วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 30, 2565

เหตุที่ชัชชาติได้รับความนิยมอย่างสูงจากคนรุ่นใหม่แตกต่างจากประยุทธ์


Atthasit Muang-in
17h

ชัชชาติได้รับความนิยมอย่างสูงจากคนรุ่นใหม่เพราะมีภาพพจน์และรูปแบบการบริหารที่แตกต่างจากประยุทธ์ในเกือบทุกด้านแม้จะเป็นผู้นำรัฐบาลคนละระดับกันคือระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
ความแตกต่างดังกล่าวได้แก่
1. ชัชชาติมีภาพการเป็นผู้นำติดดิน ถ่อมตน เข้าถึงประชาชนเช่นไปวิ่งและทักทายประชาชนผ่านการไลฟ์ อันตรงกันข้ามกับประยุทธ์ที่เดินทางไปที่แห่งใดราวกับเป็นขุนนางผู้สูงส่ง มีการปิดถนน เกณฑ์คนมาต้อนรับ และมักเป็นชาวบ้านสูงวัยซึ่งไม่ทำให้คนไทยจำนวนมากเกิดความรู้สึกคล้อยตามหรือเชื่อว่าเป็นความนิยมของประยุทธ์จริงๆ กิจกรรมของประยุทธ์ยังถูกถ่ายทอดผ่านสื่อเก่าเช่นทีวีกับหนังสือพิมพ์ซึ่งรัฐคุมได้ดีกว่าอีกทั้งยังเป็นการสื่อสารด้านเดียว แต่คนรุ่นใหม่บริโภคสื่อแบบนี้น้อยลงมาก
2. ชัชชาติมีภาพของผู้นำอารมณ์นิ่ง และสุขุมอย่างคงเส้นคงวาตั้งแต่ก่อนจนมาถึงตอนเป็นผู้ว่า ฯ ทำให้คนไทยจำนวนมากรู้สึกไว้ใจว่าเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ในขณะประยุทธ์เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ดังนั้นภาพของประยุทธ์ที่พยายามยิ้มและเป็นมิตรกับประชาชนจึงถูกมองว่าเป็นการเสแสร้ง
3.ชัชชาติเป็นคนมองบวก และยอมรับผิด พร้อมปรับปรุงตัวเอง ในขณะประยุทธ์ก็มองบวกเหมือนกันคือมองตัวเองในด้านบวกทุกอย่างในลักษณะแบบคนหลงตัวเองแบบอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เคยยอมรับผิด และพร้อมจะโทษคนอื่นได้ในทุกครั้ง
4. ชัชชาติมีบุคลิกภาพของการเป็นนักวิชาการและเข้าใจปัญหาของกทม.โดยเฉพาะด้านวิศวกรรมที่ลึกซึ้ง แม้ประชาชนจะไม่ได้เข้าใจคำพูดของเขาทุกคำแต่ก็มีความไว้เนื้อเชื่อใจ ในขณะประยุทธ์มีบุคลิกแบบทหารเก่า (ซึ่งล้าสมัยไปแล้ว) หรือข้าราชการบำนาญที่ไม่เข้าใจปัญหาอะไรของประเทศลึกซึ้ง แม้แต่ความมั่นคงทางทหารเอง และแกก็แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงการบริหารประเทศเลยในระยะ 8 ปีที่ผ่านมา นอกจากออกปากสั่งแล้วก็เรื่องก็เงียบ
5.ชัชชาติมีภาพของคนทำงานหนัก ซื่อสัตย์ โปร่งใสและเน้นการมีส่วนร่วมของคนจำนวนมากเช่นการไลฟ์อย่างถี่ยิบ ที่แสดงถึงการทำงานของผู้ว่าทุกขั้นตอนและการรับฟังความเห็นของคนตัวเล็กตัวน้อยตั้งแม่ค้าขายอาหารริมถนนยันวินมอเตอร์ไซด์ ในขณะประยุทธ์มีการพีอาร์คือไลฟ์เหมือนกันแต่เป็นกิจกรรมกับบุคคลที่ถูกเกณฑ์มาโดยนักการเมืองและข้าราชการ อีกทั้งยังไม่เปิดรับความเห็นต่าง มีแต่คนเชลียร์ (เชียร์ +เลีย) เท่านั้นที่เข้าถึงตัว รัฐบาลยังไม่มีความโปร่งใส เน้นการขับเคลื่อนโดยระบบราชการที่อุ้ยอ้าย เต็มไปด้วยเรื่องคอรัปชั่น
