
ภาพที่มา ฤๅ - Lue History
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1088446976805596&set=a.396772219306412
.....
Yingcheep Atchanont
4 hours ago
·
มีคนทำข้อมูลเท็จ แบบจงใจให้เท็จออกมาโพสให้แชร์กันไปผิดๆ ว่า ถ้าหากมีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องใช้งบประมาณหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งใจบวกเลขผิดมั่วๆ ไปงั้น ขออย่าได้เชื่อ
ผมขออธิบายอย่างนี้ครับ
1. การทำประชามติแต่ละครั้ง ต้องใช้งบประมาณสามพันกว่าล้านบาทจริง ทีนี้เดิมทีมีคนบอกว่าต้องทำ 3 ครั้งก็คูณค่าใช้จ่ายเข้าไป แต่เรายืนยันตลอดว่าไม่ใช่ อย่างมากก็คือ 2 ครัั้ง ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ต้องทำประชามติ 3 เรื่อง แต่ทำ 2 ครั้งได้ และเราแก้ไขกฎหมายประชามติแล้ว ให้ทำประชามติไปพร้อมการเลือกตั้ง ทำให้ค่าใช้จ่ายจะลดลงไปมาก
ถ้าทำประชามติอย่างเดียว ต้องเสียค่าใช้สถานที่ตั้งหน่วย ค่ากปน. คนดูแลหน่วย ค่าขนของอุปกรณ์ทั้งหลาย แต่ถ้าทำพร้อมเลือกตั้งก็มีงบสำหรับการเลือกตั้งอยู่แล้ว และเพิ่มการจ้างคนอีกจำนวนหนึ่ง ค่าพิมพ์บัตร อาจจะเพิ่มอีกประมาณ 1 พันล้านบาทสำหรับประชามติหนึ่งครั้ง ถ้าจัดพร้อมเลือกตั้งทั้งสองรอบ ก็ใช้อย่างถูกคือประมาณ 2 พันล้านบาท
ถ้าตกลงไปทำประชามติพร้อมกับเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น เลือกตั้งอบจ. เลือกตั้งเทศบาล หรืออะไรแบบนี้ก็อาจจะมากกว่า 1 พันล้าน แต่มันจะไม่ถึงครั้งละ 3 พันล้านแน่นอน
2. ค่าใช้จ่ายของสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือบุคคลชุดใหม่ที่จะมาเป็นผู้ศึกษารายละเอียดและยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่ากี่คนและเงินเดือนเท่าไร ผู้ช่วยเท่าไร และยังสามารถออกแบบได้
ตามโมเดลที่ไอติม พรรคประชาชนเสนอแล้ว คือ มีแค่ 35 คน สมมติว่า ถ้าตั้งเงินเดือนคนละหนึ่งแสน มีผู้ช่วยสัก 3 คน คนละสัก 25,000 ก็มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 6,125,000 บาท ถ้าทำงานยกร่าง 10 เดือน รวมค่าประชุม ค่าเดินทาง ก็ประมาณ 60-70 ล้านบาท ไม่เกินร้อยล้าน
เอาจริง สี่คือโคตรรรรรรรรถูก ถ้าเทียบกับสว. ชุดแต่งตั้งจากคสช. ที่มี 250 คน ค่านั่งยกมือโหวตตามคำสั่งเดือนนึงมากกว่า 7 ร้อยล้านบาท และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่คสช. ตั้งมานั่งผลิตข้อเสนอแต่ไม่ได้ใช้ก็ใช้งบไปเป็นพันล้านบาท แพงกว่ามาก
โมเดลไอติมอาจจะมีมากกว่านั้น หรืออาจจะสุดโต่งในแง่จำนวน ถ้าหากเราจะมีผู้ร่างจำนวนมากกว่านั้น จำนวนผู้ช่วยมากกว่านั้น มันก็จะแพงขึ้นแต่ไม่ได้แพงเกินพันล้าน ไม่แพงเกินกว่าค่าใช้จ่ายของสว. ชุดที่แล้ว ชุดนี้ และไม่แพงเกินกว่าสภาปฏิรูปชุดแล้วชุดเล่าที่ คสช. ตั้งขึ้น ค่าใช้จ่ายของสภาร่างรัฐธรรมนูญจึงไม่ควรเป็นประเด็นใหญ่นัก
3. ข้อถกเถียงต่อมา ก็คือค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการเลือกตั้งผู้ร่างรัฐธรรมนูญ หรือเลือกตั้งสสร. ซึ่งผมยืนยันว่า ต้องการเห็นประชาชนมีส่วนร่วมในการไปออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะทางตรงทางอ้อม ทางคดเคี้ยวอย่างไร อันนี้ก็ต้องยอมรับว่า จะต้องใช้งบประมาณอีกกว่า 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ถ้าหากคนไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญเชื่อศาลรัฐธรรมนูญว่าจะไม่เลือกตั้ง ก็จะมีกระบวนการรับสมัคร และกระบวนการคัดเลือกอะไรสักอย่าง งบประมาณตรงนี้ยิ่งถูกลงไปอีก อาจจะเหลือไม่กี่สิบล้านบาท แล้วแต่ระบบที่จะออกแบบมา ถ้าเชื่อเช่นนั้นแล้วค่าใช้จ่ายส่วนนี้จึงไม่เป็นประเด็นอะไร ถูกกว่าค่าปรับปรุงศาลาแก้วอีก
.
