วันเสาร์, ตุลาคม 04, 2568

เจ้าชายวิลเลียมตรัสว่า "ข้าพเจ้าจะเปลี่ยนแปลงราชวงศ์เมื่อข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์"


Prince William Reveals He Plans to Transform the Monarchy When He Becomes King

Royal Family Channel

Oct 3, 2025 
#princewilliam #princeofwales #royalfamily
Prince William has spoken openly about his future role in a new episode of The Reluctant Traveller on Apple TV+.

Talking to host Eugene Levy in a pub in Windsor, the Prince of Wales said he plans to bring change to the monarchy when he becomes King.

The future monarch also spoke about the pressures and stresses he faces.

https://www.youtube.com/watch?v=N-UR01Nit7Y
.....

เจ้าชายวิลเลียมตรัสว่า "ข้าพเจ้าจะเปลี่ยนแปลงราชวงศ์เมื่อข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์"



แดเนียลา เรล์ฟ
ผู้สื่อข่าวอาวุโส สายราชสำนักของบีบีซี
3 ตุลาคม 2025, 13:50 +07

เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงตรัสว่าพระองค์จะทรงนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่สถาบันกษัตริย์เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ โดยแหล่งข่าวจากราชสำนักระบุว่า นี่เป็นการประทานสัมภาษณ์ครั้งที่เจ้าชายวิลเลียมทรงเปิดพระทัยมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

พระองค์ทรงสนทนากับ ยูจีน เลวี นักแสดงชาย ที่พระราชวังวินด์เซอร์ ในการประทานสัมภาษณ์ให้กับรายการ The Reluctant Traveller ที่ออกฉายทางแอปเปิลทีวีพลัส

ในการสนทนาครั้งนี้ นักแสดงชายถามเจ้าชายวิลเลียมถึงอนาคตของพระองค์ในฐานะกษัตริย์

"ข้าพเจ้าคิดว่า พอจะกล่าวได้อย่างมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่อยู่ในแผนของข้าพเจ้า" เจ้าชายวิลเลียมตรัส "การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางที่ดี และข้าพเจ้ายินดีและสนุกกับการเปลี่ยนแปลงนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้เกรงกลัวมัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าตื่นเต้น ความคิดว่าที่ว่าข้าพเจ้าสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ มันจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ข้าพเจ้าเห็นว่าจำเป็นต้องเกิดขึ้น"

จ้าชายวิลเลียมทรงพา ยูจีน เลวี นักแสดงนำและผู้ร่วมสร้างซีรีส์ Schitt's Creek เยี่ยมชมพระราชวังวินด์เซอร์

เจ้าชายวิลเลียมทรงมีพระราชดำรัสในระหว่างที่พระองค์นำนายเลวีชมพระราชวัง โดยพระองค์เสด็จมาพบกับนายเลวีด้วยรถสกูตเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่าเป็นพาหนะที่ทรงใช้เพื่อเสด็จไปตามบริเวณต่าง ๆ รอบพระราชวัง

พระองค์ยังตรัสด้วยว่าทรงชื่นชอบภาพยนตร์ชุดแนวตลกวัยรุ่น ที่มีชื่อว่า American Pie ซึ่งนายเลวีรับบทเป็นพ่อผู้ต้องอดทนอดกลั้นอยู่เสมอ

ระหว่างการพาชมท้องพระโรงอันโอ่อ่าของพระราชวัง เจ้าชายวิลเลียมยังตรัสถึงประวัติศาสตร์ของพระราชวงศ์

"ข้าพเจ้าคิดว่าหากไม่ระวัง ประวัติศาสตร์อาจเป็นเสมือนภาระและโซ่ถ่วงอันใหญ่หลวงรอบกาย คุณอาจรู้สึกว่าถูกมันกดทับหรือบีบคั้นได้ รู้สึกเหมือนถูกควบคุมจนมากเกินไป ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องอยู่กับปัจจุบันขณะ"

พระองค์ยังทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของธรรมเนียมประเพณี แต่ก็ตรัสว่ามิได้ทรงหวั่นเกรงที่จะตั้งคำถาม เพื่อทำให้สถาบันกษัตริย์คงความทันสมัยและยังยึดโยงกับสังคม

"มีบางครั้งเมื่อเรามองไปที่ธรรมเนียมประเพณีแล้วถามตัวเองว่า สิ่งนี้ยังคงเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ มันยังเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะปฏิบัติต่อไปหรือไม่ สิ่งที่เราทำนั้นกำลังสร้างผลกระทบสูงสุดอย่างที่เราสามารถทำได้แล้วหรือไม่ ข้าพเจ้าชอบที่จะตั้งคำถามต่อสิ่งต่าง ๆ นั่นแหละคือประสงค์ที่แท้จริงของข้าพเจ้า"


[ซ้ายไปขวา] เจ้าชายวิลเลียม, เจ้าชายจอร์จ, แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์, เจ้าชายหลุยส์ และเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ ทรงร่วมทอดพระเนตรการบินเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 80 ปี วันแห่งชัยชนะในยุโรป (VE Day) เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา

บทสนทนาครั้งนี้เปิดโอกาสให้เจ้าชายวิลเลียมและนักแสดงชายเลวีเดินไปรอบ ๆ พระราชวังร่วมกับสุนัขทรงเลี้ยงของพระองค์และครอบครัวที่มีชื่อว่า "ออร์ลา"

พระองค์ตรัสสนทนาเกี่ยวกับครอบครัว พระราชโอรสและพระราชธิดา การถูกรบกวนจากสื่อ และการเป็นแฟนคลับของสโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา

