นายกฯ ลั่นมธุรสอีกแระ “ผมเจ็บปวดทุกปัญหาของประชาชน” ไม่รู้มีอารมณ์ร่วมกับคณะ #ทวงคืนน้ำพริกปลาทู ด้วยไหม กลุ่มนั้นล่องเรือขึ้นมาจากสงขลา วันนี้ถึงหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อเรียกร้องรัฐออกมาตรการ ‘ห้ามจับและขายสัตว์น้ำวัยอ่อน’
เรื่องปลาซิวปลาสร้อยอย่างนี้น่าจะทำได้ไม่ยากนะ ถ้ารู้จักใส่ใจและจริงจังสักหน่อย เรื่องหนักๆ เช่นกฎหมายป้อง-ปราบการทรมาน ยังทำได้ ยอมปล่อยให้ผ่านวาระสองในสภา พร้อมด้วยส่วนปรับปรุงและเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ตามที่ภาคประชาชนเสนอ
ติดอยู่แต่ตอนนี้ร่างฯ อยู่ในมือของกรรมธิการวุฒิสภา องค์กร ‘ตู่ตั้ง’ ที่คนตั้งบอกว่าทั้ง ๒๕๐ คนล้วนมีสติปัญญา ไม่ได้เอาแต่ทำตามคำสั่งเจ้านายถ่ายเดียวนั้น จะไม่พิจารณาด้วยความเกรงใจหรือคอยเอาใจคณะรัฐมนตรีหรือไม่
ประจวบกับวันนี้ มีคำพิพากษาศาลอาญา คดีอดีตผู้กำกับฯ ‘โจ้’ สอบสวนผู้ต้องหาค้ายาเสพติดด้วยวิธีคลุมถุงดำ จนเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ออกมาว่า พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล และนายตำรวจอีก ๖ คน “กระทำความผิดตามฟ้อง...
“มีการให้เงินค่าปรงศพ ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อบรรเทาผลร้ายให้บิดามารดาผู้ตาย” อีกทั้งก่อนตายจำเลยทั้ง ๗ ช่วยกันกู้สัญญานชีพ แม้ท้ายสุดจะไม่รอด ก็ยังถือเป็นคุณงามความดี ให้ได้รับการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตสำหรับจำเลย ๑-๓
เป็นอันว่าค่าปลงศพ ๓ หมื่น กับค่าทำขวัญพ่อแม่ผู้ตายคนละ ๓ แสน ซื้อชีวิตผู้กำกับฯ โจ้กับตำรวจอีก ๖ คนได้ ข้อนี้ไม่ได้อยู่ในร่างฯ ที่รอ สว.พิจารณา แต่มีข้ออื่นๆ เช่นเพิ่มอายุความคดีเป็น ๔๐ ปี และเพิ่มความผิดฐาน โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรี เข้าไป
อย่างไรก็ดี ในดินแดนที่บรรยากาศฝนตกหนัก ใช้ขายให้นักท่องเที่ยวไปนอนฟังเสียงสาดได้ การบังคับทรมานจนหมดลมหายใจ ร่างกฎหมายใหม่เน้นความผิดซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อผู้ต้องหาด้วย ประชาชนได้แต่ลุ้น ว่าผู้มีสติปัญญาทั้ง ๒๕๐ จะคิดเห็นเช่นไร
(https://ilaw.or.th/node/6086 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/rdr)
