Pakinai Chomsinsubmun
13 hours ago
·
เมื่อวานเพจพรรคเพื่อไทยโพสต์รายการความสำเร็จของนโยบายที่ผ่านมา 2 ปีในฐานะรัฐบาล ไล่เป็นข้อๆเลย เรียงเป็นตับว่าทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง
พรรคพยายามนำเสนอสิ่งที่มันเป็น fact ให้คนเห็นว่า เฮ้ย กูมีผลงานนะโว้ย
-------
แต่ที่ผมสนใจไม่ใช่รายการความสำเร็จของนโยบายเพื่อไทย (และเอาจริงๆทุกรัฐบาลที่ผ่านมาสามารถเรียงรายการที่ตัวเองทำสำเร็จได้เหมือนกัน จะมากหรือน้อยคงอีกเรื่อง แต่มันมีที่ทำสำเร็จแน่ๆ)
สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือ "ท่าทีของสังคม" ที่มีต่อความสำเร็จของเพื่อไทย 2 ปีที่ผ่านมาต่างหาก
-------
ผมขอเอามาพูดอีกรอบว่า "รัฐบาลเพื่อไทยมีผลงาน ไม่ได้เท่ากับ ประชาชนรู้สึกว่ามีผลงาน" ครับ
สองเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
--------
รัฐบาลเพื่อไทยมีความสำเร็จเชิงนโยบายแน่ๆ ดูจากรายการความสำเร็จก็น่าจะยืนยันได้ไม่ยาก พูดภาษาชาวบ้านคือเพื่อไทยเอาหลักฐานมากางให้ดูตรงหน้าเลยว่ากูทำสำเร็จนะ ผลงานกูเยอะแยะไปหมด เอาอะไรมาพูดว่ากูไม่มีผลงาน ?
แต่อีกด้านหนึ่งมีคำถามที่น่าสนใจ หากพิจารณาท่าทีของสังคมที่มีต่อความสำเร็จของเพื่อไทย หากตัดกองเชียร์สีแดงออกไปทั้งหมด เราจะพบว่า "คนไม่ได้รู้สึกว่าเพื่อไทยมีผลงงานอะไร"
แม้กระทั่งตัวผมเองก็ยังรุ้สึกแบบนั้นเหมือนกันทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่ารัฐบาลเพื่อไทยทำอะไรตั้งหลายอย่างสำเร็จแล้ว
ความรู้สึกเหล่านี้มาจากไหน ?
---------
ผมขอยกข้อความจากโพสต์เดิมมาวางตรงนี้ละกัน
เคยบอกไปแล้วว่า "รัฐบาลมีผลงาน" ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกันกับ "ประชาชน "รู้สึกว่า" รัฐบาลมีผลงาน"
รัฐบาลเพื่อไทยมาตายในข้อหลัง คือ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ "รู้สึกว่า" รัฐบาลมีผลงานอะไรจับต้องได้แม้ว่าจะทำอะไรหลายอย่างสำเร็จไปแล้วก็ตาม
กองเชียร์แดงจะมองแค่ว่ารัฐบาลทำงานอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง ไล่ได้เป็นสิบๆข้อ ทำออกมาได้เป็นรายการความสำเร็จเรียงได้เป็นหน้ากระดาษ A4 ซึ่งก็ไม่ได้ผิดนะ เพียงแต่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เป็นกองเชียร์แดงเขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ปัญหาเกิดจากปัจจัยพวกนี้
