วันพุธ, กันยายน 04, 2567

คดี ฝรั่งเตะสาวไทย ที่บริเวณบันได หน้าวิลล่า ริมชายหาดยามู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 จบแล้ว เพราะศาลพิพากษา ยกฟ้องโจทก์ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย


.....
Nattharavut Kunishe Muangsuk
13 hours ago
·
คดี ฝรั่งเตะสาวไทย ที่บริเวณบันได หน้าวิลล่า ริมชายหาดยามู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 จบแล้ว เพราะศาลพิพากษา ยกฟ้องโจทก์ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย พูดง่ายๆ คือ ศาลไม่เชื่อว่า ฝรั่งเตะหมอจริงนั่นแหละครับ เพราะคดีนี้ครอบครัวลุยฟ้องเอง คดีอาญา ม.295 ไม่ฟ้องแพ่ง ไม่เอาหมิ่นประมาท ครอบครัวอยากได้ความยุติธรรม ให้บทเรียนกับผู้กระทำ ไม่อยากได้เงิน
คดีนี้ มันนำไปสู่อะไรเยอะแยะมากมาย นอกเหนือไปจากกระแสแอนตี้ความรุนแรง เรื่องฝรั่งดูถูกคนท้องถิ่น จนถึงกับเรียกร้องให้เนรเทศออกนอกราชอาณาจักร รวมไปถึงการจี้ให้หน่วยงานไปตรวจสอบว่ารีสอร์ทดังกล่าวรุกหาด จนมีการไล่รื้อบางส่วนไป
ผมเพิ่งโทรคุยกับครูเษม คุณพ่อหมอปาย คดีนี้หลักฐานทุกอย่างในมืออัยการครบและแน่นดีอยู่แล้ว แต่ศาลยกฟ้อง อันนั้นก็เรื่องหนึ่งที่ไม่อาจก้าวล่วง แต่ในฐานะพ่อ มันเจ็บปวดอย่างแน่นอน ที่ลูกตัวเองถูกกระทำจนมีภาวะผิดปกติภายในจิตใจ แต่ไม่อาจเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกสาวได้
และเรื่องนี้ครูเษม ใช้พละกำลังที่ตัวเองมี ผลักดันให้เรื่องนี้มันไกลจากความเป็นส่วนตัว ทั้งในแง่เรื่องเพศ ท้องถิ่น และการยึดครองทรัพยากร

เกิดการตื่นตัวของผู้คนในท้องถิ่นจนออกมาส่งเสียงเรียกร้องสิทธิ์ในชายหาดสาธารณะ พื้นที่ ที่ถูกยึดไป
ในแง่ทางคดี ครูเษมและลูกสาวต้องตั้งรับการถูกดำเนินคดีกลับจากฝ่ายตรงข้ามตามสิทธิ์ของเขา ร่างกายและจิตใจมีโอกาสเผชิญการถูกกระทำซ้ำ แต่ที่น่าห่วงมากกว่านั้น คือ จะทำให้การต่อสู้ทั้งหมดที่ผ่านมามันสูญเปล่าหรือไม่ และสถานะของ “พื้นที่” ที่เคยต่อสู้มา จะเป็นอย่างไรต่อ
จริงๆ มันมีเบื้องลึกเบื้องหลังรายละเอียดเยอะมาก ความแปลกแปร่งพิสดารถูกคุณพ่อของหมอปายส่งเสียงมาเป็นระยะแล้ว ฉะนั้นถ้ามองอย่างละเอียด จึงพบว่า มันยากมากๆ ที่เราจะไม่พิจารณาว่า สถานะของหาดยามู การถือครองที่ดินแถบนั้น จะไม่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ของเรื่องนี้
ผมก็ยังคิดอยู่ว่า จะทำยังไงต่อได้บ้าง แต่ที่แน่ๆ เราไม่ควรปล่อยให้ครูเษมและครอบครัวแบกรับเรื่องนี้กันลำพังครับ
.....


Chaiyachot Uttamang is feeling sad at M&M Studio.
February 27
· Nakhonsithamrat, Thailand ·

