สี่ทุ่มคืนนี้รู้กัน ผลโพลลับเลือกซ่อมจตุจักร-หลักสี่ของเขาแม่นจริงหรือไม่ ที่ว่าผู้สมัครหมายเลข ๓ ของพรรคเพื่อไทยจะชนะอย่างถล่มทลาย และการวัดดวงหลวงพ่อป้อม เชิด ดร.ดูลิตเติ้ล ‘animals whisperer’ จะได้ไปรอดฝั่งไหม
‘โพลลับ’ ซึ่งกลับเป็นข่าวใหญ่ไม่ลับเมื่อวันที่ ๒๘ มกราบอกว่า ผู้ที่มีคะแนนนิยมสูงสุดเหนือผู้สมัครอื่นทั้งหมดคือ สุรชาติ เทียนทอง ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี ๖๒ แพ้ สิระ เจนจาคะ ไปอย่างเฉียดฉิว ได้เสียงน้อยกว่าเพียง ๒,๗๐๐ คะแนน
ทว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาผู้สมัครพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่พบชาวบ้านอย่างต่อเนื่องและแข็งขัน ทำให้ “ฐานเสียงเดิม ยังอยู่ครบถ้วน” ถึงอย่างนั้นก็ยังตีอกชกลมไม่ได้เพราะตะกร้าคะแนนเสียงเปลี่ยนไป คราวนี้เป็นการแข่งขันหลายเส้า สองต้านสองชู ‘ตู่’ แถมหนึ่ง ‘ห้อย’
ในแต่ละคู่ของแต่ละฟากนั่นฟัดกันพอดู เพื่อไทยคงอยากได้ ‘แลนด์สไล้ด์’ ตัวสั่น ติ่งเพื่อไทยเลยไล่ฟัดก้าวไกลจะเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่เจ้าของเพจดังรายหนึ่งวิพากษ์ วิโรจน์ ลักขณาอดิสร แคนดิเดทชิงผู้ว่า กทม.ของก้าวไกล ที่ช่วยหาเสียงเลือกซ่อม
อ้างว่าการที่วิโรจน์ประกาศ ‘ชนดะ’ กับผู้ครองอำนาจ จะทำให้เกิดความระส่ำระสายเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า เขาคงชอบใช้มธุรสวาจา แบบว่าถึงจะตกอยู่ในวงล้อมก็ต้องวางมาดสงบ กล่าวชวน “พี่ท่านมาทำยุทธหัตถีกันเถอะ” อะไรประมาณนั้น
ทางฝั่งหนุนตู่ อันมีมาดามหลี ภรรยาของสิระซึ่งลงในนามพรรคพลังประชารัฐ ถูกเลื่อยขาโต๊ะโดยพรรคโหนเจ้า ‘ไทยภักดี’ เมื่อ เหรียญทอง แน่นหนา เจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลที่ประกาศรักษาเฉพาะคนไข้ที่ไม่ใช่เสื้อแดงและสามกีบ แค้นสิระฝังหุ่นเลยแอนตี้ พปชร.
ยังมีแช้มป์เก่า อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ที่ย้ายไปอยู่พรรคกล้า นัยว่าลงแข่งเพื่อทดสอบคะแนนเสียงเดิมว่าจะยังอยู่ในตะกร้าหรือเปล่า โดยเฉพาะเชื่อว่าแรงดันของ สกลธี ภัททิยกุล ซึ่งออกจาก พปชร.แล้ว จะทำให้ได้เสียง กปปส.ในพื้นที่มาเสริม
อีกทั้งเป็นการทำโปรโมชั่นพรรคใหม่ สาย ‘๓ ไม่เอา’ ดังที่ สิริพรรณ นกสวน สวัสดี ให้ข้อวิเคราะห์ไว้ที่ ‘เดอะ สแตนดาร์ด’ นั่นคือพรรคนี้พยายามเสนอทางเลือกแบบ ‘ทรานส์’ ไม่ต้องการเป็นทั้ง ‘ตุ๊ดตู่’ ‘ไบแม้ว’ หรือ ‘straight ธนอน’
ดูจากฐานข้อมูลจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขตจตุจักรและหลักสี่ แห่งละ ๘ หมื่น ๓ พันกว่าๆ รวมกันเกือบ ๑ แสน ๗ พัน อจ.สิริพรรณคำนวณตัวเลขจากสถิติครั้งที่แล้วมีผู้ไปใช้สิทธิราว ๑๒๐,๐๐๐ (แต่คิดว่าครั้งนี้น่าจะไม่ถึง) ถ้าไม่มีปัญหาตัดคะแนนกันเอง
คะแนนของเพื่อไทยบวกก้าวไกลจะได้ราว ๕๗,๐๐๐ ส่วนของ พปชร.กับประชาธิปัตย์อยู่ที่ ๕ หมื่นถ้วนๆ ถ้ารวมเสียงของพรรคเศรษฐกิจใหม่กับเสรีรวมไทยอีกสัก ๘ หมื่น ฝ่ายไม่เอาตู่จะชนะขาดลอยที่ ๖๕,๐๐๐ ต่อ ๕๕,๐๐๐ ทว่าคราวนี้เป็นการเลือกซ่อม