1. เพื่อไทยติดอยู่ในบ่วงวาทกรรมตระบัตย์สัตย์ที่โดนกระหน่ำมาตั้งแต่หลังเลือกตั้ง เพราะการข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายรัฐบาลประยุดเดิม เรื่องนี้สร้างกระแสความไม่พอใจเยอะมาก มีผลให้ไม่ว่าพรรคหรือรัฐบาลจะทำอะไรก็จะโดนวาทกรรมนี้เล่นงาน จนกลบความสำเร็จทางนโยบายของรัฐบาล
2. สังคมให้ความสนใจและโฟกัสกับนโยบายเรือธงของรัฐบาล เช่น เงินดิจิตัล หรือ ซอฟเพาเวอร์ มากกว่าสนใจนโยบายเล็กๆน้อยๆอื่น พอนโยบายเรือธงติดขัด ไปไม่รอด ครึ่งกลางๆ จึงนำไปสู่การสรุปแบบเหมารวมว่า "รัฐบาลไม่มีผลงาน" ซึ่งการเหมารวมนี้ผสมกับอารมณ์ขุ่นมัวของข้อแรกด้วย มันเลยไปกันใหญ่
3. นโยบายคาสิโนของรัฐบาลถูกโจมตีมากกว่าเห็นด้วยจากสังคม ยิ่งตอกฝาโลงคำว่า "ไม่มีผลงาน" ให้แน่นกว่าเดิม แถมโดนด่าสวนกลับมานโยบายที่ดีอื่นๆไม่ทำ แต่จะทำนโยบายคาสิโน (แต่ผมเห็นด้วยกับนโยบายคาสิโนนะ เคยอธิบายไปแล้วว่าทำไมเห็นด้วย)
4. พอรัฐบาลเจอมรสุมคลิปอังเคิล อันนี้จบข่าวเลย คำว่ารัฐบาลไม่มีผลงานกลายเป็นป้ายยี่ห้อของรัฐบาลเพื่อไทยยุคนี้ไปล่ะ
---------
ผมเห็นว่าปัญหาเรื่องความชอบธรรมของเพื่อไทยมีส่วนสำคัญทำให้สังคมไม่รู้สึกว่ารัฐบาลมีผลงานครับ
ตัวอย่างเรื่องนี้ คือ เมื่อสังคมไม่ยอมรับการตัดสินใจทางการเมืองของเพื่อไทย เช่น การข้ามขั้วไปจับมือพรรคฝ่ายลุงหลังเลือกตั้ง 2566 ทั้งๆที่ตอนหาเสียงพูดว่าไม่เอาลุง แม้การตัดสินใจของเพื่อไทยถูกต้องตามระบบรัฐสภา แต่สังคมไม่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมแต่อย่างใด เพราะคาดหวังว่าเพื่อไทยจะต้องทำตามสัญญาไม่เอาลุงด้วยการตั้งรัฐบาลร่วมกับส้มให้สำเร็จ ไม่ข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายลุง
พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น รัฐบาลเพื่อไทยโดนคนด่ามาตลอดทาง (อย่าลืมว่าให้ตัดกองเชียร์แดงออกไปก่อน) ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรสำเร็จคนก็ "ไม่เห็นความสำเร็จนั้น" ซึ่งปรากฎการณ์นี้มีผลทางลบต่อเพื่อไทยมากๆ
------
พี่อ้วนภูมิธรรมเคยพูดว่าเพื่อไทยต้องจ่ายต้นทุนเยอะ ใช่ครับ เพื่อไทยจ่ายต้นทุนเยอะมากจริงๆ จ่ายออกไปจนหมดตัวแถมติดลบด้วย แค่เรื่องข้ามขัั้วนี่แหละ
ความชอบธรรมของเพื่อไทยติดลบหนักเข้าไปอีกกรณีคลิปหลุด อันนี้บ๊ายบายจ้า เอาความสำเร็จนโยบายอะไรมาพูดคนก็ไม่สนใจแล้ว เพราะคนจำได้แค่เรื่องข้ามขั้วกับเรื่องคลิปหลุด
(ส่วนเรื่องนโยบายเรือธง เช่น เงินดิจิตัล อันนี้เพื่อไทย deliver ไม่ได้ทั้งหมดตามสัญญา คนก็มองว่าไม่สำเร็จ)
-------
ดังนั้น วิธีการง่ายที่สุดที่จะทำให้สังคมจดจำความสำเร็จของเพื่อไทยยุคใหม่และยุคต่อไปให้ได้ คือ
