มวลชนหลักสี่ที่พากันร้องเพลง ‘ต้องมีสักวัน’ ฉลองชัยให้แก่ สุรชาติ เทียนทอง นี่ไม่เหมือนกับพวก ‘ติ่ง’ และ ‘นางแบก’ เพื่อไทยเลยนะ พอเจอกล้องว้อยซ์ทีวีสัมภาษณ์ พากันชู ‘สามนิ้ว’ สลอน พอดูป้ายข้างหลัง อ๋อ พวกเค้าเชียร์เบอร์ ๓
ไม่ได้ไว้ตัว กลัวถูกหาว่าแอบชอบ ‘สามกีบ’ แต่ถึงอย่างนั้นฟังจากแถลงของทั้งฝ่ายว่าที่ ส.ส.และพรรคอันดับสองต่างถ้อยทีถ้อยมีมธุรสต่อกัน เป็นสัญญานว่าต่างฝัก (ผลไม้ประชาธิปไตย) ต่างตระหนักแล้วว่า พี่น้องเดินคู่กันไป ไม่ต้องพี่ออกหน้าน้องหลบหลัง
ผู้ชนะนั่นนอบน้อมเสียเหลือเกิน กล่าวชมคู่ต้อสู้ที่แพ้ไปทั้งหมด ไม่ว่า เพชร กรุณพล หรือ อรรถวิชช์ ไปจนกระทั่งผู้สมัครของ ‘ไทยภักดี’ ทางด้านก้าวไกลก็ตั้งโต๊ะแถลงกันกลุ่มใหญ่ ทั้งพิธา หัวหน้าพรรคไปจนผู้สมัครเบอร์ ๖ ต่างแสดงความยินดีกับเสียงตัดสิน
คะแนนที่ออกมาพรรคเพื่อไทยได้ ๒ หมื่น ๙ พันกว่า ก้าวไกลได้ ๒ หมื่นกับ ๓ ร้อยกว่า พรรคกล้ามาอันดับสามคะแนน ๒ หมื่นนิดหน่อย ขณะที่ฝ่ายสนับสนุน ‘ตู่อยู่ต่อ’ อีกสองพรรค พปชร.และไทยภักดีไล่ตามหลังกัน ได้เกือบ ๘ พันกับเกือบ ๖ พัน
แซ่ซร้องกันว่าฟากประชาธิปไตย พท.+ก.ก.รวมกันเกือบ ๕ หมื่น ชนะฟาก ‘เอีย’ (เอา+เลีย) ประยุทธ์ อันมีกล้า+พปชร.+ไทยภักดี ทิ้งห่างขาดลอย ราว ๑ หมื่น ๖ พันคะแนน และยังมีข้อคิดของ @DuangritBunnag อีกอย่าง “น่าสนใจ”
ก็คือ ผู้สมัครก้าวไกลเป็นนักการเมืองหน้าใหม่สำหรับพื้นที่ ขณะที่พรรคกล้า “เอา สส.เขตคนเดิมมาลง” ก็ยังได้คะแนนน้อยกว่า แม้จะนิดหน่อย อย่างไรก็ตาม มีข้อคิดของผู้ชำนัญ ‘pundits’ ขาประจำของเราที่นี่ น่าบันทึกไว้
Atukkit Sawangsuk ชมว่าพวกนักห้อยโหน “ได้คะแนนสูงอย่างเซอร์ไพรส์เช่นกัน เทียบแล้วยังได้มากกว่าพรรคกำนันเมื่อปี ๖๒ หลายเท่า จริงๆ ต้องถือว่าหมอวรงค์เข้าเป้า ในการปลุกพลังขวาสุดโต่ง” เลยยุส่ง ให้หมอวรงค์ หมอเหรียญทอง อุ๊ และสุวินัย ได้ปาร์ตี้ลิสต์เข้าสภาครั้งหน้า
แต่ Thanapol Eawsakul นั้นหวนไปเอ่ยถึงเสียงเรียกก่อนเลือกตั้งให้โหวตเชิงยุทธศาสตร์ว่า “เลิกพูดเสียที” ที่เคยชี้หน้าว่าเลือกตั้งปี ๖๒ พี่ใหญ่แพ้พรรคพลังดูดใน กทม.เพราะมี ‘อนาคตใหม่’ ไปแย่งคะแนน แต่คราวนี้ปี ๖๕ “ถ้าก้าวไกลไม่ส่ง
ผู้ชนะการเลือกตั้งอาจจะไม่ใช่พรรคเพื่อไทยก็ได้ เพราะก้าวไกลที่โดนปรามาส ว่าเป็นประชาธิปัตย์สาขา ๒กับพรรคกล้า (๓ ไม่เอา) ที่แตกตัวจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนรวมมากกว่าเพื่อไทย” ๔ หมื่นกับหมื่นสี่ ฉะนั้นเลิกผลักไสกันได้แล้ว
โดยเฉพาะก้าวไกลได้พิสูจน์ตัวเองว่า “แม้เรายังไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว...เมื่อดูจากเปอร์เซ็นต์คะแนนเสียงที่ได้รับ ในการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ เราได้ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้ได้ ๒๔ เปอร์เซ็นต์ มากกว่าครั้งที่แล้ว” ตามคำกล่าวของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
“นอกจากนี้นโยบายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพก็ถือว่าเป็นที่ตอบรับดีมาก เพราะคะแนนเสียงจากในค่ายทหารในสมัยอนาคตใหม่เราได้ ๒๖ เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้เพิ่มเป็น ๓๕ เปอร์เซ็นต์” เถียงไม่ขึ้นว่า “พี่น้องทหารเห็นด้วยกับสิ่งที่เราจะทำให้กองทัพทันสมัย
เป็นทหารมืออาชีพ ชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยดีขึ้น...ใครพยายามสร้างภาพว่าพรรคก้าวไกลกับทหารเป็นปฏิปักษ์กัน คิดว่าเลิกพูดแบบนั้นได้แล้ว...ทั้งนี้เราตั้งใจที่จะทำงานอย่างมุ่งมั่นต่อไปสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงประเทศนี้”
พลโทพงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และอดีต ส.ส.อนาคตใหม่ รีบออกมาตอกย้ำว่า “ทหารเองรู้ดีว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นศัตรู” จากการเข้าไปหาเสียงในค่ายทหารพบว่า “ทหารและครอบครัวส่วนใหญ่อยากปฏิรูปกองทัพ
อยากมีสวัสดิการที่ดี ไม่ต้องห่วงครอบครัว พร้อมที่จะรบป้องกันประเทศอย่างสมศักดิ์ศรี...เขาอยากเป็นทหารอาชีพ ไม่ใช่ทหารการเมือง” ทำให้ kovitw@kovitw1 (พ่อของ จอห์น วิญญู) ฟันธง “นโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารเป็นที่ยอมรับแม้ในหมู่ทหารด้วยกันเอง”
ไม่ว่าเพจ ‘เชียร์ลุง’ จะพยายามปลอบใจตัวเอง ว่าเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ครั้งนี้ “ใครจะแพ้ใครจะชนะยังไง พรุ่งนี้ตื่นเช้ามา นายกรัฐมนตรีก็ยังเป็นคนเดิม และยังเป็นอีกยาวววววว” รูปการณ์ไม่อย่างนั้นแล้วละ ไม่เชื่อให้ตู่เปิดเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ไวๆ ดูสิ
(https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3159097, https://www.facebook.com/asatreerat/posts/4916652968449165 และ https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/5077569485643183)