ซึ่ง “ไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า” และ “ไม่มีเลือกตั้งนอกเขต” อีกทั้งไม่ว่าใครชนะ จะไม่ส่งผลต่อพลังการเมืองโดยรวม “ไม่ได้เปลี่ยนรัฐบาลไม่ได้เข้าไปดำเนินนโยบาย” ดังที่ Atukkit Sawangsuk ว่า จึงไม่จำเป็นต้องทำการ ‘โหวตทางยุทธศาสตร์’ กัน
มีแต่เรื่องศักดิ์ศรี เพื่อไทยต้องรักษาความเป็น ‘พี่ใหญ่’ พลังประชารัฐต้องรักษาหน้าประยุทธ์-ประวิตร พรรคกล้ากับไทยภักดี ลงแข่งเพื่อตัดคะแนนเพื่อไทยกับก้าวไกล และช้อนคะแนนฝ่ายอนุรัษ์กับทหาร เพราะรู้ดีว่าพลังประชารัฐดันไม่ขึ้นแล้ว
จะเห็นว่าการปราศรัยหาเสียงของไทยภักดี โดย ‘อุ๊’ หฤทัย ม่วงบุญศรี เน้นโจมตีพวก ‘ก้าวหน้า-ก้าวไกล’ โดยตรง จึงได้ลำเลิกและก้าวร้าวอย่างชนิดทำให้ข้ออ้าง “ต่อกรกับพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสั่นคลอนสถาบันพระมหากษัตริย์” กลับส่งกลิ่นเน่าคลุ้ง
เมื่อบอกว่า “อุ๊อยากขอให้จัดเครื่องบินเช่าเหมาลำ...ส่งคนบางกลุ่มที่ไม่รัก ไม่ศรัทธา...ส่งเขาไปอยู่ที่เกาะสักแห่งหนึ่ง แล้วให้ ‘ไอ้ตี๋’ เป็นผู้นำ สร้างประเทศ สร้างถนนเอา ไม่ต้องมีประเทศ ไม่ต้องมีทหาร และไม่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองประมุข”
ส่วนพรรคก้าวไกล ซึ่งเมื่อครั้งอนาคตใหม่เคยได้เสียง ๘ แสนในเขตนี้ “ผ่านมา ๒ ปีกว่าแล้ว ต้องไม่ลืมว่าพรรคก้าวไกลมีความเป็นซ้ายมากขึ้นจากจุดแรกที่เป็นอนาคตใหม่” ดร.สิริพรรณชี้ว่า “ต้องการทดสอบฐานเสียง” เพื่อวางยุทธศาสตร์สำหรับการเลือกตั้งใหญ่
เช่นกันกับการดึงวิโรจน์จาก ‘ดาวสภา’ มาลงแข่งชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. ทั้งๆ ที่คะแนนเสียงของ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นลมใต้ปีกอยู่นั้น นำลิ่วในโพลทุกครั้ง ทำให้เสียงตอบรับวิโรจน์ระยะแรกล้วน ยี้ “เป็น สส.ดีอยู่แล้ว ไม่น่ามาลงผู้ว่าฯ”
แต่จากโพลย่อมๆ ของ Jessada Denduangboripant สองครั้ง ครั้งแรกกลางเดือนธันวาปี ๖๔ กับครั้งที่สอง ๒๓ มกราปีนี้ แน่นอนว่าชัชชาติยังนำลิ่ว แต่คะแนนของก้าวไกลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จากเมื่อยังไม่เผยชื่อผู้สมัคร ๔.๘% มาเป็น ๑๑.๕% สำหรับวิโรจน์
“คะแนนโพลที่ได้มาเพิ่มนี่ ก็ไม่ได้ดึงมาจากตัวเก็งอย่างของอาจารย์ชัชชาติเพียงคนเดียว แต่จะเห็นว่าดึงมาแรงๆ จากของอาจารย์เอ้ สุชัชวีร์ ซึ่งคะแนนนิยมลดฮวบในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว” อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นการลงแข่งในเชิงยุทธศาสตร์ได้ไหม
ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ไม่ลงเพื่อเปิดทางให้เพื่อน แต่เป็นยุทธศาสตร์ลงแข่งเพื่อตัดคะแนนคู่ต่อสู้ เหมือนที่พรรคกล้าและไทยภักดีลงแข่งเขต ๙ จตุจักร-หลักสี่
(https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant/posts/2385593861571234, https://www.facebook.com/themomentumco/posts/2886261004998918, https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3156291 และ https://thestandard.co/election-results-siripan-nogsuan-sawasdee-opinion/)