
Atukkit Sawangsuk
17 hours ago
·
แบกแซะเท้งพา สส.ส้มวิ่งนิรโทษ
เขามาเอง มาร่วมวิ่ง เหมือนคนทั่วไป
ไม่ได้ขึ้นเวที (แม้แน่ละมีสื่อสัมภาษณ์) ไม่ได้มีอะไรพิเศษ (แบบยิ่งชีพว่า ไม่ใช่ ผอ.มาเปิดงาน)
สส.เพื่อไทยจะมาก็ได้ไม่เห็นมีใครห้าม ไม่มาเอง
ทั้งที่เป็นโอกาสดี
มาตอนนี้ไม่โดนด่าเรื่องข้ามขั้วแล้วนะ
ในทางตรงข้าม เมื่อวาน ซี ภูชนะ แม่น้ำโขง เล่าว่า เผชิญหน้าเท้ง
ถามตรงๆเลย ยังหลังตรงอยู่หรือเปล่า
ในงานมีคนไม่เห็นด้วยกับเขาเยอะ เขาก็ยังไป
ท่าทีแบบนี้มีผลสำคัญ ตัดสินใจแล้วยอมรับผล ยอมให้วิจารณ์ สู้หน้า ไม่หลบเลี่ยง ไม่กลัวโดนด่า
ไม่เหมือนตอนข้ามขั้วตระบัดสัตย์ ชิงด่ากลับคนวิจารณ์
·
แบกแซะเท้งพา สส.ส้มวิ่งนิรโทษ
เขามาเอง มาร่วมวิ่ง เหมือนคนทั่วไป
ไม่ได้ขึ้นเวที (แม้แน่ละมีสื่อสัมภาษณ์) ไม่ได้มีอะไรพิเศษ (แบบยิ่งชีพว่า ไม่ใช่ ผอ.มาเปิดงาน)
สส.เพื่อไทยจะมาก็ได้ไม่เห็นมีใครห้าม ไม่มาเอง
ทั้งที่เป็นโอกาสดี

ในทางตรงข้าม เมื่อวาน ซี ภูชนะ แม่น้ำโขง เล่าว่า เผชิญหน้าเท้ง
ถามตรงๆเลย ยังหลังตรงอยู่หรือเปล่า
ในงานมีคนไม่เห็นด้วยกับเขาเยอะ เขาก็ยังไป
ท่าทีแบบนี้มีผลสำคัญ ตัดสินใจแล้วยอมรับผล ยอมให้วิจารณ์ สู้หน้า ไม่หลบเลี่ยง ไม่กลัวโดนด่า
ไม่เหมือนตอนข้ามขั้วตระบัดสัตย์ ชิงด่ากลับคนวิจารณ์

Yesterday
·
เบื้องหลังงานวิ่ง #Run2free ตอนที่ 1
1. งานนี้เจ้าภาพหลักเป็น Free Arts, Tune&Co. และ ThumbRights แน่นอนว่า iLaw เป็นเจ้าภาพร่วมด้วยและลงแรงลงมือกันไปหลายอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ผมแทบไม่ได้เข้าประชุมด้วยเลย มีอีกหลายมือจัดการเป็นหลัก และงานหน้าก็จะเป็นเช่นนั้น ขับเคลื่อนโดยคนจำนวนมาก แต่เราจะเป็นกำลังที่ไม่ตก ไม่ท้อถอย
2. ตอนเริ่มคิดงานประเมินว่า คนเข้าร่วมน่าจะเยอะกว่าการไปยืนหน้าศาล น่าจะได้ราว 50-100 คน เพราะตอนไปยืนหน้าศาลหาให้ครบ 50+ เท่าจำนวนคนในคุก บางทีก็ยังยาก ก็คิดว่างานนี้คงชวนกันได้ราวๆ นั้น แต่พอเริ่มชวนกันปรากฏว่า ชวนใครก็รับปากจะมากันเพียบเลย แปบเดียวก็คิดว่าคนน่าจะเยอะกว่า 100 แล้วก็เตรียมงานโดยกะว่าคนอาจจะมาสัก 200 ซึ่งเตรียมป้ายติดหน้าอก BIB ไว้ประมาณ 200 เศษๆ ขออภัยครับ หมด
3. เตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวห่อไว้ 200 ห่อ แล้วใกล้งานก็มีอาม่งหมาล่าช่วยมา 100 ที่ ตั้งฮกกี่ ช่วยมา 50 กล่อง แล้วเจ๊จวงก็หอบผัดหมี่มาเพิ่มอีกหม้อนึง ทุกอย่างหมดในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งตัวไม่ทัน ผมก็ไม่ได้กิน โดยเซอร์ไพรส์ว่าในธรรมศาสตร์วันนี้ไม่มีอะไรขายเลย จึงคาดหมายว่าคนที่มาในจังหวะถึงจุดเข้าเส้นชัยน่าจะเกิน 400 คนนะครับ ยกเว้นมีหลายคนกิน 2-3 กล่อง ยังดีที่เตรียมน้ำไว้เกิน 400 แล้วกลุ่มเพื่อนตันเอามาช่วยอีกหลายร้อย ก็เลยยังมีน้ำพอกิน เพราะผมคนเดียวก็กินไปสามขวดแล้ว