1. อย่าตัดสินใจทางการเมืองที่ฝืนความคิดและความคาดหวังของสังคมอีก ให้ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญของเพื่อไทย คุณรู้แล้วนี่ว่าต้องจ่ายราคาอะไรบ้าง
2. ต้องเปลี่ยนยกเครื่องเรื่องการสื่อสารทางการเมืองของพรรคที่เป็นปัญหาเรื้อรังมาโดยตลอด เอาพวกนายแบกนางแบกออกไปจากกระบวนการทำงานของพรรคให้หมดเพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าพรรคไม่สามารถควบคุมปากคนพวกนี้ได้ ทำให้พรรคเสียเครดิตสะสมไปเรื่อยๆ
2.1 หากนักการเมืองในพรรคหรือคนในพรรคดันชอบใจนายแบกนางแบกเพราะ "พูดถูกใจตัวเอง" อันนี้พรรคก็ต้องเรียกมาคุยเคลียร์ความคิดกันให้ชัดเจนว่าต่อไปนี้ทำไม่ได้แล้ว เพราะมีแต่เสียกับเสียต่อพรรค ชอบนายแบกนางแบกยังไงก็ให้เก็บเอาไว้ในใจ เพราะมีผลเสียต่อการสื่อสารของพรรคโดยตรง
3. ให้พึงระลึกเอาไว้เสมอว่า "ตัดสินใจถูกต้องตามหลักการรัฐสภา ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่าทำให้สังคมยอมรับได้เสมอไป" ที่ผ่านมาจุดนี้ทำคุณพังเต็มๆ
4. คำว่า realpolitics ที่ไม่อยู่บนฐานของความคาดหวังของสังคม มันจะกลายเป็น realpolitics ที่ย้อนกลับมาแทงคุณทีหลังโดยไม่มีใครช่วยลดแรงกระแทกให้ (กระแสสังคมช่วยดีเฟนด์)
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10161548191566610&id=539526609
·
เมื่อวานเพจพรรคเพื่อไทยโพสต์รายการความสำเร็จของนโยบายที่ผ่านมา 2 ปีในฐานะรัฐบาล ไล่เป็นข้อๆเลย เรียงเป็นตับว่าทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง
พรรคพยายามนำเสนอสิ่งที่มันเป็น fact ให้คนเห็นว่า เฮ้ย กูมีผลงานนะโว้ย
-------
แต่ที่ผมสนใจไม่ใช่รายการความสำเร็จของนโยบายเพื่อไทย (และเอาจริงๆทุกรัฐบาลที่ผ่านมาสามารถเรียงรายการที่ตัวเองทำสำเร็จได้เหมือนกัน จะมากหรือน้อยคงอีกเรื่อง แต่มันมีที่ทำสำเร็จแน่ๆ)
สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือ "ท่าทีของสังคม" ที่มีต่อความสำเร็จของเพื่อไทย 2 ปีที่ผ่านมาต่างหาก
-------
ผมขอเอามาพูดอีกรอบว่า "รัฐบาลเพื่อไทยมีผลงาน ไม่ได้เท่ากับ ประชาชนรู้สึกว่ามีผลงาน" ครับ
สองเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
--------
รัฐบาลเพื่อไทยมีความสำเร็จเชิงนโยบายแน่ๆ ดูจากรายการความสำเร็จก็น่าจะยืนยันได้ไม่ยาก พูดภาษาชาวบ้านคือเพื่อไทยเอาหลักฐานมากางให้ดูตรงหน้าเลยว่ากูทำสำเร็จนะ ผลงานกูเยอะแยะไปหมด เอาอะไรมาพูดว่ากูไม่มีผลงาน ?