ในบทสนทนาที่ประทานสัมภาษณ์ครั้งนี้ ยังมีการพูดถึงความตึงเครียดเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งของทั้งพระราชบิดาและพระชายาของเจ้าชายวิลเลียม

"เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวนั้น มักทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกหนักพระทัยอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความกังวลหรือความตึงเครียดที่เกี่ยวกับครอบครัว ก็ล้วนสร้างความกดดันแก่ข้าพเจ้าอย่างมาก"


เจ้าชายวิลเลียมและนักแสดงชายเลวีเดินไปรอบ ๆ พระราชวังร่วมกับสุนัขทรงเลี้ยงของพระองค์และครอบครัวที่มีชื่อว่า "ออร์ลา"

เจ้าชายวิลเลียมยังทรงพานักแสดงชายไปยังผับที่มีชื่อว่า ทู บรูวเวอร์ส (Two Brewers) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับพระราชวงศ์วินด์เซอร์

นายเลวีสั่งเบียร์กินเนสหนึ่งไพนต์ ส่วนเจ้าชายวิลเลียมทรงเลือกไซเดอร์หวานหนึ่งไพนต์

ด้วยบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการจนเจ้าชายวิลเลียมทรงดูผ่อนคลาย พระองค์จึงเริ่มตรัสถึงเรื่องราวในครอบครัว และวิธีที่พระโอรสพระธิดาของพระองค์รับมือในช่วงที่พระมารดาทรงพระประชวร

"พวกเราพยายามทำให้มั่นใจว่าเราได้มอบความมั่นคงและความปลอดภัยที่พวกเขาต้องการ" พระองค์ตรัสกับนายเลวี

"และเพราะครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่เปิดมาก ดังนั้น เราจึงพูดถึงสิ่งที่รบกวนจิตใจเรา และสิ่งที่สร้างปัญหาให้กับเรา อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่คุณจะแน่ใจได้เลยว่าผลกระทบที่ตามมานั้นจะส่งผลเช่นไร"

"และเพราะอย่างนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือการอยู่เคียงข้างกัน และคอยให้ความมั่นใจกับเด็ก ๆ ว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี"


บทสนทนาเจ้าชายวิลเลียมและนายเลวียังเกิดขึ้นที่ผับซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังวินด์เซอร์ด้วย ขณะที่นายเลวีเลือกสั่งเบียร์หนึ่งไพนต์ เจ้าชายวิลเลียมทรงเลือกไซเดอร์หวาน

บทสนทนาครั้งนี้ไม่ได้แตะในประเด็นความสัมพันธ์กับเจ้าชายแฮร์รี

ทว่าเจ้าชายวิลเลียมตรัสถึงพระอนุชาเมื่อนายเลวีถามถึงประสบการณ์การเติบโตขึ้นในราชวงศ์ ท่ามกลางสายตาที่ต่างจับจ้องไปที่พระราชบิดาและพระราชมารดาอย่างเข้มข้น

"ข้าพเจ้าหวังว่าเราจะไม่ย้อนกลับไปสู่หนทางแบบในอดีตเช่นที่แฮร์รีและข้าพเจ้าเติบโตขึ้นมา และข้าพเจ้าจะทำทุกสิ่งเท่าที่สามารถทำได้ เพื่อทำให้มั่นใจว่าเราจะไม่ถอยหลังกลับไปอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นอีก"

"สำหรับผม มันก็แค่การสนทนาธรรมดา ๆ ผมไม่ได้แอบคิดในใจเลยว่านี่จะเป็นเหมือนข่าวใหญ่หรือการได้สกู๊ปพิเศษอะไร" เลวีกล่าว

นายเลวี กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า เขารู้สึกประหลาดใจกับความตรงไปตรงมาของเจ้าชายวิลเลียมในระหว่างการสนทนา

"สำหรับผม มันก็แค่การสนทนาธรรมดา ๆ ผมไม่ได้แอบคิดในใจเลยว่านี่จะเป็นเหมือนข่าวใหญ่หรือการได้สกู๊ปพิเศษอะไร"

"พระองค์ตรัสบอกผมถึงความคิดของพระองค์ และเราก็ได้โต้ตอบพูดคุยกันบ้างเล็กน้อย สำหรับผมแล้วมันเป็นวันที่เหนือจริงอย่างสิ้นเชิง"

เมื่อเจ้าชายวิลเลียมและนักแสดงดื่มเครื่องดื่มของตัวเองจนหมด และกำลังจะใช้เวลาช่วงสิ้นสุดของวันร่วมกัน เจ้าชายวิลเลียมตรัสว่า พระองค์ทรงปรารถนาจะสร้างโลกที่พระโอรสพระธิดาของพระองค์จะทรงภาคภูมิพระทัย

"ท่านต่างทราบดีว่า ชีวิตนั้นถูกส่งมาเพื่อทดสอบเรา และแน่นอนว่าบางครั้งก็เป็นเรื่องท้าทาย แต่การสามารถก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นไปได้ นั่นแหละที่ทำให้เราเป็นเรา"

"ข้าพเจ้ามีความภาคภูมิใจในพระชายาและพระราชบิดาของข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง กับวิธีที่ทั้งสองพระองค์ทรงรับมือกับเรื่องราวต่าง ๆ ตลอดปีที่ผ่านมา พระโอรสและพระธิดาของข้าพเจ้าก็จัดการตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน"

https://www.bbc.com/thai/articles/cx2xkvq0ql4o