
ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังจากการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ที่เปิดเผยถึงงบประมาณที่กระทรวงกลาโหมจ้างผ่าตรวจสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด GT200 มูลค่ากว่า 7.5 ล้านบาท ล่าสุด กองทัพบกออกมาชี้แจงลำดับเวลาโดยละเอียด พร้อมระบุว่าเป็นการตั้งงบประมาณของปี 2564-2565 แต่คดีถึงที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องผ่าอีกต่อไป พร้อมส่งคืนงบประมาณที่เหลือ 2-3 ล้านบาท
พล.อ.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก และ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยเมื่อ 7 มิ.ย. ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลอภิปรายว่า กองทัพบกได้ดำเนินการตามคำแนะนำของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ให้ตรวจ GT200 ทุกเครื่อง เพื่อยืนยันว่าไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมชี้ว่า การอภิปรายว่าเป็นการตั้งงบประมาณปี 2566 เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลปีงบประมาณ 2564 มาเชื่อมโยงกับคำพิพากษาของคดีที่เกิดขึ้นในปี 2565 เป็นการเปรียบเทียบผิดห้วงเวลา ทั้งนี้กองทัพบกไม่ได้ตั้งงบประมาณในปี 2566 ในเรื่องดังกล่าว
สำหรับการตั้งงบประมาณเพื่อการตรวจสอบ GT200 นั้น หากคดีถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ โดยตามระเบียบราชการหากงบประมาณไม่ถูกใช้ก็จะถูกส่งคืนตามกระบวนการงบประมาณต่อไป
"ยืนยันว่างบประมาณปี 2566 ไม่ได้ตั้ง ในส่วนงบประมาณปี 2565 ก็ไม่ต้องใช้ เราก็ต้องคืนประมาณ 2-3 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเรามีการผ่าพิสูจน์ไปแล้ว 320 เครื่อง" สื่อหลายสำนักรายงานคำกล่าวของ พล.อ.สันติพงศ์
กองทัพบกชี้แจงว่า การตั้งงบประมาณในการตรวจสอบ GT200 จำนวน 7.57 ล้านบาท เป็นการตั้งงบประมาณก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา และเป็นไปตามกระบวนการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบคดี ภายใต้ข้อแนะนำจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและวิทยาศาสตร์ และเมื่อคดีเป็นที่ยุติแล้ว ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อมุ่งให้ทางราชการได้รับค่าเสียหายชดเชย เพื่อรักษาประโยชน์ของกองทัพและประเทศ
เครื่อง GT200 จัดซื้อครั้งแรกเมื่อปี 2548 โดยกองทัพอากาศ แต่เครื่อง GT200 ล็อตใหญ่ กองทัพบกเป็นผู้จัดซื้อจำนวน 757 เครื่อง รวมเป็นเงินกว่า 682 ล้านบาท เมื่อระหว่างปี 2550-2552 เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นในสมัยที่ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
คดีนี้เกิดจากการที่แกงค์ต้มตุ๋นได้หลอกลวงขายเครื่อง GT 200 และอัลฟ่า ที่ใช้งานไม่ได้จริง ถูกศาลอังกฤษตัดสินจำคุก พร้อมยึดทรัพย์สินคิดเป็นเงินไทยหลายร้อยล้านบาท ในประเทศไทยหน่วยงานราชการที่จัดซื้อจึงดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกง และคดีทางปกครองต่อบริษัทเอวิเอ แซทคอม โดยในส่วนของกองทัพบก ได้ส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องบริษัทเอวิเอ แซทคอม จนคดีถึงที่สุดเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา
ที่มา บีบีซีไทย