4. การคาดการณ์จำนวนผู้เข้าร่วมผิดไปประมาณสองเท่าทำให้มีความขลุกขลักอีกหลายอย่างตามมา เราไม่ได้เตรียมวิธีการฝากของไว้ให้กับผู้เข้าร่วมวิ่ง และเครื่องเสียงอาจจะไม่ได้ดังพอ เรามีรถเก็บตกสำหรับคนวิ่งไม่ไหว แต่อาจจะประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง ยังดีที่ทีมพยาบาลแข็งแรง เพราะมีคนต้องใช้บริการทีมพยาบาลพอสมควร
5. สส. ที่มาทั้งหมด คนจัดงานไม่ได้ชวนใครเป็นพิเศษ เขาเห็นประชาสัมพันธ์แล้วก็ชวนกันมา ซึ่งเราดีใจที่นักการเมืองเขามาร่วมวิ่งด้วย เท้งมาถึงก็มายืนๆ ต่อแถวและวอร์มอัพ ทำตามกติกาที่ผู้จัดประกาศเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่มาร่วม นักข่าวและช่างภาพอาจจะเลือกภาพของพวกเขาลงเยอะหน่อย ก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้จัดคิวให้สส. พูด ก็ไม่มีใครขอ และเมื่อวิ่งเสร็จ ทำกิจกรรมสักพักเขาก็กลับไปเงียบๆ พวกเขามาร่วมวิ่งเพราะมีความรู้สึกด้วยกันในเรื่องนี้ ไม่ได้มาเพื่อจะหาแสงให้ตัวเอง ไม่ได้มาแล้วต้องวางตัวให้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เหมือนเวลาที่ผอ.ไปกิจกรรมโรงเรียนแล้วทุกคนต้องเสียเวลามาต้อนรับ แบบประดักประเดิด
6. มีคนเดินมาบอกว่างานนี้สนุกดี ก็ดีใจ โดยที่ผมเชื่อว่า คนเกือบทั้งหมดที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ มีเป้าหมายร่วมกันที่อยากจะ "ทำอะไรสักอย่าง" เพื่อแสดงความรู้สึกห่วงใยต่อนักโทษทางการเมือง และหวังว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้ปล่อยตัวออกมา ในเมื่อวันนี้เราทำอะไรทางกฎหมายไม่ได้ก็มาร่วมกิจกรรมกันก็ยังดี นั่นน่าจะเป็นปัจจัยหลัก ไม่ใช่มาเพราะอยากสนุกหรือจะออกกำลังกาย แต่เมื่อจัดงานให้สนุกขึ้นได้ ออกแบบให้คนรู้สึกมีส่วนร่วมได้ ได้ลงมือทำอะไรด้วยตัวเองได้ คนก็จะมาร่วมได้มากขึ้น ก็หวังว่าทีมงานจะไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะออกแบบต่อไปครับ
7. งานแบบนี้น่าจะมีบ่อยๆ มีหลายแห่ง หลายจังหวัด ให้ทุกคนเข้าร่วมได้ ใครอยากจัดแบบนี้ในพื้นที่อื่นก็กรุณาจัดได้เลยครับ งานไม่มีลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้าเพราะไม่ได้ค้าขาย
ป.ล. เดี๋ยวจะมีตอนที่ 2
Yingcheep Atchanont
·
เบื้องหลังงานวิ่ง #Run2free ตอนที่ 1
1. งานนี้เจ้าภาพหลักเป็น Free Arts, Tune&Co. และ ThumbRights แน่นอนว่า iLaw เป็นเจ้าภาพร่วมด้วยและลงแรงลงมือกันไปหลายอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ผมแทบไม่ได้เข้าประชุมด้วยเลย มีอีกหลายมือจัดการเป็นหลัก และงานหน้าก็จะเป็นเช่นนั้น ขับเคลื่อนโดยคนจำนวนมาก แต่เราจะเป็นกำลังที่ไม่ตก ไม่ท้อถอย
