
Surawich Verawan
13 hours ago
·
การที่ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ออกมาพูดต่อสาธารณะว่า มีคนเสนอเงินสินบน 40 ล้านบาทเพื่อให้ “เกียร์ว่าง” ไม่เอาจริงกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฟังเผิน ๆ เหมือนการประกาศความซื่อสัตย์ว่าไม่ยอมขายศักดิ์ศรี แต่ในความเป็นจริง คำพูดเช่นนี้คือ การยอมรับด้วยปากตัวเอง ว่ารู้ว่ามีการติดสินบนเกิดขึ้นแล้ว และเมื่อรู้แล้วกลับไม่ดำเนินการใด ๆ เลย
ในทางกฎหมาย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องเอามันส์ แต่คือพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิดชัดเจน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกหนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับสองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” รัฐมนตรีในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่ามีการเสนอสินบน แต่ไม่แจ้งความ ไม่ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ ก็เข้าลักษณะ “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ตามมาตรานี้โดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 123/5 และ 123/6 ก็กำหนดชัดว่า ผู้ใดให้หรือเสนอสินบนเจ้าหน้าที่รัฐมีความผิด และเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดรับสินบนก็มีความผิดเช่นกัน แม้รัฐมนตรีจะบอกว่าไม่ได้รับ แต่เมื่อทราบว่ามีการเสนอสินบนเกิดขึ้นจริง กลับไม่ดำเนินการส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ก็อาจถูกตรวจสอบว่าเป็นการละเว้น ไม่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ทั้งที่ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองบังคับให้ต้องเป็นผู้นำในการสู้กับคอร์รัปชัน
และหากจะพูดถึงความรับผิดชอบในทางการเมือง การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงขัดต่อกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ เพราะนักการเมืองย่อมมีหน้าที่รักษาความสุจริต โปร่งใส และต้องไม่ละเลยต่อข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการปราบปรามอาชญากรรม เมื่อพูดเองว่ามีการเสนอเงินมหาศาล แต่กลับนิ่งเฉย เท่ากับตอกย้ำให้สังคมเห็นว่า ผู้มีอำนาจเลือกที่จะปฏิเสธสินบนเพื่อตัวเอง แต่กลับปล่อยให้เครือข่ายอาชญากรรมยังคงเดินต่อไปได้
ดังนั้น “เกียร์ว่าง 40 ล้าน” ไม่ได้ทำให้รัฐมนตรีผู้นี้ดูเป็นนักการเมืองซื่อตรงอย่างที่ตั้งใจ หากแต่เป็น คำสารภาพกลางอากาศ ว่า รู้ว่ามีความพยายามติดสินบน แต่ละเว้นหน้าที่ในการปราบปราม ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายชัดเจน ทั้งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป. ป.ป.ช. มาตรา 123/5–123/6 ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ มันสะท้อนถึงความเสื่อมทรามในจริยธรรมการเมือง ที่แม้ปากจะบอกว่า “ผมไม่รับเงิน” แต่การไม่ทำหน้าที่ก็ไม่ต่างอะไรจากการเปิดทางให้เงินนั้นทำงานแทน
ก็ต้องรอดูว่าจะมีใครไปร้องเอาผิดรัฐมนตรีป้ายแดงลูกชายคนโตบุรีรัมย์บ้าง
https://www.facebook.com/photo?fbid=10234582012943938&set=a.1952145435716