วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 04, 2561

ดอน ‘ล่อเป้า’ สร้างราคา รอการต่อยาวของ คสช.


ที่เลขาฯ พรรคเพื่อไทยพูดถึง รมว.ต่างประเทศว่า “ไม่เข้าใจการเมืองและความโปร่งใสของการเมือง ว่ามีความสำคัญอย่างไร” ยังน้อยไปนิด

ที่จริงนายดอน ปรมัตถ์วินัย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความเป็น สากล คืออะไร ขืนยังเถียงว่าขั้นนี้แล้วไม่รู้ได้ไงละก็ ทั่นน่ะ มือถือสากแน่นอน
 
นายภูมิธรรม เวชยชัย ให้สัมภาษณ์เมื่อวาน (๓ พฤศจิกา) ว่าประเทศไหนๆ ทั่วโลก เขาล้วนแต่อยากให้นานาชาติได้เห็นว่าประเทศของตนผ่านการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ทั้งนั้น “และเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นต่อประเทศไทย”


โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นพวกรัฐไม่อยากพัฒนา รัฐพันลึก รัฐทหาร ที่ต้องการ ‘recognition’ คำรับรองของสากลโลก

เรื่องมาจากการที่นายดอน ลิ่วล้อ คสช.ผู้นี้พยายามปกป้องเจ้านาย ทำตัวเป็นสมุนรับใช้ที่ดี จึงต้องแสดงตนตอบโต้คำร้องเรียนของนายนคร มาฉิม ที่มีต่อกงสุลอเมริกัน ขอให้ “ส่งผู้แทนร่วมสังเกตการณ์ และตรวจสอบการเลือกตั้งและการนับคะแนน

นายดอนอ้างว่า “ประชาชนแต่ละประเทศมีความสำคัญและจำเป็นมากกว่า สามารถสังเกตการณ์การเลือกตั้งได้ดีกว่าคนต่างชาติ” ซึ่งไม่เป็นความจริง นักการทูตไหนๆ ก็รู้ ถ้าคำร้องเรียนนั้นอยู่บนรากฐานของการ “ยื่นหนังสือให้ติดตามการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย” ด้วย

ข้อแก้ตัวแทน คสช. อีกอย่างที่ว่าการให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตุการณ์เลือกตั้ง “ไม่เป็นมงคล” เพราะการให้ต่างชาติเข้ามาก็ต่อเมื่อประเทศมีปัญหา “สำหรับไทยเป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรี คงไม่อยากถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีปัญหา”

(https://www.khaosod.co.th/politics/news_1762173)

ประเทศไทยน่ะมีศักดิ์ศรีดีอยู่ แต่รัฐบาลไทยเดี๋ยวนี้ ซึ่งจะเป็นผู้ดูแล กำกับ และควบคุมการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ไม่เพียงไร้ศักดิ์สรีในทางประชาธิปไตย ยังมีผลกรรมย่ำยีต่อสิทธิเสียงประชาชนในการแสดงความเห็นต่าง ต่อต้านเผด็จการ

พฤติกรรมก้าวร้าว ข่มขู่ เบียดเบียน และบิดเบือนความจริงของรัฐบาลทหารและลิ่วล้อ เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกติกาสากล องค์กรนานาชาติจำนวนมากมายรับรู้ในเรื่องนี้ หลายแห่งแสดงปฏิกิริยาและท้วงติงอย่างเป็นทางการกันแล้ว

ข้อเรียกร้องของนายนครต่อตัวแทนทางการทูตสหรัฐในประเทศไทยประเด็นหนึ่งว่า “ขอให้งดการให้ความร่วมมือและการเจรจาใดๆ กับรัฐบาลที่มาโดยเผด็จการทหาร และรอจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมก่อนเท่านั้น” เหมาะเจาะกับสถานการณ์อย่างที่สุด


คำกล่าวหาของนายนครที่ว่า คสช.ยึดอำนาจมา ปี วางเครือข่ายข้าราชการ องค์กรอิสระ และสำคัญยิ่ง กอ.รมอ. เข้าครอบงำและแทรกแซงทุกองค์กร เพื่อความได้เปรียบ “ในเมื่อจะเล่นเอง จะสืบทอดอำนาจ” ไม่เพียงทำให้เกิดความ “กังวลใจว่าการเลือกตั้งที่มีขึ้นจะไม่เที่ยงธรรม ไม่อิสระ” เท่านั้น

ยังเป็นการมุสา ตบตานานาชาติในระดับรัฐ ทุกครั้งที่หัวหน้า คสช. มีโอกาสได้ไปแสดงตัวต่อชุมชนนอกกะลาแลนด์อย่างไร้ยางอายเสียด้วย โดยเฉพาะต่อกรณีที่นายดอนบอกว่า “หากลองนับจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วย จะพบว่ามีแค่หยิบมือเดียว”

นั่นเป็นการพูดมดเท็จชนิดดูถูกสติปัญญาของตนเองอย่างสิ้นดี ในเมื่อทั้งสื่อและองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลล้วนรู้ลึกว่า คสช.ทำอะไรบ้างกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม กับนักกิจกรรมและคนรุ่นใหม่ที่พยายามแสดงให้เห็นว่า มีประชาชนจำนวนไม่น้อยทนทุกข์และไม่ต้องการให้ คสช.ครองเมืองต่อไปอีกยาวนาน

การพยายามฟอกขาวให้ คสช.ด้วยความเท็จ เสียจนลืมนึกถึงจรรยาบรรณแห่งอาชีพ ที่ฝรั่งเรียกว่า ‘professionalism’ ของนายดอนคงไม่สร้างความมัวหมองแก่ ชาติและประชาชน มากไปกว่าตัวของตัวเอง

คำที่ว่า “หลังเลือกตั้งจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในทางการเมือง แต่ถ้าจะมานั่งพูดคุยปรึกษาหารือในเรื่องการต่างประเทศ ซึ่งตนมีความถนัดก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ” นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่า ล่อเป้า สร้างราคา รอการต่อยาวของ คสช.