6. ชัชชาติตอบคำถามและเผชิญหรือน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา มีการใช้คำพูดเท่าที่จำเป็น ไม่กล่าวโทษใคร ในขณะประยุทธ์ใช้อำนาจและอารมณ์เข้าข่มคนถามหรือคนที่ไม่เห็นด้วยหรือแกมักพูดด้วยประโยคอันเต็มไปด้วยเล่ห์กลในการยกตัวเองและโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม นอกจากนี้แกยังใช้คนอื่นมาตอบคำถามเช่นรัฐมนตรีและโฆษกรัฐบาลแทน อันทำให้คนขาดความเชื่อถือ
7.ชัชชาติถูกมองว่าใช้กิจกรรมแม้แต่ยามว่างในวันเสาร์ อาทิตย์เอื้อประโยชน์ต่อประชาชน ในขณะประยุทธ์มีภาพของผู้นำที่ไม่ทุ่มเทกับการทำงาน มีหยุดวันเสาร์ อาทิตย์ในการนอนดูหนัง Netflix อีกด้วย อนึ่งทั้งชัชชาติและประยุทธ์ต่างสร้างภาพว่าใกล้ชิดกับประชาชนเช่นร่วมเล่นกีฬาหรือสันทนาการเหมือนกัน กระนั้นคนมองว่าชัชชาติมีความตั้งใจเช่นนั้นจริงๆ แต่ประยุทธ์กลับถูกมองว่าเสแสร้ง และยังเป็นผู้นำที่เหมาะกับเรื่องเบาสมองแบบนี้เท่านั้น หรือว่าการพูดคุยกับสัตว์บ่อยครั้งของประยุทธ์เป็นเรื่องที่ดีเพราะแสดงถึงการเป็นคนมีจิตใจเมตตา แต่กลับทำให้คนมองว่าแกเหมาะกับการสื่อสารกับสัตว์ไม่ใช่คนด้วยกัน
8.ชัชชาติมีมีวิสัยทัศน์ชัดเจนและประยุกต์การบริหารประเทศโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในขณะประยุทธ์ขาดวิสัยทัศน์ ไม่มีความเข้าใจเทคโนโลยี และยังบริหารแบบโบราณคือเอาทุกอย่างมาอยู่ใต้การสั่งของตัวเองทั้งที่ไม่ความเข้าใจในเรื่องนั้นอย่างถ่องแท้ แต่เน้นการสร้างภาพว่าตัวเองเหมือนรู้ทุกเรื่อง ผลคือสภาพของประเทศไทยในปัจจุบันนี้
อย่างไรก็ตามผมมองว่าทั้งคู่เป็นนักการเมืองแบบประชานิยมและเน้นการสร้างลัทธิเชิดชูบุคคลเหมือนกัน โดยที่ชัชชาติได้เปรียบเพราะใช้ประยุทธ์เป็นบรรทัดฐานในการปรับบุคลิกภาพของตน อีกทั้งชัชชาติยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ได้แค่เดือนเดียว นอกจากนี้ถ้าในอนาคต ชัชชาติก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเหมือนประยุทธ์ อาจต้องปรับตัวให้มากกว่านี้หรือในที่สุดแล้วอาจได้คะแนนความนิยมต่ำกว่าตอนเป็นผู้ว่า ฯ กทม.ก็ได้ (หรือกรณีเลวร้ายสุดๆ คืออาจโดนยึดอำนาจ) เพราะการบริหารระดับประเทศนั้นซับซ้อนและมีตัวละครทางการเมืองเช่นกลุ่มรัฐซ่อนเร้น กลุ่มข้าราชการกับกลุ่มผลประโยชน์ อุดมการณ์ทางการเมือง ฯลฯ เสียยิ่งกว่ากทม.มากมาย