8h ·
สวัสดีครับพี่น้องราษฎร วันนี้ผมถูกเบิกตัวจากเรือนจำมาที่ศาลอาญารัชดา เพื่อฟังการสืบพยานโจทก์คดีการชุมนุมของกลุ่มม็อบเฟสเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ในคดีนี้ผมถูกฟ้องว่าทำผิดมาตรา 112 เพราะปราศรัยเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในหลายประเด็น เช่น กรณีการเสด็จไปประทับที่ประเทศเยอรมันและการใช้พระราชอำนาจนอกราชอาณาจักร ซึ่งทางอัยการกล่าวหาว่าเป็นการบิดเบือน ดูหมิ่น และจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมและทีมทนายจึงเตรียมการเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมปราศรัยเป็นความจริง และได้ยื่นเรื่องให้ศาลออกหมายเรียกพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตารางการเดินทางเข้าออกประเทศไทยและประเทศเยอรมันของในหลวงรัชกาลที่ 10 และข้อมูลที่ ส.ส.พรรคกรีนของเยอรมันได้เคยอภิปรายในสภาของเยอรมันว่าด้วยการใช้พระราชอำนาจนอกประเทศ
น่าผิดหวังมากที่ศาลซึ่งควรเป็นที่สถิตของความยุติธรรมและความจริงกลับไม่ยอมออกหมายเรียกพยานหลักฐานเหล่านี้ให้ โดยให้เหตุผลว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความ” ทั้งที่ผมถูกกล่าวหาว่าบิดเบือน ดูหมิ่น จาบจ้วง แต่ผมยืนยันว่าผมพูดความจริงเพื่อประโยชน์ของประชาชน แล้วการหาหลักฐานพิสูจน์ความจริงในเรื่องที่ผมถูกกล่าวหาจะไม่เกี่ยวกับคดีความได้อย่างไร
ตลอดการดำเนินคดีนี้ ผมเหมือนถูกมัดมือชกตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นการคุมขังไว้ก่อนโดยยังไม่มีความผิด การไม่มีโอกาสได้ปรึกษาทนายและหาข้อมูลมาสู้คดี ทั้งยังไม่ได้รับการอำนวยความยุติธรรมจากศาลอีก ก็เหมือนถูกตัดสินให้ผิดตั้งแต่แรกโดยไม่ต้องพิสูจน์อะไร
กระบวนการแบบนี้อาจเรียกว่ากระบวนการยุติธรรมได้ไม่เต็มปาก แต่เราก็ยังจำต้องสู้เพื่อเอาความจริงออกมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้ว่าการไปอยู่ที่เยอรมันและการใช้อำนาจนอกราชอาณาจักรนั้นจริงหรือไม่ หวังว่าศาลจะเปลี่ยนใจมาร่วมหาความจริงไปกับเราด้วยการนำออกหมายเรียกพยานให้ แต่ถ้าศาลยังยืนยันไม่ยอมออกหมายเรียกก็อาจต้องขอแรงคนที่อยู่ข้างนอกช่วยกันรวบรวมหลักฐานมาให้ผมได้พิสูจน์ความจริงในคดีนี้ต่อไป !!!
...
iLaw
8h ·
27 มกราคม 2565 ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์คดีมาตรา 112 ของพริษฐ์ ชิวารักษ์หรือเพนกวิน จากกรณีขึ้นปราศรัยในการชุมนุม #Mobfest ที่ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563
_________
เวลา 09.00 น. ที่นอกห้องพิจารณาคดีที่ 703 มีกลุ่มประชาชนที่เป็นสมาชิกของศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ซึ่งเป็นกลุ่มกิจกรรมที่เฝ้าระวังการแสดงออกอาจที่กระทบหรือพาดพิงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางร้าย นั่งรออยู่หกคน โดยในกลุ่มดังกล่าวมีสองคนที่จะขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ในนัดนี้ ขณะที่ด้านในห้องพิจารณาคดีมีเพียงทนายจำเลยและผู้สังเกตุการณ์ไอลอว์และทนายความในคดีอื่นนั่งอยู่เท่านั้น ส่วนพริษฐ์ยังไม่ถูกเบิกตัวขึ้นมาที่ห้องพิจารณาคดี
.
เวลาประมาณ 09.15 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี และอ่านคำพิพากษาในคดีอื่นก่อน โดยไม่ได้สอบถามว่าคนที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีเป็นใครหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร
.
