“ดีครับ ฟ้อง ผมจะได้ลากไส้คุณออกมาให้หมด แล้วทั้งหมดมันจะได้กลายเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีคุณ ในมาตรา ๑๑๒ รออยู่ เชิญครับ” เป็นคำเปิดฉากแก้ลำก่อนจะถึงคดี ที่น่าจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
อ้างว่าตนเป็นคนไปขุดคุ้ยด้านมืดที่ธนาธรไปแสดงเอาไว้ที่โน่นที่นี่ จึงขอถือโอกาสเอามาเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้รู้ ที่ไหนได้ มันไม่เกี่ยวอะไรกันเลยกับความผิดของตัวเองซึ่งกำลังจะถูกฟ้องร้อง หากอยากกล่าวหาอะไรเรื่อง ๑๑๒ ก็ต้องระวังด้วย
เอาข้อกล่าวหาที่ตนมโนขึ้นมาเพราะความชิงชังไปเปิดต่อสาธารณะ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เคยถูกกระทำเช่นนั้นแล้วฟ้องกลับ มีบางรายออดอ้อนขอยอมความ ส่วนกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งดูเหมือนเขามีความอดทนเรื่องนี้สูงเช่นกัน น่าลองดู
อย่างไรก็ดี กรณีธนาธรถูกสื่อเทือกเดียวกับสนธิญานโจมตีว่าเมื่อครั้งฉีดวัคซีนนั้น ไปรับแอสตร้าเซเนก้า ในยามวิกาล นอกเขตบ้านตนเอง (สมุทรปราการ) แย่งตัดหน้าคนแก่ มีการนำเอกสารรับรองการฉีดออกมาเปิดเผย ทั้งที่ไม่ใช่ข้อมูลเปิด
นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ ก็มีสื่อปฏิกิริยาเช่นนี้ ตีพิมพ์เรื่องและภาพการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวของธนาธร พร้อมกับการแข่งขันเดินเขาของเขา มาโจมตีว่าหนีไปต่างประเทศ ปล่อยให้กลุ่มเยาวชนที่ตนบงการประท้วงกันตามลำพัง
การโจมตีในทางการเมือง ซึ่งธนาธรบอกว่า “ไม่เป็นความจริง...และผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการวางแผน/ออกแบบ/กำหนดวัน ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนใด ๆ ทั้งสิ้น...พวกเขาร่วมมือกับรัฐบาลเผด็จการ นำข้อมูลส่วนบุคคลของผม ออกมาเปิดเผยในที่สาธารณะเพื่อสร้างเรื่องหลอกลวง”
แม้กระทั่งเรื่องการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ “กล่าวหาว่าผมด้อยค่าวัคซีนแต่กลับไปฉีดเสียเอง นำหลักฐานผิดฝาผิดตัว มาผูกเรื่องราวให้ประชาชนเข้าใจว่าผมใช้อำนาจบาตรใหญ่แซงคิวประชาชน...คนที่ได้ฉีดวัคซีน AZ ในเดือนกรกฎาคมไม่ได้แย่งคนแก่ฉีดแน่ ๆ”
ธนาธรชี้แจงอีกครั้งว่า “ผมฉีดที่สมุทรปราการเพราะใกล้บ้าน บ้านผมอยู่รอยต่อระหว่างกรุงเทพและสมุทรปราการ ข้ามถนนหน้าบ้านก็ข้ามจังหวัดแล้ว...ที่ผมไปฉีดตอนหัวค่ำเพราะเป็นวัคซีนเหลือของวัน ซึ่งทางโรงพยาบาลต้องโทรหาคนที่แจ้งความประสงค์ฉีดวัคซีนไว้ ให้ไปฉีด เพื่อไม่ต้องทิ้งวัคซีนที่มีค่า”