แต่อีกด้านหนึ่งมีคำถามที่น่าสนใจ หากพิจารณาท่าทีของสังคมที่มีต่อความสำเร็จของเพื่อไทย หากตัดกองเชียร์สีแดงออกไปทั้งหมด เราจะพบว่า "คนไม่ได้รู้สึกว่าเพื่อไทยมีผลงงานอะไร"
แม้กระทั่งตัวผมเองก็ยังรุ้สึกแบบนั้นเหมือนกันทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่ารัฐบาลเพื่อไทยทำอะไรตั้งหลายอย่างสำเร็จแล้ว
ความรู้สึกเหล่านี้มาจากไหน ?
---------
ผมขอยกข้อความจากโพสต์เดิมมาวางตรงนี้ละกัน
เคยบอกไปแล้วว่า "รัฐบาลมีผลงาน" ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกันกับ "ประชาชน "รู้สึกว่า" รัฐบาลมีผลงาน"
รัฐบาลเพื่อไทยมาตายในข้อหลัง คือ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ "รู้สึกว่า" รัฐบาลมีผลงานอะไรจับต้องได้แม้ว่าจะทำอะไรหลายอย่างสำเร็จไปแล้วก็ตาม
กองเชียร์แดงจะมองแค่ว่ารัฐบาลทำงานอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง ไล่ได้เป็นสิบๆข้อ ทำออกมาได้เป็นรายการความสำเร็จเรียงได้เป็นหน้ากระดาษ A4 ซึ่งก็ไม่ได้ผิดนะ เพียงแต่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เป็นกองเชียร์แดงเขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ปัญหาเกิดจากปัจจัยพวกนี้
1. เพื่อไทยติดอยู่ในบ่วงวาทกรรมตระบัตย์สัตย์ที่โดนกระหน่ำมาตั้งแต่หลังเลือกตั้ง เพราะการข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายรัฐบาลประยุดเดิม เรื่องนี้สร้างกระแสความไม่พอใจเยอะมาก มีผลให้ไม่ว่าพรรคหรือรัฐบาลจะทำอะไรก็จะโดนวาทกรรมนี้เล่นงาน จนกลบความสำเร็จทางนโยบายของรัฐบาล
2. สังคมให้ความสนใจและโฟกัสกับนโยบายเรือธงของรัฐบาล เช่น เงินดิจิตัล หรือ ซอฟเพาเวอร์ มากกว่าสนใจนโยบายเล็กๆน้อยๆอื่น พอนโยบายเรือธงติดขัด ไปไม่รอด ครึ่งกลางๆ จึงนำไปสู่การสรุปแบบเหมารวมว่า "รัฐบาลไม่มีผลงาน" ซึ่งการเหมารวมนี้ผสมกับอารมณ์ขุ่นมัวของข้อแรกด้วย มันเลยไปกันใหญ่
3. นโยบายคาสิโนของรัฐบาลถูกโจมตีมากกว่าเห็นด้วยจากสังคม ยิ่งตอกฝาโลงคำว่า "ไม่มีผลงาน" ให้แน่นกว่าเดิม แถมโดนด่าสวนกลับมานโยบายที่ดีอื่นๆไม่ทำ แต่จะทำนโยบายคาสิโน (แต่ผมเห็นด้วยกับนโยบายคาสิโนนะ เคยอธิบายไปแล้วว่าทำไมเห็นด้วย)
4. พอรัฐบาลเจอมรสุมคลิปอังเคิล อันนี้จบข่าวเลย คำว่ารัฐบาลไม่มีผลงานกลายเป็นป้ายยี่ห้อของรัฐบาลเพื่อไทยยุคนี้ไปล่ะ
---------
ผมเห็นว่าปัญหาเรื่องความชอบธรรมของเพื่อไทยมีส่วนสำคัญทำให้สังคมไม่รู้สึกว่ารัฐบาลมีผลงานครับ
