วันอังคาร, ตุลาคม 21, 2568

“แหล่งอาชญากรรม”เพื่อนบ้าน กับบทบาทของไทย ในมุมมองของ “เจสัน ทาวเวอร์” ผู้เชี่ยวชาญต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ


สำนักข่าวชายขอบ
20 hours ago
·
“แหล่งอาชญากรรม”เพื่อนบ้าน
กับบทบาทของไทย
ในมุมมองของ “เจสัน ทาวเวอร์” ผู้เชี่ยวชาญต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ
-----------
ภาสกร จำลองาช
-----------
เจสัน ทาวเวอร์ (Jason Tower) ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส โครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Global Initiative Against Transnational Organized Crime – GI-TOC) ซึ่งเป็นผู้นำในการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับการเกิด“เขตอาชญากรรม” ที่เป็นศูนย์กลางของขบวนการหลอกลวงขนาดอุตสาหกรรมทั่วภูมิภาค

ผลงานเจาะลึกของเจสันเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ อาชญากรรมในคาสิโน เศรษฐกิจผิดกฎหมาย และความขัดแย้งในพม่า ถูกนำมาเผยแพร่ในสื่อมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก และเขายังเคยให้การต่อรัฐสภาสหรัฐฯ หลายครั้งในประเด็นเหล่านี้

ก่อนหน้านี้ เจสันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการประจำประเทศพม่าของสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ (United States Institute of Peace) และเคยดำรงตำแหน่งอาวุโสในองค์กร PeaceNexus และ American Friends Service Committee และเป็นนักวิจัยรับเชิญประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สถานการณ์การการสู้รบและเผชิญหน้ากันระหว่างไทยและกัมพูชาเรื่องเส้นเขตแดน ได้พัฒนาสู่ประเด็น “แหล่งอาชญากรรม” ข้ามชาติ และขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงทางออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นรากเหง้าปัญหาที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างคนระดับผู้นำ 2 ตระกูลที่ใช้ชาติบ้านเมืองเป็นเครื่องมือ

ปัจจุบันทั่วโลกกำลังจับตามองการแก้ไขปัญหาแหล่งอาชญากรรมในกัมพูชา หลายประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ เกาหลีใต้ ไประกาศตัวเดินหน้าปราบปรามแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ ขณะที่แผ่นดินไทยซึ่งถูกใช้เป็นระเบียงอาชญากรรม คือเป็นพื้นที่ทางผ่านเดินทางข้ามไปสู่แหล่งอาชญากรรมในประเทศเพื่อนบ้าน แถมยังเป็นสถานที่หลบซ่อนของเหล่ามาเฟียจีน ตลอดจนเป็นแหล่งฟอกเงินใหญ่ให้เครืออข่ายอาชญากรรมกลุ่มนี้ แต่ท่าทีของรัฐบาลไทยที่มีอนุทิน ชาญวีระกูล เป็นนายกรัฐมนตรีถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่มีความกระตือรือร้นในการทลายขบวนการอาชญากรกลุ่มนี้เท่าที่ควร

ความสลับซับซ้อนของปัญหาแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติที่พัวพันไปถึงความมั่นคงของชาติ และกำลังกลายเป็นสนามห้ำหั่นระหว่างมหาอำนาจคือจีนและสหรัฐฯ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจยิ่งและท้ายทายมากสำหรับประเทศไทย

“ผมคิดว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ไทยต้องออกมานำให้ได้” เจสัน ทาวเวอร์ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวชายขอบ”ถึงสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ “ตอนนี้ไทยมีโอกาสที่จะสร้างความพยายามระดับภูมิภาคในการทลายธุรกิจอาชญากรรมเหล่านี้ เพราะทั้งสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร กำลังทำเรื่องนี้ ไทยจะร่วมดำเนินการได้อย่างไร”

