วันจันทร์, กันยายน 01, 2568

คุกมีไว้ขังคนจน: บทเรียน ความหวัง และการต่อสู้ของ “พรชัย” พร้อมฝากความยินดีถึงผู้ได้รับอิสรภาพ


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
14 hours ago
·
คุกมีไว้ขังคนจน: บทเรียน ความหวัง และการต่อสู้ของ “พรชัย” พร้อมฝากความยินดีถึงผู้ได้รับอิสรภาพ
.
.
เมื่อวันที่ 8 และ 22 ส.ค.2568 ทนายความเข้าเยี่ยมพรชัย วิมลศุภวงศ์ ผู้ต้องขังในคดี #มาตรา112 ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ เขาถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ด้วยโทษรวม 12 ปี จากการถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ และถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2567 ถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 1 ปี 4 เดือน เศษแล้ว
.
.
น้ำที่ไม่สะอาด และโรคที่ลุกลามในเรือนจำ
.
พรชัยเดินออกมาพร้อมหน้าตายิ้มแย้มเช่นเคย แต่ครั้งนี้เขาผมสั้นเหมือนเพิ่งตัดมาใหม่ เมื่อสอบถาม เขาแจ้งว่าได้เข้าร่วมอบรมระยะสั้นในเรือนจำ ทำให้จะต้องตัดผมให้เรียบร้อยก่อนเข้าอบรม
.
“เรื่องน้ำแย่เหมือนเดิม และผมก็คาดว่ามันคงแก้ไม่ได้แล้วมั้ง” พรชัยเอ่ยขึ้นทุกครั้งที่มีการเข้าเยี่ยม
.
ปัญหาน้ำในเรือนจำเป็นสิ่งที่เขามักตัดพ้ออยู่เสมอ น้ำไม่สะอาดและไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ต้องขัง จนแทบจะไม่พอสำหรับการอาบหรือชำระล้างร่างกาย ผลที่ตามมาคือปัญหาด้านสุขอนามัยที่ทำให้ผู้ต้องขังป่วยเป็นโรคต่าง ๆ
.
พรชัยเล่าถึงความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคในเรือนจำที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะโรคผิวหนัง เนื่องจากสภาพความแออัดและอากาศชื้นในฤดูฝน เขาเองก็ยังมีอาการติดเชื้อจากผิวหนังบริเวณต้นขาลามมาถึงลำตัว เป็นผื่นแห้ง ลอก และหลุดร่อน เมื่อเข้าพบแพทย์ในเรือนจำ การรักษาที่ได้รับก็มีเพียงการฉีดยาพ่นที่แผล โดยไม่มียาทาหรือยารับประทานเพิ่มเติม
.
นอกจากนี้ เขายังเล่าว่าในห้องนอนเดียวกันมีผู้ต้องขังป่วยเป็นวัณโรคถึง 3–4 คน การแพร่ระบาดของโรคยังมีอยู่เป็นระยะ และทำให้พรชัยยิ่งวิตกกังวลว่า วันหนึ่งเขาอาจติดโรคด้วย
.
.
“คุกมีไว้ขังคนจน” บทเรียนที่พรชัยได้จากเรือนจำ
.
หากวันหนึ่งได้ก้าวออกจากเรือนจำ พรชัยบอกว่า สิ่งแรกที่เขาอยากทำคือผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาในกระบวนการยุติธรรมก่อนเป็นอันดับแรก เพราะตลอดเวลาที่ถูกจองจำ เขาสัมผัสได้ถึงความจริงของประโยคที่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน”
.
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ผสมทั้งความตื่นเต้นและความเศร้า “ผมว่าที่บอกกันว่าเอาคนเข้าคุกเพื่อออกมาจะได้เป็นคนดี มันไม่จริงเลยสักนิด และไม่มีทางจริงเลย”
.
พรชัยเล่าว่า สภาพแวดล้อมภายในเรือนจำไม่ได้เกื้อหนุนให้คนเรียนรู้หรือปรับปรุงตัว แต่กลับเต็มไปด้วยความกดดัน ความเหลื่อมล้ำ ความอดอยาก และความสิ้นหวัง สิ่งเหล่านี้ผลักให้ผู้ต้องขังต้องแข็งกระด้างและชินชากับความทุกข์ เพื่อให้เอาชีวิตรอดไปได้แต่ละวัน
.
“มันกดดันให้เขาต้องเอาตัวรอดมากกว่าที่จะสำนึกหรือปรับปรุงตัว ออกไปจากที่นี่เขาก็จะยิ่งเคยชินกับการเอาตัวรอด ทำยังไงก็ได้ให้เขารอด”
.
สำหรับพรชัย เรือนจำจึงไม่ใช่สถานที่สร้างคนดี หากแต่เป็นเครื่องจักรที่ผลิตความสิ้นหวัง และยิ่งตอกย้ำความไม่เป็นธรรมของสังคม
.
.
เสียงชนเผ่าปกาเกอะญอในวันชนพื้นเมืองโลก
.
วันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ยังเป็น “วันชนพื้นเมืองโลก” พรชัยในฐานะกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่สะท้อนทั้งความภาคภูมิใจและความแปลกแยก เขาเล่าว่า คนชาติพันธุ์จำนวนไม่น้อยยังคงถูกมองว่าเป็น “ผู้อพยพ” ที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทย ทั้งที่เกิดและเติบโตที่นี่
.
พรชัยเห็นว่า พี่น้องชาติพันธุ์เข้าไม่ถึงโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมเหมือนคนในเมือง ชีวิตจึงดำเนินไปตามวิถีวัฒนธรรมของตนเอง โดยปราศจากการสนับสนุนจากรัฐ
.
อย่างไรก็ตาม ภายในเรือนจำ พรชัยกลับไม่รู้สึกถึงการถูกกีดกันหรือรังเกียจ เขาเล่าว่าผู้ต้องขังจากหลากหลายวัฒนธรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้ ส่วนหนึ่งเพราะจำนวนมากเป็นคนเหนือที่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์
.
เขาเล่าถึงจุดเริ่มต้นความสนใจทางการเมืองว่า เขาเติบโตมาจากบนดอยแม่ฮ่องสอน เมื่อเริ่มมีความใฝ่รู้ พ่อแม่ต้องดิ้นรนหาเงินส่งเสียให้เรียน เพราะพื้นที่ภูเขาแทบไม่มีการสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างจริงจัง
.
“ผมอยากต่อสู้เพื่อพี่น้องบนเขา พี่น้องชาติพันธุ์ ทั้งเรื่องที่ดินทำกิน การเข้าถึงสิทธิพลเมือง และสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการศึกษา”
.
เขายังกล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากสภา แม้เขายังไม่มีโอกาสได้อ่าน แต่ก็เป็นความหวังที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนบนดอย
.
.
มุมมองต่อปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชาและบทบาทกองทัพ
.
เมื่อพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมือง ปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชายังอยู่ในความสนใจ พรชัยมองว่า แม้หลายคนจะเห็นว่าเป็นเพียง “ปัญหาชายแดน” หรือความขัดแย้งเฉพาะพื้นที่ แต่ผลกระทบย่อมตกสู่ประชาชนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ยิ่งขาดเสถียรภาพ ส่งผลต่อการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาย้ำว่าประเด็นแรงงานกัมพูชาที่ถูกกดดันจากทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาเอง สะท้อนผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจและภาคแรงงานไทย

“ต่อให้คนไทยไม่มีจะกินยังไง ก็ไม่เลือกทำงานไร้ฝีมืออยู่ดี เราจำเป็นต้องพึ่งพาพี่น้องเพื่อนบ้าน”

นอกจากนี้ พรชัยเห็นว่าหน้าที่กองทัพในการปกป้องดินแดนและประชาชนก็ถือว่าถูกต้อง แต่สิ่งสำคัญคือขอบเขตของอำนาจ กองทัพไม่ควรก้าวล้ำไปสู่การใช้อำนาจบริหารประเทศ หรือเหนือรัฐบาล เพราะประสบการณ์ในอดีตพิสูจน์แล้วว่าผลลัพธ์เลวร้ายเพียงใด

“เราต้องจับตาดูว่า กองทัพจะเริ่มใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ เช่น ออกกฎหมายเอง หรือเข้าไปบริหารแทนรัฐบาลพลเรือน เส้นแดงที่ห้ามข้ามเลยก็คือการรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารคือการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน และนั่นหมายถึงการยึดอำนาจของผู้แทนประชาชน และของประชาชนเองในที่สุด”
.
.
ข้อความถึงเพื่อนผู้ต้องขังการเมืองที่ได้รับอิสรภาพ
.
สุดท้ายในโอกาสที่เพื่อนผู้ต้องขังบางส่วนได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากเข้าเกณฑ์อภัยโทษที่ออกมา โดยในส่วนของเขายังไม่ได้รับประโยชน์ใด เนื่องจากยังถูกจองจำไม่ครบ 1 ใน 3 ของโทษ ตามที่ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ กำหนด พรชัยฝากว่า เมื่อได้อิสรภาพแล้ว ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และคุ้มค่า เพราะแม้เรือนจำจะพรากเสรีภาพ แต่ก็ทิ้งบทเรียนและประสบการณ์ที่ทำให้เข้มแข็งขึ้น
.
“ผมดีใจกับทุกคนที่กำลังจะได้ออกจากเรือนจำครั้งนี้ ผมเชื่อว่าผู้ที่ถูกจองจำเพราะการใช้สิทธิและเสรีภาพ ล้วนผ่านประสบการณ์ที่คล้ายกัน วันหนึ่งเมื่อเราได้เจอกันข้างนอก แค่สบตาก็คงจะรู้ใจกัน ว่าเราเคยผ่านอะไรมาบ้าง”
.
.
อ่านบนเว็บไซต์จากลิงก์
https://tlhr2014.com/archives/77917