2. ตอนเริ่มคิดงานประเมินว่า คนเข้าร่วมน่าจะเยอะกว่าการไปยืนหน้าศาล น่าจะได้ราว 50-100 คน เพราะตอนไปยืนหน้าศาลหาให้ครบ 50+ เท่าจำนวนคนในคุก บางทีก็ยังยาก ก็คิดว่างานนี้คงชวนกันได้ราวๆ นั้น แต่พอเริ่มชวนกันปรากฏว่า ชวนใครก็รับปากจะมากันเพียบเลย แปบเดียวก็คิดว่าคนน่าจะเยอะกว่า 100 แล้วก็เตรียมงานโดยกะว่าคนอาจจะมาสัก 200 ซึ่งเตรียมป้ายติดหน้าอก BIB ไว้ประมาณ 200 เศษๆ ขออภัยครับ หมด
3. เตรียมอาหารเป็นข้าวเหนียวห่อไว้ 200 ห่อ แล้วใกล้งานก็มีอาม่งหมาล่าช่วยมา 100 ที่ ตั้งฮกกี่ ช่วยมา 50 กล่อง แล้วเจ๊จวงก็หอบผัดหมี่มาเพิ่มอีกหม้อนึง ทุกอย่างหมดในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งตัวไม่ทัน ผมก็ไม่ได้กิน โดยเซอร์ไพรส์ว่าในธรรมศาสตร์วันนี้ไม่มีอะไรขายเลย จึงคาดหมายว่าคนที่มาในจังหวะถึงจุดเข้าเส้นชัยน่าจะเกิน 400 คนนะครับ ยกเว้นมีหลายคนกิน 2-3 กล่อง ยังดีที่เตรียมน้ำไว้เกิน 400 แล้วกลุ่มเพื่อนตันเอามาช่วยอีกหลายร้อย ก็เลยยังมีน้ำพอกิน เพราะผมคนเดียวก็กินไปสามขวดแล้ว
4. การคาดการณ์จำนวนผู้เข้าร่วมผิดไปประมาณสองเท่าทำให้มีความขลุกขลักอีกหลายอย่างตามมา เราไม่ได้เตรียมวิธีการฝากของไว้ให้กับผู้เข้าร่วมวิ่ง และเครื่องเสียงอาจจะไม่ได้ดังพอ เรามีรถเก็บตกสำหรับคนวิ่งไม่ไหว แต่อาจจะประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง ยังดีที่ทีมพยาบาลแข็งแรง เพราะมีคนต้องใช้บริการทีมพยาบาลพอสมควร
5. สส. ที่มาทั้งหมด คนจัดงานไม่ได้ชวนใครเป็นพิเศษ เขาเห็นประชาสัมพันธ์แล้วก็ชวนกันมา ซึ่งเราดีใจที่นักการเมืองเขามาร่วมวิ่งด้วย เท้งมาถึงก็มายืนๆ ต่อแถวและวอร์มอัพ ทำตามกติกาที่ผู้จัดประกาศเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่มาร่วม นักข่าวและช่างภาพอาจจะเลือกภาพของพวกเขาลงเยอะหน่อย ก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้จัดคิวให้สส. พูด ก็ไม่มีใครขอ และเมื่อวิ่งเสร็จ ทำกิจกรรมสักพักเขาก็กลับไปเงียบๆ พวกเขามาร่วมวิ่งเพราะมีความรู้สึกด้วยกันในเรื่องนี้ ไม่ได้มาเพื่อจะหาแสงให้ตัวเอง ไม่ได้มาแล้วต้องวางตัวให้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เหมือนเวลาที่ผอ.ไปกิจกรรมโรงเรียนแล้วทุกคนต้องเสียเวลามาต้อนรับ แบบประดักประเดิด
6. มีคนเดินมาบอกว่างานนี้สนุกดี ก็ดีใจ โดยที่ผมเชื่อว่า คนเกือบทั้งหมดที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ มีเป้าหมายร่วมกันที่อยากจะ "ทำอะไรสักอย่าง" เพื่อแสดงความรู้สึกห่วงใยต่อนักโทษทางการเมือง และหวังว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้ปล่อยตัวออกมา ในเมื่อวันนี้เราทำอะไรทางกฎหมายไม่ได้ก็มาร่วมกิจกรรมกันก็ยังดี นั่นน่าจะเป็นปัจจัยหลัก ไม่ใช่มาเพราะอยากสนุกหรือจะออกกำลังกาย แต่เมื่อจัดงานให้สนุกขึ้นได้ ออกแบบให้คนรู้สึกมีส่วนร่วมได้ ได้ลงมือทำอะไรด้วยตัวเองได้ คนก็จะมาร่วมได้มากขึ้น ก็หวังว่าทีมงานจะไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะออกแบบต่อไปครับ