พริษฐ์ถูกเบิกความขึ้นมาที่ห้องพิจารณาคดี 703 ในเวลาประมาณ 09.25 น. ขณะนั้นในห้องพิจารณาคดีมีเพียงทนายจำเลยสองคน ผู้ช่วยทนายสองคน ผู้สังเกตการณ์ไอลอว์ และบุคคลภายนอกที่ต้องการมาให้กำลังใจพริษฐ์อีกหนึ่งคน ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวประชาไทซึ่งเพิ่งมาถึงและเตรียมจะเข้าห้องพิจารณาคดีถูกตำรวจศาลที่นั่งอยู่หน้าห้องพิจารณาคดีห้ามไว้ไม่ให้เข้าห้องพิจารณาคดี จากนั้นตำรวจศาลเข้ามาในห้องพิจารณาคดีและสอบถามผู้พิพากษาที่อยู่บนบันลังก์ว่าอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าห้องพิจารณาคดีได้หรือไม่
.
ศาลตอบตำรวจคนดังกล่าว และแจ้งกับคนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีว่า ศาลอนุญาตให้เฉพาะคู่ความ ทนายความ และญาติของจำเลยอยู่ในห้องพิจารณาคดีเท่านั้น บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องให้อยู่ด้านนอกห้องพิจารณาคดี เนื่องจากศาลต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด19 อย่างเคร่งครัด
.
ตำรวจศาลคนดังกล่าวจึงออกไปแจ้งแก่ผู้สื่อข่าวประชาไทเรื่องที่ศาลไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าห้องพิจารณาคดี จากนั้นตำรวจศาลอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีสอบถามผู้สังเกตการณ์ไอลอว์ และคนที่มาให้กำลังใจพริษฐ์ว่าเกี่ยวข้องกับคู่ความหรือไม่ เมื่อผู้สังเกตการณ์ไอลอว์แจ้งว่าเป็นผู้สังเกตการณ์และบุคคลภายนอกอีกคนหนึ่งตอบว่าไม่เกี่ยวข้อกับคดีนี้ เป็นเพียงผู้มาให้กำลังใจ ตำรวจศาลจึงบอกให้ออกไปนอกห้องพิจารณาคดีตามที่ศาลสั่ง
.
ระหว่างนั้นทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของพริษฐ์แถลงต่อศาลว่า คดีนี้มีผู้มาสังเกตการณ์ และให้กำลังใจไม่เยอะ ขอให้ศาลอนุญาตให้ทุกคนอยู่ร่วมกระบวนการพิจารณาคดี โดยให้เว้นระยะห่างในการนั่งแทน
.
ศาลตอบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในขณะนี้มีความน่ากังวล และห้องพิจารณาคดีที่ใช้อยู่เป็นห้องแอร์ และเปิดแอร์อยู่ทำให้เชื้อมีโอกาสแพร่กระจายได้ง่าย และศาลก็ไม่อาจทราบได้ว่าบุคคลใดที่เข้ามาในห้องพิจารณาคดีมีความเสี่ยงที่จะติดโควิดมาบ้าง อีกทั้งตามระเบียบของศาลในขณะนี้จึงกำหนดให้เฉพาะคู่ความ ทนายความ และญาติของคู่ความเท่านั้นที่เข้าห้องพิจารณาคดีได้ แต่ในกรณีคดีนี้หากบุคคลภายนอกประสงค์จะอยู่ในห้องพิจารณาคดี ก็ให้นำผลตรวจโควิดแบบ ATK มายืนยันต่อศาลจึงจะให้อยู่ในห้องพิจารณาคดีได้
.
พริษฐ์ แถลงต่อศาลว่า ขอให้ศาลให้อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาสังเกตการณ์ด้วย เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง และอุดมการณ์ทางการเมือง ถ้าไม่เปิดเผยกระบวนการพิจารณาคดีให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ ก็จะไม่ต่างจากการพิจารณาคดีลับ
.
ศาล ตอบพริษฐ์ว่าด้วยสถานการณ์โควิด จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ถ้าเป็นญาติก็ให้เข้าห้องพิจารณาคดีได้ และถ้าเป็นเพื่อนที่จะมาดูการพิจารณาคดีต้องให้มีผลตรวจโควิดแบบ ATK มายืนยัน
.
