอกคนไทยก็วิ่งจากบัญชีม้า ไปเข้าม้าคริปโต แล้วหายเข้ากลีบเมฆไป

(1) ตลาดคริปโตจึงควรต้องมี Travel Rule — ไม่ต่างจากเวลาโอนผ่านธนาคาร

เวลาคนโอนเงินผ่านระบบ SWIFT ธนาคารจะไม่อนุญาตให้โอนถ้าไม่กรอกว่า “ใครโอน” และ “ใครเป็นผู้รับ”

โลกคริปโตต้องทำแบบเดียวกัน — ทุกธุรกรรมระหว่าง exchange ต้องแนบข้อมูลผู้โอน (originator) และผู้รับ (beneficiary) ไปด้วย เพื่อให้ตรวจสอบย้อนกลับได้

สถานะของไทย:
ไทยมีกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว แต่ ยังไม่บังคับใช้ Travel Rule เต็มรูปแบบ ระหว่าง exchange หรือระหว่างประเทศ

ทั้งที่ FATF ประกาศใช้มาตรฐานนี้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 2020

ข้อเสนอ:
เข้าใจว่ามีการแก้ไข พรบ ปปง อยู่ แต่ไม่รู้จะรอดสภาสมัยนี้หรือไม่ แต่จริงๆ แล้ว ก.ล.ต. น่าจะสามารถพิจารณาออกประกาศกำกับ VASPs ให้ดำเนินตาม Travel Rule ได้ โดยอยู่ในกรอบอำนาจที่มีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องรอแก้กฎหมาย ปปง. แต่อาจทำ MOU กับ ปปง. เพื่อให้ข้อมูลธุรกรรมเชื่อมเข้าระบบ AML ได้อย่างถูกต้องตาม PDPA

(2) ควรมีการแชร์ข้อมูล Crypto Exchange ให้ ธปท. เพื่อเห็นภาพเงินเข้า-ออกประเทศครบถ้วนมากขึ้น

ตอนนี้ ธปท. เห็นธุรกรรมในระบบธนาคารครบในระบบ BoP แต่ ธุรกรรมในโลก crypto ยังเป็น “ช่องว่าง”เพราะอยู่ในกำกับของ ก.ล.ต. คนละระบบ

ผลคือ: เงินที่เข้า-ออกประเทศผ่าน crypto — เช่น คนไทยโอน USDT ออกนอก หรือ คนต่างชาติซื้อเหรียญในไทย — ไม่ถูกบันทึกใน Balance of Payments (BOP) ทำให้ภาพรวมเงินทุนเคลื่อนย้ายของประเทศ “ไม่ครบจริง”

ข้อเสนอ:
ก.ล.ต. ควรแชร์ข้อมูล licensed exchanges เชิงภาพรวมให้ ธปท. โดยตรง
เพื่อให้เห็นภาพ เงินเข้า-ออกประเทศในระบบ crypto แบบครบวงจร เหมือนที่ สิงคโปร์ และ ฮ่องกง เริ่มทำแล้ว

2. ทองคำ / ตลาดซื้อ-ขายทองคำ

นี่คือสินทรัพย์ที่ทั่วโลกจับตา และเป็นช่องทางฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดรูปแบบหนึ่ง
รายงานของ FATF (Money Laundering Risks Associated with Gold) เตือนชัดว่า
ประเทศที่เป็นศูนย์กลางการค้าทองต้องบังคับใช้ มาตรฐาน AML/CFT เข้มเท่าธนาคาร

สวิตเซอร์แลนด์, สิงคโปร์, และ ฮ่องกง
ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าทองระดับโลก ต่างมีระบบชัดเจนว่า
• ผู้ค้าทองต้องตรวจสอบ source of funds และ ultimate beneficial owner (UBO) ของลูกค้าทุกดีลมูลค่าสูง
• รายงานธุรกรรมที่ใช้เงินสดหรือโครงสร้างซับซ้อนให้ FIU
• เชื่อมข้อมูลระหว่าง ผู้ค้าทอง – ศุลกากร – ธนาคาร – หน่วยงาน AML แบบ real-time
• ในสิงคโปร์ ธุรกิจทองอยู่ภายใต้ “Precious Metals Dealer Regime” ของ MAS ซึ่งต้องรายงานธุรกรรมและ BO ทุกดีล

สถานะของไทย:
• ไทยให้ผู้ค้าทองอยู่ในกลุ่ม DNFBP แล้ว แต่ยังไม่มีระบบตรวจสอบ source of funds หรือ UBO ของผู้ส่งออกทอง
• ข้อมูล ศุลกากร ปปง. และ ธปท. ยังไม่เชื่อมกัน ทำให้ไม่รู้ว่า “ทองมาจากเงินใคร” หรือ “ขายให้ใครจริง”
• ธนาคารเห็นแค่ธุรกรรมเงิน แต่ไม่เห็นปลายทางทอง