7. งานแบบนี้น่าจะมีบ่อยๆ มีหลายแห่ง หลายจังหวัด ให้ทุกคนเข้าร่วมได้ ใครอยากจัดแบบนี้ในพื้นที่อื่นก็กรุณาจัดได้เลยครับ งานไม่มีลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้าเพราะไม่ได้ค้าขาย
ป.ล. เดี๋ยวจะมีตอนที่ 2
Yingcheep Atchanont
16 hours ago
·
เบื้องหลังงาน #run2fee ตอนที่ 2
การออกแบบและตัดสินใจว่าจะวิ่งจากที่ไหนไปที่ไหน และจะกำหนดเส้นทางอย่างไร เป็นเรื่องยากที่สุด เมื่อมีข้อเรียกร้องทางการเมือง เราก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นกิจกรรมการเมือง ไม่ใช่เพียงแค่งานออกกำลังกายเท่านั้น ซึ่งมันจะยากกว่างานที่จัดเพื่อการออกกำลังกายโดยตรงหลายเท่าตัว
เราเริ่มคิดว่าที่ไหนที่สามารถขออนุญาตได้ง่ายและมีพื้นที่เพียงพอ มีห้องน้ำ มีอาหารขาย มีที่จอดรถบ้าง ก็คิดว่าจะเริ่มที่ลานคนเมือง ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยน่าจะวิ่งไปทางนั้นได้ ก็มีการเสนอกันหลายเส้น เช่น ไปวนอนุสาวรีย์ แล้วกลับมาจบที่เดิม ไปวนทางสวนรมณีนาถ ดิโอล์ดสยามแล้วกลับมาจบที่เดิม ผมเคยเสนอโง่ๆด้วยซ้ำว่า เราแค่วิ่งวนเป็นสี่เหลี่ยมอยู่ในลานคนเมืองน่ะแหละ แต่มีหลายคนไม่อยากให้วิ่งวนแล้วจบที่เดิมเพราะมันจะเบื่อ ก็ต้องหาที่อื่นไป ซึ่งตอนนี้อนุสรณ์ 14 ตุลาฯปิดซ่อม ลานอนุสรณ์พฤษภา35 ตรงกองสลากเก่าก็ปิดรั้วกั้นหมดไม่รู้ทำอะไร ถ้าไปทางป้อมมหากาฬก็ขุดถนนกันรุนแรงไม่เหลือพื้นถนนเลย ความตั้งใจแรกที่ออกแบบเส้นทางที่สวยสุดที่คิดได้ก็คือ วิ่งแนวถนนราชดำเนินไปเข้าสนามหลวง ผ่านหน้าศาลฎีกาซึ่งเป็นองค์กรสำคัญที่จะตัดสินคดีและให้ประกันตัว แล้วก็ไปจบที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เป็นระยะพอดีๆ
เรื่องระยะทางเราทราบว่าประมาณ 5 กิโลเมตรน่าจะเหมาะสมสำหรับการออกกำลังกาย แต่ก่อนหน้านี้กลุ่มคนที่มาร่วมกิจกรรมทางการเมืองบ่อยๆ เป็นผู้สูงอายุ ไม่น่าจะวิ่งหรือเดินได้ไกลกว่านั้นจึงตั้งไจทำระยะทางให้ผู้สูงอายุที่เป็นขาประจำสามารถร่วมได้ด้วย ส่วนคนที่เป็นนักวิ่งร่างกายแข็งแรง เราไม่แน่ใจว่าจะมีคนมาร่วมกับเราเยอะไหม เลยไม่ได้ออกแบบให้ทางยาวพอได้ระยะที่วิ่งกันประจำ
โดยมีภาพฝันว่าไปจะจบที่สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และยังเป็นบรรยากาศของการออกกำลังกาย แล้วถ้าใครอยากวิ่งต่อเพราะรู้สึกว่าสั้นเกินไป ก็จะได้ไปวิ่งวนด้วยกันในสนามฟุตบอลมหาลัยธรรมศาสตร์นั่นแหละ ผมเองก็ตั้งใจว่าจะไปวิ่งต่อวนอยู่ตรงนั้น 