ทนายกฤษฎางค์ แถลงต่อศาลอีกครั้งว่า ในวันนี้จะมีเพื่อนๆ จากธรรมศาสตร์มาให้กำลังใจพริษฐ์เพิ่มเติมอีก การระบุให้เพียงญาติเข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดีอาจจะไม่เพียงพอ ขอให้ศาลจัดห้องพิจารณาคดีที่เป็นการถ่ายถอดสดวีดีโอคอนเฟอเรนส์ เพื่อเป็นการรักษาระยะห่าง และให้บุคคลภายนอกได้ชมกระบวนการพิจารณาคดี เพื่อให้เป็นไปตามหลักการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยด้วย
.
ศาลแจ้งต่อทนายจำเลยว่า กำลังประสานงานให้จัดห้องพิจารณาคดีที่ถ่ายทอดสดวีดีโอคอนเฟอเรนส์ให้ แต่ในห้องนี้ให้อยู่ได้เฉพาะญาติคู่ความ ทนายจำเลย และคู่ความเท่านั้น
.
จากนั้นผู้สังเกตการณ์จึงออกมาจากห้องพิจารณาคดี และนั่งรออยู่บริเวณหน้าห้องพิจารณาคดี
.
เวลาประมาณ 09.35 น. เมื่อมารดา และน้องสาวของพริษฐ์มาถึงก็สามารถเข้าห้องพิจารณาคดีได้ แต่เพื่อนของพริษฐ์ที่ติดตามมาด้วยอีกสองคนไม่สามารถเข้าห้องพิจารณาคดีได้ จากนั้นมารดาของพริษฐ์จึงออกมาแจ้งว่า ศาลให้ทำการตรวจ ATK ก่อน และถ้ามีผลเป็นลบถึงเข้าห้องพิจารณาคดีได้
.
จากนั้นทนายจำเลยได้ออกมาแจ้งเพื่อนของพริษฐ์ว่า ศาลจะถ่ายทอดสัญญาณการพิจารณาคดีไปที่ห้องพิจารณาคดี 711 เพื่อรองรับคนที่ต้องการเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี ผู้สังเกตการณ์และเพื่อนของพริษฐ์จึงไปสังเกตการณ์ที่ห้องพิจารณาคดี 711 แทน โดยในห้องพิจารณาคดีดังกล่าวมีคนอยู่สามคนคือผู้สังเกตการณ์และเพื่อนของพริษฐ์ ส่วนสมาชิกกลุ่มศปปส.ที่ไม่ได้เป็นพยานในคดี ศาลให้ไปสังเกตการณ์การพิจารณาคดีที่ห้อง 804
_________
การสืบพยานเริ่มในเวลาประมาณ 10.15 น. พยานโจทก์ปากแรกคือ กัญจ์บงกช เมฆาประพัฒน์สกุล ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มศปปส. เบิกความโดยสรุปได้ว่า ในวันเกิดเธอกับเพื่อนในกลุ่มศปปส.ประมาณสามถึงสี่คน ไปสังเกตการณ์การชุมนุม #Mobfest จากนั้นในชั้นสอบสวนเธอถูกเรียกไปให้การเป็นพยานว่าการกระทำของพริษฐ์เป็นความผิด
.
กัญจ์บงกชระบุว่า เธอทราบเรื่องการชุมนุม #Mobfest จากข้อความที่พริษฐ์โพสต์เชิญชวนบนเฟซบุ๊กของเขา โดยเธอกับเพื่อนได้ไปในพื้นที่ที่มีการนัดหมาย จัดการชุมนุมในเวลา 09.00 น. และกลับในเวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อติดตามดูการกระทำที่เป็นการจาบจ้วงสถาบันฯ ในการชุมนุม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กลุ่ม ศปปส. ทำเป็นประจำอยู่แล้ว
.
หลังเดินทางกลับเธอได้รับฟังพริษฐ์ปราศรัยผ่านทางเฟซบุ๊ก live ขณะที่ได้ฟังข้อความก็รู้สึกว่าสิ่งที่พริษฐ์พูดออกมาเป็นความผิดฐานยุยง ปลุกปั่น และเป็นการดูหมิ่น จาบจ้วงเบื้องสูง
.