ตัวอย่างเรื่องนี้ คือ เมื่อสังคมไม่ยอมรับการตัดสินใจทางการเมืองของเพื่อไทย เช่น การข้ามขั้วไปจับมือพรรคฝ่ายลุงหลังเลือกตั้ง 2566 ทั้งๆที่ตอนหาเสียงพูดว่าไม่เอาลุง แม้การตัดสินใจของเพื่อไทยถูกต้องตามระบบรัฐสภา แต่สังคมไม่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมแต่อย่างใด เพราะคาดหวังว่าเพื่อไทยจะต้องทำตามสัญญาไม่เอาลุงด้วยการตั้งรัฐบาลร่วมกับส้มให้สำเร็จ ไม่ข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายลุง
พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น รัฐบาลเพื่อไทยโดนคนด่ามาตลอดทาง (อย่าลืมว่าให้ตัดกองเชียร์แดงออกไปก่อน) ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรสำเร็จคนก็ "ไม่เห็นความสำเร็จนั้น" ซึ่งปรากฎการณ์นี้มีผลทางลบต่อเพื่อไทยมากๆ
------
พี่อ้วนภูมิธรรมเคยพูดว่าเพื่อไทยต้องจ่ายต้นทุนเยอะ ใช่ครับ เพื่อไทยจ่ายต้นทุนเยอะมากจริงๆ จ่ายออกไปจนหมดตัวแถมติดลบด้วย แค่เรื่องข้ามขัั้วนี่แหละ
ความชอบธรรมของเพื่อไทยติดลบหนักเข้าไปอีกกรณีคลิปหลุด อันนี้บ๊ายบายจ้า เอาความสำเร็จนโยบายอะไรมาพูดคนก็ไม่สนใจแล้ว เพราะคนจำได้แค่เรื่องข้ามขั้วกับเรื่องคลิปหลุด
(ส่วนเรื่องนโยบายเรือธง เช่น เงินดิจิตัล อันนี้เพื่อไทย deliver ไม่ได้ทั้งหมดตามสัญญา คนก็มองว่าไม่สำเร็จ)
-------
ดังนั้น วิธีการง่ายที่สุดที่จะทำให้สังคมจดจำความสำเร็จของเพื่อไทยยุคใหม่และยุคต่อไปให้ได้ คือ
1. อย่าตัดสินใจทางการเมืองที่ฝืนความคิดและความคาดหวังของสังคมอีก ให้ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญของเพื่อไทย คุณรู้แล้วนี่ว่าต้องจ่ายราคาอะไรบ้าง
2. ต้องเปลี่ยนยกเครื่องเรื่องการสื่อสารทางการเมืองของพรรคที่เป็นปัญหาเรื้อรังมาโดยตลอด เอาพวกนายแบกนางแบกออกไปจากกระบวนการทำงานของพรรคให้หมดเพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าพรรคไม่สามารถควบคุมปากคนพวกนี้ได้ ทำให้พรรคเสียเครดิตสะสมไปเรื่อยๆ
2.1 หากนักการเมืองในพรรคหรือคนในพรรคดันชอบใจนายแบกนางแบกเพราะ "พูดถูกใจตัวเอง" อันนี้พรรคก็ต้องเรียกมาคุยเคลียร์ความคิดกันให้ชัดเจนว่าต่อไปนี้ทำไม่ได้แล้ว เพราะมีแต่เสียกับเสียต่อพรรค ชอบนายแบกนางแบกยังไงก็ให้เก็บเอาไว้ในใจ เพราะมีผลเสียต่อการสื่อสารของพรรคโดยตรง
3. ให้พึงระลึกเอาไว้เสมอว่า "ตัดสินใจถูกต้องตามหลักการรัฐสภา ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่าทำให้สังคมยอมรับได้เสมอไป" ที่ผ่านมาจุดนี้ทำคุณพังเต็มๆ
4. คำว่า realpolitics ที่ไม่อยู่บนฐานของความคาดหวังของสังคม มันจะกลายเป็น realpolitics ที่ย้อนกลับมาแทงคุณทีหลังโดยไม่มีใครช่วยลดแรงกระแทกให้ (กระแสสังคมช่วยดีเฟนด์)
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10161548191566610&id=539526609