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ หรือ DOJ (Department of Justice) ได้ยึดบิตคอยน์กว่า 127,271 เหรียญ มูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกระเป๋าเงินคริปโตฯ ของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวโจกขบวนการหลอกลวงขนาดใหญ่แบบ “Pig Butchering” ที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักรที่ได้ประกาศคว่ำบาตรเครือข่ายธุรกิจ อายัดทรัพย์และยื่นฟ้องดำเนินคดี เพื่อปราบขบวนการหลอกลวงระดับโลกนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นสถานการณ์ที่ไทยต้องแบกรับแรงกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“มีความจำเป็นมากๆ ที่จะต้องตามเรื่องเส้นทางการเงิน คืนเงินให้ผู้เสียหาย ปิดกั้นการทำอาชญากรรมในอนาคต อย่าให้เป็นรัฐสแกมเหมือนที่อื่นๆ ที่อาชญากรสแกมสามารถมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลได้ ไทยในฐานะแนวหน้าของภูมิภาคเป็นผู้นำได้ในการนำเพื่อยุติอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อประเทศไทยเองและเชื่อมพม่า ลาว กัมพูชา ให้พวกอาชญากรรมนี้หยุดใช้ไทยเป็นทางผ่าน วนไปมา 3 ประเทศผ่านไทย” ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านอาชญากรรมรายนี้ แสดงทรรศนะ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอแนะสำหรับสถานการณ์ที่ไทยกำลังเผชิญ

“หากไทยยุติเส้นทางเหล่านี้ และสามารถเปิดประตูโดยการเพิ่มความร่วมมือกับนานาชาติ และตำรวจสากล โดยเปิดศูนย์ให้ตำรวจจากประเทศต่างๆ เข้ามาทำงานร่วม ไทยจะเป็นผู้นำที่สามารถสนับสนุนงานยุติอาชญากรรมนี้ได้แน่นอน” เจสันแสดงความเชื่อมั่น

ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส โครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ อธิบายว่า พวกจีนเทาได้ทำงานรอบๆ ประเทศไทย ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา ตลอดแนวชายแดนแทบทั้งหมดได้กลายเป็นฐานของธุรกิจสแกม กลุ่มอาชญากรที่ก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ สร้างแหล่งอาชญากรรมนับร้อยๆ แห่งตามชายแดน 3 ประเทศนี้ เครือข่ายอาชญากรรมสามารถเข้าถึงรัฐในประเทศเหล่านั้น และได้รับการหนุนจากรัฐบางประเทศ

“ประเทศไทยถูกล้อมด้วยธุรกิจสีดำ ที่มีมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ราว 1.3 ล้านล้านบาท) ธุรกิจนี้เข้ามามีอิทธิพลในไทยและรัฐไทย พวกเขาใช้ทรัพยากรไทย พยายามเอาเงินทุนมาใส่ในประเทศไทย”

เจสันกล่าวด้วยว่า การที่สหรัฐฯและสหราชอาณาจักรดำเนินการอายัดทรัพย์และประกาศปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติกลุ่มนี้ ไม่ใช่เรื่องปกติ และไม่เคยเกิดการยึดทรัพย์มากขนาดนี้มาก่อน เกี่ยวกับคริปโต

“ทั้งสองประเทศแสดงออกชัดว่าต้องการหยุดเรื่องนี้ทันที ดังนั้นควรจะเป็นโอกาสที่ไทยได้จัดการปัญหานี้ ก่อนหน้านี้มีคณะทำงานปราบปรามที่ชายแดน แต่ยังไม่สามารถรับมือปัญหาที่สลับซับซ้อนกว่านั้น ผู้นำตำรวจและทหารไทย ได้พยายามแก้ปัญหาชายแดนพม่า และกัมพูชา แต่เป็นเพียงการตั้งรับ ไม่ใช่งานเชิงรุกที่จะจัดการเครือข่ายอาชญากรที่ใหญ่มากครั้งนี้ได้อย่างไร”

ผู้เชี่ยวชาญการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติยังเสนอแนะว่า ไทยควรดูว่าจะร่วมมือกับอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้อย่างไร โดยต้องพัฒนายุทธศาสตร์เพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้ให้ได้

“เป็นเรื่องช็อกมากที่ถล่มเศรษฐกิจสแกมที่กัมพูชา ของธุรกิจกลุ่ม Prince เราเห็นคนแห่ไปถอนเงินที่ธนาคารของ Prince เห็นคนมากมายหนีออกจากแหล่งอาชญากรรมในกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาก็เหมือนอยู่ตรงทางแยก เพราะทั้งสหรัฐ สหราชอาณาจักร กำลังรุกแก้ปัญหานี้อย่างรุนแรง ชัดเจนว่านี่เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก กัมพูชาจะเลือกระหว่างปกป้อง Prince Group หรือแก้ปัญหานี้กับนานาชาติ หากไทยเข้าร่วมการยุติปัญหานี้อย่างเป็นยุทธศาสตร์ เล่นบนนำทำงานในอาเซียน ถือว่าเป็นโอกาสของไทย”