หลังจากออกแบบเส้นทางในฝันเสร็จแล้วเราก็ไปแจ้งการชุมนุมที่สถานีตำรวจล่วงหน้าเป็นเวลาประมาณ 10 วันก่อนวันงานจริง เพื่อขอให้ตำรวจมาอำนวยความสะดวกดูแลเส้นทางการจราจร และก็เพื่อให้เกิดการต่อรองว่าตรงไหนวิ่งได้หรือตรงไหนวิ่งไม่ได้ ตั้งใจว่า งานนี้ตำรวจให้เท่าไหร่ก็จะเอาเท่านั้นเพราะต้องการวิ่งให้สนุกและวิ่งให้จบ ไม่ได้ต้องการจะทะเลาะหรือดันเพดานเรื่องพื้นที่
ช่วงเวลาเดียวกันก็เอาหนังสือขออนุญาตใช้สถานที่ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.
วันที่ไปยื่นแจ้งต่อตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็คือรับแจ้งไว้ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร คำสั่งก็คือห้ามไปทางพระบรมมหาราชวัง เพราะเป็นพื้นที่ห้ามชุมนุม ก็โอเคไม่ได้คิดจะไปอยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นการต่อรองก็ค่อยๆเริ่มต้นและปวดหัว จะขอวิ่งผ่ากลางสนามหลวง ซึ่งเป็นถนนที่เปิดให้คนเดินทุกวันอยู่แล้ว แต่ตำรวจบอกไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ กิจกรรมทางการเมืองจะเอาเท้าแตะสนามหลวงไม่ได้เลย ไม่ว่าตรงไหนก็ตาม
จะขอไปโฉบผ่านหน้าศาลฎีกา ก็ไม่ได้ ไม่ได้แบบเด็ดขาดยังไงก็ไม่ได้ ไปด้านหลังก็ไม่ได้ ไปใกล้รั้วไม่ได้เลย ตกลงกันเบื้องต้นว่าจะวิ่งผ่านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ข้ามถนนแคบๆ ไปถึงพระแม่ธรณีบีบมวยผม แล้ววกกลับออกมาวิ่งบนถนน เท้าไม่แตะสนามหลวงเลย ออกแบบร่วมกันไว้แบบนี้ จนถึงเย็นวันสุดท้ายตำรวจก็โทรมาบอกว่าไม่ได้ ยังไงก็เลี้ยวซ้ายไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ตำรวจบอกว่าจะเอาเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนมายืนกั้นไว้ให้เลี้ยวซ้ายไม่ได้โดยเด็ดขาด ทั้งที่เราก็บอกแล้วว่าเราจะควบคุมขบวนให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไม่มีออกนอกลู่นอกทาง ตอนนั้นก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเพราะว่าถ้าหากเอาตำรวจมาตั้งให้มันดูน่ากลัวมันก็จะเป็นปัญหามากกว่าทั้งที่เราตั้งใจจะวิ่งผ่านอย่างสงบ ไม่ได้ตั้งใจจะออกนอกเส้นทางไปไหน
ผมได้สื่อสารกับตำรวจอย่างจริงจังว่า เอารั้วมากั้นสองอันและเอาตำรวจใส่ชุดสีกากีมายืนสองคนก็รู้เรื่องแล้ว เราจะพยายามประกาศและพาคนวิ่งไปข้างหน้าไม่มีการหยุดไม่มีการออกนอกเส้นทาง แต่ถ้าหากเอาชุดควบคุมฝูงชนสีน้ำเงินหลายร้อยคนมายืนตั้งแถว ภาพมันจะไม่สวย ภาพของตำรวจก็จะไม่ดี จากที่คนตั้งใจมาวิ่งพอเห็นภาพตำรวจก็จะเริ่มแวะไปด่า แล้วมันจะควบคุมไม่ได้ ตำรวจคนหนึ่งบอกว่า “น้องเขาก็พูดตรงดี” แล้วเราก็ไปลุ้นกันหน้างานว่าเราจะเจออะไร ก็ดีที่ตำรวจยังมีสติ ไม่ทำอะไรที่จะสร้างปัญหา
แต่เอาเป็นว่าเมื่อพูดคำว่า “สนามหลวง” แล้ว ตำรวจจะใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวมากทันที ไม่ได้โดยเด็ดขาดและพร้อมใช้กำลัง หากเราจะวิ่งเส้นทางอื่นก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปจบที่ไหน
.