เมื่ออัยการให้ดูเอกสารถอดเทปคำปราศรัย แล้วถามว่ารู้สึกอย่างไรกับคำปราศรัยของพริษฐ์ กัญจ์บงกชมีอาการชะงัก ก่อนเบิกความด้วยเสียงสั่นเครือว่า เมื่อเห็นข้อความดังกล่าวก็รู้สึกว่าคนพูดกระทำการ หมิ่น จาบจ้วง โจมตีสถาบัน และบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถาบันฯ และเห็นว่าคนที่พริษฐ์ปราศรัยถึงคือในหลวงรัชการที่ 10 จึงคิดว่าการกระทำของพริษฐ์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเห็นว่าการชุมนุมในครั้งนั้นจัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โควิด ซึ่งรัฐบาลห้ามชุมนุมอยู่จึงอาจจะผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย
_________
จากนั้นพยานโจทก์ปากที่สอง คือกนกชัญ วงศ์วรวรรณจาก ศปปส. ขึ้นเบิกความต่อ เนื่องจากพยานทั้งสองคนอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน ศาลจึงให้พยานทั้งสองคนเบิกความต่อศาลก่อน แล้วให้ทนายจำเลยถามค้านพยานทั้งสองปากในภายหลัง
.
กนกชัญ เบิกว่าเขาไปสังเกตการณ์การชุมนุม #Mobfest เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 ระหว่างเวลา 09.00 น. ถึง 17.00 น. โดยอยู่บริเวณแมคโดนัลด์อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเดินไปเดินมาในบริเวณใกล้เคียง เมื่อเดินทางกลับเขาก็ติดตามการชุมนุมต่อทางเฟซบุ๊ก Live
.
กนกชัญเบิกความว่า เขาทราบว่าบุคคลที่ปราศรัยคือพริษฐ์ โดยจำข้อความปราศรัยที่ชัดเจนไม่ได้ แต่เมื่อฟังคำปราศรัยรวมๆ แล้วรู้สึกว่าเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้าย ดูหมิ่นสถาบันฯ และเห็นว่าเป็นความผิด
.
เมื่ออัยการให้กนกชัญอ่านคำปราศรัยที่ตำรวจถอดเทปแล้วถามว่าเมื่ออ่านข้อความแล้วรู้สึกอย่างไร กนกชัญอ่านแล้วชะงัก จากนั้นจึงยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะเบิกความว่า เขาเป็นคนที่รักสถาบันมาก เมื่ออ่านข้อความแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ อัยการจึงถามต่อว่าความรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เห็นข้อความคืออย่างไร กนกชัญตอบว่ารู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันผิดกฎหมาย และเขาเห็นว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯด้วย
_________
การสืบพยานในช่วงเช้ายุติในเวลาประมาณ 11.50 น. ช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.30 น. รุ้งปนัสยา, ณัชนนท์ และเพื่อนกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เดินทางมาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 703 แต่ไม่สามารถเข้าห้องพิจารณาคดีได้ ต้องไปฟังการพิจารณาคดีที่ห้องคอนเฟอเรนส์เช่นเดียวกับผู้สังเกตการณ์ การสืบพยานในช่วงบ่ายยุติในเวลาประมาณ 16.10 น. จากนั้นศาลนัดสืบพยานโจทก์ต่ออีกสองปากในวันที่ 28 มกราคม 2565 เวลา 09.00 น.
_________
หลังการพิจารณาคดีพริษฐ์ได้ฝากข้อความถึงคนที่มาร่วมฟังการพิจารณาคดีก่อนถูกผู้คุมพาตัวไปยังห้องควบคุมตัวใต้ถุนศาลว่า
“ยังเชื่อว่าเราจะได้ประชาธิปไตยเร็วๆ นี้ เป็นกำลังใจให้คนที่ยังต่อสู้อยู่ และจะยังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเพื่อคนที่อยู่ข้างนอกทุกคน”
.
เหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 พริษฐ์หรือเพนกวินนักกิจกรรมแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมขึ้นปราศรัยในการชุมนุมม็อบเฟสต์ - #Mobfest ซึ่งจัดขึ้นที่ถนนราชดำเนินบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยการปราศรัยครั้งนี้นับเป็นการขึ้นปราศรัยครั้งแรกหลังพริษฐ์ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากการถูกคุมขังในคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 และต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงเวลาหนึ่ง
.
โดยการปราศรัยครั้งดังกล่าว พริษฐ์ย้ำถึงข้อเรียกร้อง 3 ข้อของราษฎรว่าไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงย่อมเกิดขึ้นไม่ได้
.
พริษฐ์ยังกล่าวด้วยว่า จะไม่มีการประนีประนอมใดๆ ถ้าไม่มีความยุติธรรม ถ้าประยุทธ์ยังไม่ลาออก และจะไม่มีการประนีประนอมใดๆ ถ้าร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนยังไม่ถูกร่าง พริษฐ์ยังปราศรัยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย
_________
ติดตามความเคลื่อนไหวคดีนี้ได้ที่: https://freedom.ilaw.or.th/case/931