โดยรวมแบบสรุปแล้ว ถ้าคิดเอาแบบเล็กๆ และถูกๆ พยายามจัดกระบวนการเท่าที่เป็นไปได้ให้ใช้งบประมาณน้อยที่สุด ก็จะมีค่าใช้จ่ายงบประมาณอยู่ราวๆ 5,000 ล้านกว่าๆ บวกไปไม่ถึง 6,000 ล้านบาท ตัวเลขหมื่นล้านไม่มีอยู่จริง เป็นเรื่องโกหก แต่ถ้าไม่ได้เลือกตั้งสสร. โดยตรงอาจถูกลงอีกอยู่ที่ราวๆ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น
ถ้าต้องทำประชามติแยกกับการเลือกตั้ง ไม่รวมอะไรเลย หรือได้มีจัดเลือกตั้งสสร. สักครั้งก็อาจต้องเพิ่มอีก สูงสุดจะอยู่ราวๆ 8,000-9,000 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมือง
ซึ่งแพงแหละ ใช่ มันแพงมาก แต่ถ้ามันทำสำเร็จและทำได้ มันจะทำครั้งเดียวแล้วหาทางออกจากปัญหาการเมืองต่างๆ ได้
โดยขอยืนยันว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับงบประมาณเหล่านี้ ถูกกว่าการมีสว.
และถูกกว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่คสช. ตั้งซ้ำซ้อนมาใส่สูทนั่งประชุมในหมู่พวกเดียวกันเองที่ไม่เห็นผลลัพธ์อะไรแน่ๆ
https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/pfbid02uypmCmgEpq9PA8x9ufYik8yWhVr12mvRBUwm87K85sbnHGemcPPSLjVCY2CCQtv8l
·
มีคนทำข้อมูลเท็จ แบบจงใจให้เท็จออกมาโพสให้แชร์กันไปผิดๆ ว่า ถ้าหากมีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องใช้งบประมาณหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งใจบวกเลขผิดมั่วๆ ไปงั้น ขออย่าได้เชื่อ
ผมขออธิบายอย่างนี้ครับ
1. การทำประชามติแต่ละครั้ง ต้องใช้งบประมาณสามพันกว่าล้านบาทจริง ทีนี้เดิมทีมีคนบอกว่าต้องทำ 3 ครั้งก็คูณค่าใช้จ่ายเข้าไป แต่เรายืนยันตลอดว่าไม่ใช่ อย่างมากก็คือ 2 ครัั้ง ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ต้องทำประชามติ 3 เรื่อง แต่ทำ 2 ครั้งได้ และเราแก้ไขกฎหมายประชามติแล้ว ให้ทำประชามติไปพร้อมการเลือกตั้ง ทำให้ค่าใช้จ่ายจะลดลงไปมาก
ถ้าทำประชามติอย่างเดียว ต้องเสียค่าใช้สถานที่ตั้งหน่วย ค่ากปน. คนดูแลหน่วย ค่าขนของอุปกรณ์ทั้งหลาย แต่ถ้าทำพร้อมเลือกตั้งก็มีงบสำหรับการเลือกตั้งอยู่แล้ว และเพิ่มการจ้างคนอีกจำนวนหนึ่ง ค่าพิมพ์บัตร อาจจะเพิ่มอีกประมาณ 1 พันล้านบาทสำหรับประชามติหนึ่งครั้ง ถ้าจัดพร้อมเลือกตั้งทั้งสองรอบ ก็ใช้อย่างถูกคือประมาณ 2 พันล้านบาท
ถ้าตกลงไปทำประชามติพร้อมกับเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น เลือกตั้งอบจ. เลือกตั้งเทศบาล หรืออะไรแบบนี้ก็อาจจะมากกว่า 1 พันล้าน แต่มันจะไม่ถึงครั้งละ 3 พันล้านแน่นอน
2. ค่าใช้จ่ายของสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือบุคคลชุดใหม่ที่จะมาเป็นผู้ศึกษารายละเอียดและยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่ากี่คนและเงินเดือนเท่าไร ผู้ช่วยเท่าไร และยังสามารถออกแบบได้
