อานนท์ นำภา
13h ·
จดหมายเปิดผนึกถึงท่านเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย (ฉบับที่ 5)
.
เรียนท่านเอกอัครราชทูตด้วยความเคารพ
เมื่อวานนี้เพนกวินกับไมค์ถูกเบิกตัวไปขึ้นศาลอาญากรุงเทพใต้ ในคดีแต่งตัวชุดครอปท็อปไปเดินสยามพารากอนแล้วโดนคดีม.112 กว่าจะกลับเข้าห้องขังก็เกือบมืด การออกศาลแต่ละครั้งมีคุณค่าและความหมายกับทั้งสองเพราะมันหมายถึงการได้เจอหน้าแม่และเพื่อนๆ ถ้าเจ้าหน้าที่สถานทูตของท่านที่ติดตามคดีของพวกกระผมอยู่สังเกต น่าจะเห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขา นั่นคือสีผิวที่คล้ำลง
.
ในเรือนจำ พวกกระผมจะนอนโดยมีไฟหลอดฟลูออเรสเซนต์ส่องสว่างทั้งคืน มันเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัย แน่นอนว่ามันแลกมาด้วยแสงที่แยงตาและสีผิวที่คล้ำลงตามระยะเวลาที่เราใช้ชีวิตอยู่ในนี้ การปรับตัวให้เข้ากับแสงไฟจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โชคดีหน่อยก็ตรงที่ผู้ต้องขังเบาบางลงจากเดิมที่นอนไหล่ชนไหล่ ตอนนี้มีพื้นที่นอนมากขึ้น
.
ทางเรือนจำเปิดหนังให้พวกเราดูถึงประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง หลังจากนั้นจะเป็นเวลาพักผ่อนของแต่ละคน ไผ่จะออกกำลังกายภายในห้องแล้วออกมานอนดูหนัง ไมค์จะนอนอ่านนิยายกับพวกนิตยาสาร เพนกวินจะอ่านหนังสือเรียน ส่วนกระผมชอบอยู่เงียบๆมองดูความเป็นไปของพวกเขา มองดูชีวิตที่ดำเนินไปอย่างช้าๆในคุกแห่งนี้
.
เพนกวินเล่าให้ผมฟังว่า เขาได้เจอกับรุ้งและเบนจาที่ศาลเพราะโดนคดีเดียวกัน ส่วนไมค์เล่าให้ฟังว่าพ่อของเขาประสบอุบัติเหตุซึ่งผมไม่กล้าถามต่อ คงปล่อยให้พวกเขาจัดแจงที่นอนและใช้ชีวิตตามวิถีของตนเอง การได้พบแม่และเพื่อนๆทางด้านหนึ่งมันก็ทำให้เขามีกำลังใจ แต่ในอีกด้านเมื่อเขากลับจากศาลเข้ามาในคุกมันก็ทำให้พวกเขาดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
.
ขณะที่ผมกำลังเขียนจดหมายถึงท่านอยู่นี้ กระผมเฝ้ามองพวกเขาด้วยความหวังอย่างประหลาด 2 ประการ ประการแรก อยากให้มีปาฏิหาริย์ ให้พวกเขาได้รับสิทธิการประกันตัว อีกประการ กระผมอยากให้แสงไฟคืนนี้ดับลงสักหนึ่งคืน อยากให้พวกเขาได้หลับอย่างเต็มอิ่มและให้ความมืดช่วยซุกซ่อนน้ำตาของพวกเขาไว้
.
สิ้นเสียงทีวีความเงียบคืบคลานมาในห้องขังอีกครั้ง แสงไฟยังคงเจิดจ้า กระผมขอตัวหลับพักผ่อนก่อนนะครับ เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาเห็นทุกคนมีแรงใจสู้ต่อไป
.
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
อานนท์ นำภา
เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แดน 4