วันพฤหัสบดี, กันยายน 25, 2568

ความเกลียดชังที่บดบังความเป็นมนุษย์ : "สิทธิอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่กับไอ้เขมรพวกนี้" "ปกติเป็นคนให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ แต่กับพวกเขมรกูขอยกเว้น" สื่อควรมีหน้าที่ ตั้งคำถามกับวงจรนี้ ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่ง


Young Pride Club
16 hours ago
·
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 รายการ ‘กรรมกรข่าว คุยจอ’ ซึ่งดำเนินรายการโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ได้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา บริเวณบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น และบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ติดชายแดน
.
ในรายการ สรยุทธได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ ดาโตะก์ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ได้โทรศัพท์ถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย เพื่อเรียกร้องให้นำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่การหารือในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) อย่างไรก็ตาม ผู้ประกาศข่าวระบุว่า ไม่สามารถนำเหตุการณ์ปะทะที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วเข้าสู่ที่ประชุม JBC ได้ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นในเขตแดนของไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวกัมพูชาเคยใช้ลี้ภัยจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยุคเขมรแดง
.
ช่วงหนึ่งของรายการ สรยุทธได้มอบหมายให้พิชญทัฬห์ กล่าวถึงกรณีที่เพจ ‘Royal Thai Army: Update’ โพสต์วิดีโอเกี่ยวกับที่มาของบ้านหนองจาน ซึ่งมีภาพความรุนแรงจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชาในเหตุการณ์เขมรแดง พร้อมกันนั้น ได้กำชับให้พิชญทัฬห์อ่านข่าวโดยใช้สำเนียงภาษาเขมร
.
“ใส่สำเนียงเขมรเข้าไป เร็วๆ เข้า คนเขมรดู ใส่พวกควบกล้ำลงไปเถอะ ใส่ได้ทุกคำ” สรยุทธกล่าวกับพิชญทัฬห์ ขณะที่ภาพในรายการเป็นเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชา ก่อนที่พิชญทัฬห์จะทำตาม โดยอ่านข้อความภาษาไทยด้วยสำเนียงภาษาเขมรว่า “หลังสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรแดง ปี 2522 ประเทศกัมพูชาได้ลุกเป็นไฟ ผู้คนจำนวนมากหนีตายเข้าพรมแดนประเทศไทย” จากนั้น สรยุทธได้กล่าวชมว่า “ดี” พร้อมกับหัวเราะกลางรายการ
.
หลังจากนั้น รายการยังคงมีการล้อเลียนสำเนียงภาษาเขมรซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง และปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะ โดยสรยุทธให้เหตุผลว่า การกระทำดังกล่าวมีเจตนาเพื่อสื่อสารไปยังชาวกัมพูชาที่รับชมรายการอยู่ แม้ว่าบทพูดที่นำมาดัดแปลงสำเนียงนั้นจะเป็นภาษาไทยก็ตาม
.
ทั้งนี้ การล้อเลียนสำเนียงของคนในประเทศอื่น นอกจากจะเป็นการกดทับอัตลักษณ์และสร้างมุมมองว่า การแสดงออกด้วยภาษาดังกล่าวต่ำกว่าภาษาของตนแล้ว ยังถือเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนในเชื้อชาติอื่นๆ ด้วย ที่น่ากังวลมากกว่านั้น คือการมองเห็นภาพความรุนแรงที่เกิดกับชีวิตจำนวนมาก ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่า ความเป็นมนุษย์ได้ถูกลดทอนลงไป ขณะเดียวกันก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเหยียดหยามและเกลียดชังที่แสดงออกมาผ่านเสียงหัวเราะจากการได้ล้อเลียนฝ่ายตรงข้ามแทน
.
อ้างอิง
-https://www.youtube.com/watch?v=Xc1ln8hFvts

