วันศุกร์, ตุลาคม 07, 2565

เหตุการณ์กราดยิงเด็กเล็ก ที่ศูนย์เด็กเล็ก และประชาชน ที่ จ.หนองบัวลำพู เมื่อวันที่ 6ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ทำลายขวัญลดทอนกำลังใจ ทำลายความหวัง ทำลายศรัทธาบุคคลในเครื่องแบบราชการอย่างรุนแรงที่สุด

https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/3323874314500252
บีบีซีไทย - BBC Thai
4h

“เหตุการณ์ที่ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น”
.
บรรยากาศที่หน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู เมื่อช่วงค่ำนี้ยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายและโศกเศร้า มีญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตหลายราย มานั่งเฝ้ารอบริเวณด้านนอกของศูนย์
.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานคำให้การของผู้รอดชีวิตรายหนึ่ง “เขากำลังใส่กระสุนใหม่ ฉันยกมือขึ้นและอ้อนวอนขอความเมตตาจากเขา” หญิงสาวรายหนึ่งกล่าว
.
ติดตามความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ที่ https://bbc.in/3RBZO7P
.....
Jom Petchpradab
1h

แค่การร่วมไว้อาลัย แสดงความเสียใจ ต่อเหตุการณ์กราดยิง เด็กเล็ก ที่ศูนย์เด็กเล็ก และประชาชน ที่ จ.หนองบัวลำพู เมื่อวันที่ 6ตุลาคมที่ผ่านมา แค่นั้นไม่เพียงพอ
เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นการสังหารหมู่ที่รุนแรงที่สุด ในแง่ของวิธีการและแรงจูงใจของผู้กระทำ อันนี้ไม่นับรวมการสังหารโหดประชาชนในการต่อสู้ทางการเมืองหลายครั้งที่ผ่านมา
เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้ทำลายขวัญลดทอนกำลังใจ ทำลายความหวัง ทำลายศรัทธาบุคคลในเครื่องแบบราชการอย่างรุนแรงที่สุด
จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและกลไกราชการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องรีบออกมาแสดงความรับผิดชอบเยียวยาความรู้สึกของประชาชนอย่างเร่งด่วน ย้ำอย่างเร่งด่วนและเป็นระบบ
ตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และทุกองคาพยพของรัฐ ที่จะต้องเร่งออกมาฟื้นฟูเยียวยาความรู้สึก ความเชื่อมั่น ความหวัง ให้กับคนไทยทั้งแผ่นดินโดยเร็ว
เพราะเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนี้ ทำให้คนไทยทั้งประเทศตกอยู่ในสภาพ “จิตตก หัวใจแตกสลาย” อย่างยิ่ง
ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นเหตุสะเทือนขวัญครั้งที่สองแล้วที่ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตข้าราชการที่มีเหตุจูงใจทั้งจากพฤติกรรมส่วนตัวและเพราะระบบกลไกของรัฐเอง ( เหตุสะเทือนขวัญครั้งแรกเกิดที่จ. นครราชสีมา ที่มีอดีตนายทหาร นำอาวุธสงคราม ไล่กราดยิงประชาชนบนท้องถนนและในห้างสรรพสินค้า )
ซึ่งผู้ก่อเหตุครั้งนี้นอกจากเป็นอดีตตำรวจแล้วยังใช้รูปแบบวิธีการเหมือนกับเหตุการณ์สังหารโหดที่เคยเกิดขึ้นที่ จ.นครราชสีมาแล้วด้วย
แม้ผู้ก่อเหตุได้ปลิดชีวิตตัวเองไปแล้ว ก็ใช่ว่า รัฐบาลหรือกลไกของรัฐจะหมดหน้าที่หาตัวผู้กระทำผิด และทำเพียงแค่แสดงความเสียใจไว้อาลัย ถือว่าหมดหน้าที่แล้วไม่ได้ และจะมุ่งโทษเหตุจูงใจเพราะยาบ้าอย่างเดียวคงไม่ได้
แต่ทุกภาคส่วนของรัฐจะต้องเร่งเยียวยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจประชาชน เรียกขวัญกำลังใจ ให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อกลไกและบุคลากรของรัฐอย่างเร่งด่วน
เพราะไม่เช่นนั้น ความรู้สึกสิ้นหวัง โกรธแค้น ไม่พอใจจากสภาพหัวใจแตกสลายของคนไทยจากเหตุการณ์สังหารโหดครั้งนี้ อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง โกรธแค้น คนในเครื่องแบบของรัฐมากขึ้นก็เป็นได้
เร่งขจัดความชิงชังคนในเครื่องแบบทหาร ตำรวจ ที่ก่อตัวขึ้นแล้วในเวลาอย่าให้ลุกลามบานปลายกลายเป็น ความชิงชัง น่ากลัว ไม่ไว้วางใจ ไม่ให้ความร่วมมืออีกต่อไป
เพราะแม้จะไม่มีสองเหตุการณ์สังหารโหดด้วยน้ำมือของอดีตทหาร ตำรวจ ต้องไ่ม่ลืมว่าในทุกวันนี้ทั้ง “ทหาร ตำรวจไทย”ก็เหมือนจะเป็นศัตรูคู่อริกับประชาชนอยู่แล้ว