สิ่งที่ควรทำ:
• ให้ผู้ค้าทอง/ผู้ส่งออกแนบข้อมูล UBO และ source of funds ในระบบ e-Customs
• เชื่อม AMLO + Customs + ธปท. เป็นฐานข้อมูลกลาง Gold Trade Transparency System
• ธุรกรรมทองที่มูลค่าสูง (เช่น > 2 ล้านบาท) ต้องแนบ UBO และรายงานภายใน 48 ชม. เช่นเดียวกับแนวทางในหลายประเทศ
• นำข้อมูลนี้เข้าสู่ระบบ BOP ของ ธปท. เพื่อให้เห็นภาพเงินไหลจริง

3. วัด / มูลนิธิ / องค์กรไม่แสวงหากำไร (NPOs)

ในช่วงหลัง มีคดีทุจริตและฟอกเงินผ่าน “มูลนิธิ” และ “วัด” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เพราะช่องทางนี้มัก “ไม่ถูกตรวจสอบ” เพราะอ้างความดีหรือความศรัทธา แต่มีการรับเงินบริจาคจำนวนมาก ทั้งในและนอกประเทศ

มาตรฐานสากล (FATF Recommendation กำหนดให้ทุกประเทศต้อง:
• ประเมินความเสี่ยงของ NPOs ว่ากลุ่มไหนเสี่ยงสูง แล้วใช้มาตรการเฉพาะกับกลุ่มนั้น
• บังคับองค์กรขนาดใหญ่เปิดเผยข้อมูล ผู้บริจาคหลัก (Donor Due Diligence)
• รายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยให้ FIU
• เปิดเผยงบการเงินและทรัพย์สินหลักต่อสาธารณะ

สิ่งที่ไทยควรเร่งทำ:
- วัดหรือมูลนิธิที่สามารถนำเงินบริจาคไปหักภาษีได้ ควรจำกัดสิทธิ์หักภาษีเฉพาะเงินบริจาคที่ผ่าน e-donation เท่านั้นเพื่อเพิ่มความโปร่งใส
- ให้ วัด / มูลนิธิ ที่มีรายรับเกินเกณฑ์ ต้อง รายงานเงินบริจาค และ ทรัพย์สินประจำปี แบบ e-Filing
- มีระบบ Donor Due Diligence (DDD) สำหรับผู้บริจาคหลัก – ตรวจชื่อ บัญชี และแหล่งที่มาของเงิน
- สร้างระบบ Suspicious Transaction Reporting (STR) เฉพาะสำหรับองค์กรศาสนาและมูลนิธิ
- จัดให้มี การตรวจสอบบัญชีโดยผู้ตรวจสอบอิสระ ทุกปี และเปิดเผยข้อมูลเป็นสาธาณะ โดยเฉพาะมูลนิธิที่เงินบริจาคนำไปหักภาษีได้
- เปิดให้ ปปง. และ ธนาคาร เข้าตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางการเงิน ขององค์กรเสี่ยงสูง ในลักษณะ risk-based

สิ่งเหล่านี้จะไม่เพียงเพิ่มความโปร่งใส แต่จะ “ยกสถานะวัดและมูลนิธิให้พ้นจากข้อครหาเรื่องเงินเทา”
และทำให้ภาคศาสนา-การกุศลกลับมาได้รับความเชื่อถือจากสังคมอีกครั้ง

4. Beneficial Ownership (BO) และ ระบบธนาคาร

ไทยเริ่มปฏิรูปเรื่อง BO แล้ว แต่ยังไม่มีฐานข้อมูลเปิดให้ตรวจสอบ
ควรสร้าง UBO Registry และตั้ง Public-Private AML Forum เพื่อแชร์ red flags และ typologies ระหว่าง ธนาคาร กับ ภาครัฐ

สรุป

นี่คือเวลาทองที่ไทยจะ “ยกระดับความโปร่งใส” และ “ลบภาพเทา” ของระบบการเงิน
ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือเรื่องของ ความน่าเชื่อถือระดับประเทศ

สิ่งที่ต้องเร่งทำคือ
Travel Rule สำหรับคริปโต (ก.ล.ต. น่าจะสามารถพิจารณาออกแนวทางบังคับใช้ Travel Rule ได้เลย ภายใต้กรอบอำนาจที่มีอยู่แล้ว)
แชร์ข้อมูล Crypto Exchange ให้ ธปท. เห็นภาพ BOP ครบ
ตรวจสอบ Source of Funds / UBO ของธุรกรรมทองคำ ตามมาตรฐาน FATF และ FinCEN
กำกับ วัด มูลนิธิ และ องค์กร NPO ให้โปร่งใส และ ตรวจสอบได้
สร้างฐานข้อมูล UBO และเชื่อมระบบ AML ทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน

ถ้าเราทำให้เต็มที่ — ไทยจะไม่ใช่ “ตลาดสีเทา” อีกต่อไป
แต่จะเป็นประเทศที่ระบบการเงิน สะอาด โปร่งใส และ น่าเชื่อถือ

#ReformThaiAML

https://www.facebook.com/photo?fbid=10163343993350700&set=a.38477680699