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1217779010395258&set=a.586473553525810
13 hours ago
·
ข้อยกเว้นของความเป็นมนุษย์ สัญญาณอันตรายที่สื่อไม่ตระหนัก
"สิทธิอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่กับไอ้เขมรพวกนี้"
"ปกติเป็นคนให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ แต่กับพวกเขมรกูขอยกเว้น"
นี่เป็นตัวอย่างความเห็นที่ผมบันทึกไว้ ซึ่งเป็นความเห็นที่พบเห็นได้ทั่วไปในคอมเม้นท์ใต้ข่าวเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของไทย-กัมพูชา
การยกเว้นความเป็นมนุษย์ให้กับคนบางชาติพันธุ์ ศาสนา ความเชื่อ ความแตกต่างของภาษา สีผิว บางวัฒนธรรม ฯลฯ เป็น "ขั้นสุด" ของการเลือกปฏิบัติ ซึ่งเรามีหลักการระบุในกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์กระทำป่าเถื่อนใส่กันเหมือนในประวัติศาสตร์
แต่ปรากฎว่า ในยุคสมัยนี้ ในความขัดแย้งที่ยังไม่อาจสรุปต้นตอที่มาได้ ความเกลียดชังที่โหมใส่กันระหว่างไทย-กัมพูชา น้อยคนนักที่ตระหนักว่า มันกำลังเป็นประตูในการให้ใบอนุญาตฆ่า โดยมีคำอธิบายสร้างความชอบธรรมไว้อย่างเสร็จสรรพ "เพียงเพราะเป็นเขมร จึงไม่ควรได้รับเกียรติความเป็นมนุษย์"
"ไม่เห็นหรือไงว่าพวกเขมรมันแสดงออกยังไงกับคนไทย?" มักเป็นคำถามกลับ เมื่อพยายามเข้าไปเบรกอารมณ์ และต้องอดทนมากๆ ที่จะอธิบายยืนยันว่า 1.เราควรหยุดเหมารวมก่อน 2.ก็ไม่เห็นต้องทำเหมือนที่เขาทำ
ความจริงเรื่องการหยียดหยามความเป็นมนุษย์กัน มันถูกโหมมาก่อนการเสียงระเบิดและกระสุนที่ชายแดน แต่มันอยู่ในระดับการสื่อสารของคนทั่วไปในโซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์บางส่วน แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่ง สื่อจำนวนมากกลับให้พื้นที่กับอินฟลูฯ เหล่านั้น เพื่อเลี้ยงความเกลียดชังใส่กัน และสรรหาความเห็นทั่วไปที่มันเข้ามาช่วยเติมไฟความเกลียดชัง นั่นเพราะเพื่อเรตติ้งที่เปลี่ยนเป็นเม็ดเงินโฆษณา สื่อหลายค่ายกระทำในสิ่งที่ประชาชนผู้รับสารทั่วไปยังเกิดความสับสนว่า นอกเสียจากเป็นช่องโทรทัศน์ดิจิทัล มีเงินทุนมากกว่าช่องทางสื่อโซเชียลของชาวบ้านแล้ว องค์กรสื่อเหล่านี้ มีอะไรแตกต่างไปจากที่สื่อโซเชียลมี
จริยธรรมดีกว่าไหม?
ให้สติปัญญากว่าไหม?
ตระหนักต่อผลกระทบทางสังคมกว่าไหม?
ปกป้องเด็กและเยาวชนมากกว่าไหม?
ฯลฯ
คำตอบขณะนี้ที่ผู้บริโภคสื่อทั่วไปเห็น กรณีที่ผู้ประกาศข่าวเช้าเรตติ้งอันดับ 1 กระทำ ก็รู้ๆ กันอยู่
หลายคนอาจคิดว่า แหม่....เป็นรายการเรตติ้งอันดับ 1 แต่กลับสิ้นไร้ไม้ตอกในการรายงานข่าวความขัดแย้ง ถึงขั้นหยิบเอาทุกกลเม็ดเพื่อสร้างเรตติ้ง แม้แต่การหยิบเรื่องสำเนียงภาษามาล้อเลียนอย่างนั้นหรือ
ความจริงเขาทราบนะครับ ว่าสิ่งที่เขากำลังกระทำมันคืออะไร ลองย้อนหลังกลับไปดูรายการข่าวของเขา ตั้งแต่หลังเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา แนวคิด หรือ กลยุทธ์ข่าวรายวัน ไม่ได้ช่วยยกระดับความรู้ แต่ใช้วิธี "ดันฟืนเข้าไปในไฟ"
เพราะเขารู้ดีว่า ตราบใดที่ความขัดแย้งระหว่าง 2 ชาติยังอยู่ มันมีโอกาสที่ถูกแย่งคนดูจากช่องอื่นๆ ได้ เพราะทุกช่องมันก็เน้นหาของให้คนดู เขาก็ต้องหาวิธีการเล่าเรื่องแบบนั้นเพื่อดึงกระแส โดยไม่สนใจสิ่งที่เขากระทำนั้น สร้างความตลกขบขันให้สำเนียงภาษา มันคืออีกวิธีในการลดทอนความเป็นมนุษย์
แต่ถามว่าผิดหวังไหม ...ก็ตอบเลยว่าคงไม่ แต่เศร้ามากกว่า ที่สื่อคนดังในแวดวงวิชาชีพ มันช่างหาบุคคลที่ควรค่าเคารพในจุดยืนและอุดมการณ์ได้ยากเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงการสร้างแบบอย่างใดๆ ให้กับสื่อรุ่นหลัง
และผมมองไกลกว่านั้น ว่าเรื่องไทย-กัมพูชา เรากำลังเข้าสู่วงจรการ "เลี้ยงไข้" ซึ่งคนชายแดนใต้รู้เรื่องนี้ดี
ทำให้ประเทศต้องทุ่มงบประมาณ กำลังพล และต้นทุนเรื่องเศรษฐกิจ ให้กับการทำให้ความขัดแย้งชายแดนตึงเครียดไปเรื่อยๆ
ใครได้ประโยชน์บ้าง เราคงประเมินกันไม่ยาก แต่ใครเสียประโยชน์บ้าง มันมหาศาลกว่า เพราะนอกจากกลุ่มธุรกิจการค้าชายแดน ผู้ประกอบการภาคก่อสร้าง เกษตร อุตสาหกรรม
อีกกลุ่มที่ผมคิดว่า ไม่อาจยืนระยะได้นาน คือชาวบ้าน
อย่างที่เราเห็นข่าวว่าชาวบ้านบางส่วนหนุนให้ปิดด่าน นั่นเพราะระยะความขัดแย้งเพิ่งเริ่มมา 1 เดือน (ก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นแล้วก็หยุด ไม่ต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้)
แต่ถ้ากินเวลาไปเรื่อยๆ จะอยู่ จะกินอย่างไร จะอยู่บ้านด้วยความไม่แน่นอนเช่นนี้ไปถึงไหน จะใช้ชีวิตในศูนย์อพยพได้แค่ไหน เด็กๆ จะหยุดเรียนหนังสือได้นานเพียงใด นี่คือสิ่งที่ต้องตระหนัก
และสื่อควรมีหน้าที่ ตั้งคำถามกับวงจรนี้ ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่ง เพียงเพราะแลกกับผลประโยชน์ของตนเองเพียงชั่วครู่......

https://www.facebook.com/nattharavutm/posts/10163912533148582?ref=embed_post