#เรื่องเล่า_จากแพทย์หญิงไทยถูกชายต่างชาติชาวสวิสทำร้ายบนผืนดินไทย
ลูกสาวของผมผู้เป็นหมออยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นคนสุภาพและถ่อมตนเป็นปกติ เขียนข้อความออกมาจากร่างกายและจิตใจของเธอที่ถูกทำร้ายว่า...
สวัสดีค่ะ ขออนุญาตขอความช่วยเหลือเพื่อกระจายข่าวเพื่อความยุติธรรมด้วยค่ะ
เราถูกชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างทำร้ายร่างกายค่ะ
โดยมีลำดับเหตุการณ์ ดังนี้
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 19.30 น. เราไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นหมอด้วยกัน ที่ร้าน Taste Yamu หลังกินเสร็จก็ชวนกันไปเที่ยวหาดสาธารณะแถวใกล้บ้านบริเวณ Cape Yamu
คือ ปกติไปเดินเที่ยวบ่อยเนื่องจากเป็นหาดที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด และค่อนข้างปลอดภัย
ตอนเราเดินไปที่หาดกับเพื่อนเจอพี่ยามคนนึง แกก็ถามว่าเรามาดูดวงจันทร์ใช่มั้ย เพราะมันเป็นวันมาฆบูชา(ฟูลมูน) เลยตอบไปว่า ใช่ค่ะ พี่ยามก็บอกว่า ครับ เอนจอย ครับ แล้วเดินจากเราไป เรากับเพื่อนเดินดูดวงจันทร์บนชายหาดกันสักพัก รู้สึกเมื่อยและอยากนั่งพัก จึงเดินไปนั่งตรงบันไดที่ปลูกลงมาบริเวณชายหาดที่ต่อลงมาจาก วิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยที่เท้ายังจุ่มอยู่บนพื้นทราย
ในขณะที่เรานั่งอยู่รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง จึงหันไปพูดกับเพื่อนว่า รู้สึกเหมือนมีคนเดินมา จากนั้น พลันก็รู้สึกสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งร่าง เมื่อได้สติก็ทำให้รู้ว่า เกิดจากหน้าแข้งที่กระหน่ำเตะลงมาที่กลางหลัง จากชายชาวต่างชาติตัวใหญ่น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม ในสภาพหน้าแดง เหงื่อท่วม กำลังถือโทรศัพท์เพื่ออัดวีดีโอ และสบถด่าคำหยาบออกมาสารพัด เรากับเพื่อนเลยเดินไปหาพี่ยาม บนป้อมยามบนเนินข้างบน แล้วบอกว่า “พี่คะ หนูถูกทำร้ายร่างกาย”
พี่ยามก็ตกใจและพาเราไปยังหน้า วิลล่า 23 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ
ฝรั่งคนนั้นแสดงอาการโกรธสบถคำด่าออกมาสารพัด จากนั้นภรรยาชาวไทยพร้อมแผงสร้อยเพชรเม็ดโตก็เดินออกมา ตอนนั้นเรากับเพื่อนแอบดีใจเพราะคิดว่าจะเคลียร์กันได้ แต่ ประโยคแรกที่ภรรยาชาวไทยพูดถึงกับทำให้เรากับเพื่อนสตันท์ไป เพราะเธอบอกว่า “นี่อีดอ* สองตัวนี้มานั่งอยู่หน้าบ้านกุ พวกมึ* รู้มั้ยต่อให้พวกกุ ยิงพวกมึ*ตาย กุก็ไม่ผิด เพราะลูกกุเป็นตำรวจและรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต กุจะเอาพวกมุ*เข้าคุกให้ได้ กุจะโทรหาท่านรองเดี๋ยวนี้” จากนั้นเธอก็โทรหาตำรวจยศใหญ่ของเธอว่าให้ส่งตำรวจมา
ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตำรวจในเครื่องแบบ ตำรวจหนุ่มทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง หลังจากที่ตำรวจมาคุยกับเรา เราก็บอกกับตำรวจว่า เราถูกทำร้ายร่างกาย ชายชาวต่างชาติก็มาพูดกับเราว่า “อ่อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้มั้ยชั้นไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาท มาให้พวกมุ*นั่งหน้าบ้านกุ”
เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังจากนั้นตำรวจก็เดินมาพูดกับเราว่า ตอนนี้มันผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเราเป็นคนบุกรุกมีโทษหนักกว่าต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายเขาแค่ทำร้ายร่างกายจ่ายเงินก็จบ เราเลยช็อคไป ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้ จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก
เราจึงเสนอให้ 3 ทางเลือก คือ 1. ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2. ต่างคนต่างไม่ขอโทษแล้วจบ 3. ไปคุยกันที่โรงพัก ฝั่งนู้นเค้าบอกว่า “#เราขอโทษฝรั่งได้_แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษเรา #และเราจะต้องติดคุก
หลังจากนั้นเราจึงไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง หลังจากแจ้งความ เราได้ทราบชื่อของชาวต่างชาติคนนี้ซึ่งทำให้เราช็อคมาก เพราะชายคนนี้เป็นชาวสวิส ที่เคลมว่าเค้าจะปกป้องดูแลช้างและไม่ทำร้ายช้าง
แต่เค้าทำร้ายผู้หญิงค่ะ!
รบกวนขอความยุติธรรมกับเรื่องนี้ด้วยนะคะ เพราะอีกฝั่งเป็นชาวต่างชาติที่มีอิทธิพลในภูเก็ต มีข้อสังเกตว่ามีตำรวจยศใหญ่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่เบื้องหลัง และเราคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น