Prince Group เป็นธุรกิจของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจเชื้อสายจีนที่กำลังถูกตรวจสอบจากหลายฝ่าย และสหรัฐฯได้สั่งอายัดทรัพย์ ซึ่งได้สร้างความแตกตื่นให้กับเหล่าสแกมเมอร์ในกัมพูชา และกลายเป็นผึ้งแตกรังเมื่อคืนวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าประชาชนรแห่ไปถอนเงินในธนาคารบางแห่งเนื่องจากไม่มั่นในสถานการณ์

เมื่อถามถึงการเชื่อมโยงระหว่างแหล่งอาชญากรรมในประเทศเพื่อนบ้านกับเครือข่ายในประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญรายนี้กล่าวว่า อาชญากรเหล่านี้เดินทางเข้าออกไทยได้ตลอดเวลา พวกเขามาใช้ทรัพยากรในไทยดำเนินการกับแหล่งอาชญากรรมที่ชายแดน ไทยเป็นฐานและเป็นทางผ่าน มีการรับสมัครงานผ่านประเทศไทย คนมากมายจากหลายสิบประเทศสมัครงานโดยผ่านประเทศไทยส่งต่อไปยังแหล่งอาชญากรรม ยากที่หน่วยงานรัฐจะจัดการได้ง่ายๆ และยังมีการพึ่งพาทางการเงินที่เข้ามาในประเทศไทย

“เงินมหาศาลที่ไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ เราก็เห็นว่ามีธุรกิจที่ไม่ลงทะเบียน บริการแลกเปลี่ยนคริปโต เต็มเมืองไปหมด ในกรุงเทพฯด้วย กลายเป็นแหล่งการเงิน ไม่ใช่แค่ที่ไทย แต่เกิดที่สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ หลายแห่งในภูมิภาค แต่ธุรกิจสีดำนี้ตั้งอยู่รอบๆ ประเทศไทย และไทยกลายเป็นแนวหน้า ซึ่งไทยต้องได้รับผลกระทบจากเงินสีดำที่เข้ามา รวมถึงการหลอกคนเข้ามาเพื่อไปแหล่งแสกม ใช้ไฟฟ้าไทย อินเตอร์เนต แทบทุกอย่างของไทย”

ที่ผ่านมามีการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้เพราะเชื่อว่าทำให้สาวไปถึงขบวนการต้มตุ๋นกลุ่มนี้ ซึ่งเจสันเห็นว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะทั้งสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรก็ใช้วิธีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลายประเทศมีบทเรียนแล้ว ว่าเงินที่หลอกเอาไปนั้นไปอยู่ที่ไหน รัฐบาลสองประเทศสามารถตามเงินกลับมาได้เยอะมาก

“ที่สหรัฐฯเอาคืนมาได้อาจสูงถึงหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ(ราว 9.7 แสนล้านบาท) คิดดูว่าหากตำรวจไทยติดตามว่าใครทำธุรกิจนี้ เอาเงินไปที่ไหนบ้าง ทั้งทรัพย์สิน คริปโต เชื่อว่าจะสามารถตามเงินคืนให้คนไทยที่ถูกหลอกลวงได้ระดับหนึ่ง สหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักร ปฏิบัติการโดยติดตามเงิน เขาทำจริงอย่างเป็นระบบ มีเอกสารครบทุกอย่าง เห็นเส้นทางการเงิน คือเงินเยอะมาก การสืบสวนเข้มข้น ว่าในภูมิภาคนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น เป็นเรื่องเศรษฐกิจด้วย หากตามจริงๆในที่สุดก็น่าจะทำได้ สามารถช่วยปกป้องประเทศไทยได้มาก”

เมื่อถามถึงบทบาทของจีนซึ่งหลายครั้งเห็นถึงท่าทีจริงจังในการปราบปรามอาชญากรชาวจีนที่หลอกลวงคนทั่วโลก แต่อีกด้านหนึ่งทางการจีนกลับจับมืออยู่กลุ่มอำนาจในประเทศเพื่อนบ้านที่เชื่อมโยงอยู่กับแหล่งอาชญากรรม

“เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ทางหนึ่งคงจะไม่เกิดเลยที่ชายแดนจีนพม่า หากมีเจ้าหน้าที่จีนไม่มาเกี่ยวข้อง แหล่งสแกมทั้งหลาย เช่น เมืองใหม่หย่าไท่ ชเวก๊กโก่ ที่ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ก็สร้างโดยบริษัทรัฐวิสาหกิจจีน เครือข่ายจีนที่ทำงานธุรกิจสีดำขยายออกมานอกประเทศ เพื่อก่ออาชญากรรมเมื่อ 2-3 ทศวรรษที่แล้ว แรกสุดหลอกเอาเงินมากมายจากคนจีน จนกระทั่งช่วงโควิดจึงมีการทลายธุรกิจนี้”

นักวิจัยผู้นี้กล่าวต่อไปว่า อาชญากรชาวจีนได้เข้ามาเปิดแหล่งอาชญากรรมในพม่า ทำเรื่องชั่วร้าย คนรู้กันทั่ว ทางการจีนก็อยากเล่นบทแก้ปัญหาเพราะเป็นเรื่องน่าอับอายมาก ตอนนั้นทางการจีนสั่งให้ทหารพม่าปิด แต่ทหารพม่าไม่ทำตาม เพราะแหล่งอาชญากรรมเหล่านี้ให้เงินทหารพม่าเยอะ จนกระทั่งทางการจีนตัดสินใจให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านเข้าไปเคลียร์เมื่อปลายปี 2023 ซึ่งกองกำลัง 3 พี่น้อง (The Brotherhood Alliance) ทำให้คนจีนเป็นหมื่นๆ ต้องหนีกันกระเจิง จีนสั่งประหารตัวหลักที่หลอกลวงคนจีน ทำให้พวกธุรกิจดำของจีนพวกนี้หนีไป ไม่หลอกคนจีนแล้ว

“เมื่อปิดแหล่งอาชญากรรมที่ชายแดนจีนได้แล้ว จีนให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านปฏิบัติการทลายแหล่งสแกม จีนจึงเห็นว่ารัฐบาลทหารพม่านั้นเปราะบางแค่ไหน จนเกือบจะถูกฝ่ายต่อต้านยึดประเทศได้แล้ว บุกลงมาถึงมัณฑะเลย์ จีนจึงเข้ามาแทรกแซงเพื่อไม่ให้พม่าล้ม หากรัฐบาลพม่าพังลงไป จีนจะทำงานกับใคร จะจัดการเศรษฐกิจ โครงการลงทุน ท่อก๊าซ ฯลฯอย่างไร

“จีนต้องการใช้พม่าเป็นประตูออกไปสู่มหาสมุทรอินเดีย จึงหันมารักษาทหารพม่าไว้ กดดันไทยให้ช่วยจัดการเรื่องชายแดน เพื่อปกป้องประโยชน์ของจีน จีนอยากเข้าประตูหลังผ่านไทย เข้าไปปราบพวกสแกมที่หลอกคนจีน น่าสนใจคือขณะที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของจีนข้าม (จาก อ.แม่สอด) ไปฝั่งเมียวดี แต่กลับไม่ได้ไปไกลเหมือนที่ทำที่โกก้าง แค่ไปจับกุมเอาอาชญากรกลับมา ไม่เอาชิตตู(ผู้นำกะเหรี่ยง BGF)หรือผู้นำกองกำลังคนอื่นๆเลย ไม่เหมือนที่โกก้าง คือกดดันให้ไทยช่วย ไทยจะจัดการเรื่องชายแดนพม่าอย่างไร แค่นี้ก็น่าจะเห็นแล้วว่าจีนปกป้องคนจีน และไม่ทำลายทหารพม่า”

เจสันกล่าวว่า หากมีหลักฐานในจีนว่าหลอกลวงคนจีนก็จะโดนตำรวจตามได้และโดนจับ พวกมาเฟียจีนจึงหันไปหลอกชาติอื่น “เชือดหมูต่างชาติ” คือตอนนี้ไม่ทำกับคนจีนแล้ว แต่ทำกับคนชาติอื่นๆ ไม่หลอกคนจีน แต่หลอกคนสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดียฯลฯ ซึ่งมันก็คืออาชญากรรมอยู่ดี เพียงแค่รักชาติมาก ไม่หลอกคนจีนแน่นอน ดังนั้นทางการจีนก็อาจจะไม่สนใจแล้ว หรือหากประเทศที่โดนหลอกลวงเหล่านั้นมาขอความช่วยเหลือจากทางการจีน เขาก็พยายามใช้กรอบ Global Security Initiative เป็นโยบายของจีนที่ใช้ความมั่นคงเป็นธงนำ