ไม่ต้องถึงผู้พิพากษา รปภ.หน้าศาลก็รู้ว่า การต่อสู้ด้วยข้อกล่าวหาผู้ฟ้องประพฤติผิดมาตรา ๑๑๒ ไม่ใช่สู้อย่าง ‘หมาจนตรอก’ หากแต่เป็น ‘หมาจิ้งจอก’ หาเรื่องกับเหยื่อของตนมากกว่า ซึ่งผู้ดำเนินรายการสนทนารายหนึ่งให้ความเห็นส่วนตัวว่า
แต่กลับมีคนติดตามรายการของเธอจำนวนมากเข้าไปโต้แย้งหรือ (ส่วนน้อย) สนับสนุน เช่น “นี่ไม่ใช่คดีหมิ่นประมาทส่วนบุคคล แต่เป็นการละเมิดข้อมูลส่วนตัวทั้งทางการแพทย์และข้อมูลเดินทาง และเค้าจะฟ้องเพื่อให้กระบวนการสืบสวนได้หาคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ออกมา”
คำแย้งของ Broccoliboy @_Lipberry มีคนมาย้อน “วัคซีนนั้นมาจากการเสียภาษีของคนไทย ฉะนั้นทุกคนมีสิทธิรู้ครับ แล้วอีกอย่างธนาธรบอกเองนี่ครับว่าประชาชนมีสิทธิสงสัย ทำไมพอคนมาสงสัยธนาธรที่เป็นบุคคลสาธารณะ ทำไมถึงสงสัยไม่ได้”
Diamond H B@MoreganDexter ก็เลยโดนหลายคนยันกลับ ว่าพูดอย่างนั้นมันตรรกะสลิ่มนะ โดยเฉพาะที่บอกว่า “ทุกอันมันเซ็นเซอร์หมด มีแค่ชื่อกับนามสกุล บางอันเซ็นเหลือแค่อักษรตัวแรกแค่นั้น” Sophie @canufixme28 จึงเปิดกระหม่อมให้
“ก็พูดถึงคนแรกที่เอาออกมาไงคะ เค้าคือใคร เค้าได้มาได้ยังไง ไหนจะหน้าพาสปอร์ต รูปถ่าย ตม.” ลูกหมูจ้า @jaomhooauan จาระไนต่อ “ข้อมูลที่แพร่ออกมาคือเป็นใบ vaccine certificate เลยค่ะ ซึ่งปกติจะต้องเข้ารหัสผ่านในหมอพร้อมและ access ได้จากทางรัฐ, รพ., หรือเจ้าตัวเท่านั้น”
Frozen Shoulder Junior .|||. @lbp_ump เติมเต็ม “ผู้ป่วย ตามคำประกาศสิทธิฯ หมายถึงผู้มารับบริการทางการแพทย์ครับ รวมไปถึง ‘คนไม่ป่วย’ ที่มาตรวจสุขภาพ มาขอใบรับรองแพทย์ มาฉีดวัคซีน ฯลฯ ด้วย” Dr.K WeOberon @vaccinated_DK ต่อยอดอีกหน่อย
“เค้าแสดงให้เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบตามหน้าที่ไงพี่ ไม่ใช่เอามาโพสต์ลงโซเชี่ยลมีเดีย ลงข่าว เผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ผิด มาตรา ๗ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐” ซ้ำร้าย “มันมีการใช้คำที่ด้อยค่า เสียดสี รูปข่าวล้อเลียนและเนื้อหาที่หยามเหยียดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”
Tim @Tim56611942 ให้ความเห็นแทนธนาธรอย่างผางๆ เชียวละ “สื่อโจมตีเขาโดยไม่ได้จงใจเพียงชี้แจงข้อมูลให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริง แต่มีเจตนาปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังอย่างรุนแรง ผมว่ากรณีนี้ควรฟ้องนะ” สนธิญานน่าจะบักโกรกเสียก่อนได้โอกาส ‘ลากไส้’
(https://twitter.com/kamphaka/status/1480880525803851778 และ https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/1242960239440981)