ตามโมเดลที่ไอติม พรรคประชาชนเสนอแล้ว คือ มีแค่ 35 คน สมมติว่า ถ้าตั้งเงินเดือนคนละหนึ่งแสน มีผู้ช่วยสัก 3 คน คนละสัก 25,000 ก็มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 6,125,000 บาท ถ้าทำงานยกร่าง 10 เดือน รวมค่าประชุม ค่าเดินทาง ก็ประมาณ 60-70 ล้านบาท ไม่เกินร้อยล้าน
เอาจริง สี่คือโคตรรรรรรรรถูก ถ้าเทียบกับสว. ชุดแต่งตั้งจากคสช. ที่มี 250 คน ค่านั่งยกมือโหวตตามคำสั่งเดือนนึงมากกว่า 7 ร้อยล้านบาท และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่คสช. ตั้งมานั่งผลิตข้อเสนอแต่ไม่ได้ใช้ก็ใช้งบไปเป็นพันล้านบาท แพงกว่ามาก
โมเดลไอติมอาจจะมีมากกว่านั้น หรืออาจจะสุดโต่งในแง่จำนวน ถ้าหากเราจะมีผู้ร่างจำนวนมากกว่านั้น จำนวนผู้ช่วยมากกว่านั้น มันก็จะแพงขึ้นแต่ไม่ได้แพงเกินพันล้าน ไม่แพงเกินกว่าค่าใช้จ่ายของสว. ชุดที่แล้ว ชุดนี้ และไม่แพงเกินกว่าสภาปฏิรูปชุดแล้วชุดเล่าที่ คสช. ตั้งขึ้น ค่าใช้จ่ายของสภาร่างรัฐธรรมนูญจึงไม่ควรเป็นประเด็นใหญ่นัก
3. ข้อถกเถียงต่อมา ก็คือค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการเลือกตั้งผู้ร่างรัฐธรรมนูญ หรือเลือกตั้งสสร. ซึ่งผมยืนยันว่า ต้องการเห็นประชาชนมีส่วนร่วมในการไปออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะทางตรงทางอ้อม ทางคดเคี้ยวอย่างไร อันนี้ก็ต้องยอมรับว่า จะต้องใช้งบประมาณอีกกว่า 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ถ้าหากคนไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญเชื่อศาลรัฐธรรมนูญว่าจะไม่เลือกตั้ง ก็จะมีกระบวนการรับสมัคร และกระบวนการคัดเลือกอะไรสักอย่าง งบประมาณตรงนี้ยิ่งถูกลงไปอีก อาจจะเหลือไม่กี่สิบล้านบาท แล้วแต่ระบบที่จะออกแบบมา ถ้าเชื่อเช่นนั้นแล้วค่าใช้จ่ายส่วนนี้จึงไม่เป็นประเด็นอะไร ถูกกว่าค่าปรับปรุงศาลาแก้วอีก
.
โดยรวมแบบสรุปแล้ว ถ้าคิดเอาแบบเล็กๆ และถูกๆ พยายามจัดกระบวนการเท่าที่เป็นไปได้ให้ใช้งบประมาณน้อยที่สุด ก็จะมีค่าใช้จ่ายงบประมาณอยู่ราวๆ 5,000 ล้านกว่าๆ บวกไปไม่ถึง 6,000 ล้านบาท ตัวเลขหมื่นล้านไม่มีอยู่จริง เป็นเรื่องโกหก แต่ถ้าไม่ได้เลือกตั้งสสร. โดยตรงอาจถูกลงอีกอยู่ที่ราวๆ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น
ถ้าต้องทำประชามติแยกกับการเลือกตั้ง ไม่รวมอะไรเลย หรือได้มีจัดเลือกตั้งสสร. สักครั้งก็อาจต้องเพิ่มอีก สูงสุดจะอยู่ราวๆ 8,000-9,000 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมือง
ซึ่งแพงแหละ ใช่ มันแพงมาก แต่ถ้ามันทำสำเร็จและทำได้ มันจะทำครั้งเดียวแล้วหาทางออกจากปัญหาการเมืองต่างๆ ได้
โดยขอยืนยันว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับงบประมาณเหล่านี้ ถูกกว่าการมีสว.
และถูกกว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่คสช. ตั้งซ้ำซ้อนมาใส่สูทนั่งประชุมในหมู่พวกเดียวกันเองที่ไม่เห็นผลลัพธ์อะไรแน่ๆ
https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/pfbid02uypmCmgEpq9PA8x9ufYik8yWhVr12mvRBUwm87K85sbnHGemcPPSLjVCY2CCQtv8l