“จีนเลือกที่จะปิดบางแห่ง เหมือนกรณีนี้ตำรวจจจีนติดตาม Prince Group มาหลายปี ดูคาสิโนที่มีทุนนี้คุมอยู่ ไม่รู้เหตุผลใดจีนได้หยุดตามไปเลย จนเวลานี้ที่สหรัฐฯและสหราชอาณาจักรเข้ามา เหมือนเป็นการแข่งขันระหว่างประเทศ เมื่อจีนทำไม่สำเร็จเพราะ Prince Group ใหญ่เกินไป ขนาดว่าหากพัง เศรษฐกิจกัมพูชาก็พังเช่นกัน อาจเพราะกัมพูชาเป็นลูกน้องจีน ทำให้จีนไม่เข้าทำ” เจสันวิเคราะห์บทบาทของจีน

“การปราบปรามครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มากของรัฐบาลกัมพูชา ตอนนี้จีนก็เหมือนกำลังอิจฉาว่าสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรเข้ามาปราบปรามได้ ซึ่งจีนน่าจะได้แสดงบทนี้มาก่อนแล้วตั้งหลายปีแล้ว เพราะจะทำก็คงทำได้ และเรื่องนี้คงกระทบภาพลักษณ์ของจีนในกัมพูชา จึงต้องจับตามองกันต่อไป”

ชะตากรรมของผู้นำพม่าที่ต้องสยมยอมรัฐบาลจีน ขณะที่รัฐบาลกัมพูชานั้นอยู่ภายใต้อาณัติของจีนจนแทบกลายเป็นมณฑลหนึ่งของจีนไปแล้ว ทำให้เกิดคำถามว่า ประเทศไทยจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อไทยและกัมพูชาต้องเผชิญหน้ากัน ทำให้เป็นเงื่อนไขหนึ่งหรือไม่

“จีนไม่น่าจะจัดไทยอยู่หมวดนั้น เพราะประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ มีความมั่นคง และการเมืองที่โตแล้ว มีสถานะในเวทีนานาชาติ ต่างไปจากสองประเทศนั้น ไทยทำในสิ่งที่ตนต้องการได้ แต่พม่าไม่มีความสามารถ ไม่มีการทูตที่จะสู้หรือปฏิเสธได้เลย รัฐบาลทหารพม่าตอนนี้ต้องพึ่งพาจีน และมินอ่องหลาย(ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า)ก็รู้ว่าจีนไม่อยากให้พม่าล่มสลาย

สำหรับกัมพูชานั้น เจสันให้ข้อมูลว่า พวกสแกมมีตำแหน่งในรัฐบาล เป็นที่ปรึกษาใหญ่ๆ เศรษฐกิจกัมพูชาต้องพึ่งพาธุรกิจสแกม และต้องพึ่งจีนในทางการทูต เศรฐกิจชนชั้นนำของกัมพูชาพึ่งพาธุรกิจสแกม รัฐบาลกัมพูชานั้น หากจีนต้องการอะไรให้ได้หมด แต่การปราบปรามสแกมนี้ก็ต้องห่วงเพราะต้องปกป้องเศรษฐกิจ จะมีการแลกเปลี่ยนอย่างไร

“ประเทศไทยมีความสามารถ ไม่ต้องทำตามคำสั่งทางการเมืองของจีนแบบกัมพูชาและพม่า สิ่งหนึ่งไทยทำได้คือเรียนรู้ว่าทางการเมืองนั้น เพื่อนบ้านต่างอยู่ในวังวนสแกมที่มาจากจีน ถูกจีนยึดทางการเมืองได้อย่างง่ายดาย และไม่มีสถานะต่อจีนเลย”

สถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังเผชิญอยู่มีความสลับซับซ้อนยิ่ง แต่หากรัฐบาลไทยได้ผู้นำที่ชาญฉลาดและทำเพื่อส่วนรวมย่อมสามารถแปรวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ไม่ยาก ช่วงจังหวะนี้ประเทศไทยจะมีสีขาวสดใสขึ้นหรือเป็นพื้นที่สีเทาที่ขมุกขมัวไปเรื่อยๆ เป็นทิศทางที่เราเลือกได้
----------
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1445235217607282&set=a.504230311707782