หลังเราไปแจ้งการชุมนุมตำรวจบอกเราว่า ในวันจัดงานเราไม่สามารถใช้ลานคนเมืองได้ เพราะว่าคนอื่นมาใช้สถานที่จัดงานอยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องโชคร้ายจังเลย เพราะวันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีงานอะไรตรงนััน เราคาดหวังว่าจะยังพอมีพื้นที่เหลือเพื่อแบ่งปันได้ แต่ตำรวจบอกว่าอนุญาตให้เราใช้แค่ถนนหน้าศาลาว่าการกทม. พื้นที่เล็กๆตรงนั้น ตรงรูปแรก ซึ่งเรารู้ว่ามันเล็กเกินไป แต่เราไม่มีทางเลือก ก็ต้องยอม เพราะตอนแรกคิดว่าคนมาไม่เยอะ
แต่ว่าในวันจัดงานพอไปถึงพบว่า ลานคนเมืองไม่ได้มีกิจกรรมอะไรเลย ก็ต้องขอบคุณท่านรองผู้ว่าฯ ที่ใส่เสื้อดำและรองเท้าผ้าใบแวะมาเดินดู แต่บอกว่าจะไม่วิ่งด้วย มาช่วยดูความเรียบร้อยและท่านรองผู้ว่าฯก็ยืนยันว่าวันนี้ไม่ได้มีกิจกรรมอื่นที่มาขออนุญาตใช้ เราก็เลยสามารถขยายไปใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อการวอร์มอัพได้ และเมื่อคนมาเยอะ ก็ต้องยืนยันว่าพื้นที่ที่ตำรวจบอกให้ใช้มันไม่พอจริงๆ
สรุปคือ ตำรวจโกหกตั้งแต่แรกว่า ตรงนั้นก็ไม่ได้ ตรงนี้ก็ไม่ได้
การที่เราไม่ได้คิดว่าคนจะมาเยอะและตำรวจบอกว่าใช้ลานกว้างๆไม่ได้ เพราะมีคนอื่นใช้ ทำให้เราไม่ได้เตรียมกิจกรรมตอนปล่อยตัวไว้มากนัก มีแค่ลำโพงเล็กๆหนึ่งอัน มีโต๊ะแจกน้ำ และขายเสื้อนิดหน่อย ถ้าหากรู้ว่ามีพื้นที่และมีโอกาสทำได้มากกว่านี้ ก็จะเตรียมกิจกรรมไว้มากกว่านี้ แย่จริงๆ
.
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ทำตัวให้มันยากเช่นกัน หลังเรายื่นหนังสือขออนุญาตใช้พื้นที่สนามฟุตบอล เขาก็ตอบว่าสนามฟุตบอลมีกิจกรรมอื่นที่จองไว้ใช้แล้ว เราก็เลยเสียใจเล็กน้อยที่ไม่สามารถจัดกิจกรรมจบงานในพื้นที่ที่สวยงามและให้คนออกกำลังกายได้เต็มที่ ก็เสียใจอีกว่าทำไมเราถึงดวงซวยจัง สนามบอลก็มีคนจอง ลานคนเมืองก็มีคนจอง
เราขออนุญาตใหม่ที่จะใช้ลานประติมากรรมบริเวณหน้าหอประชุมใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางและมีต้นไม้ร่มรื่น มหาวิทยาลัยใช้เวลาสองวันก่อนเจ้าหน้าที่จะแจ้งทางโทรศัพท์ว่า ลานประติมากรรมก็มีคนจองใช้เอาไว้ก่อนแล้ว ไม่ว่าง สถานที่ต่างๆในมหาวิทยาลัยมีคนจองเอาไว้หมดเลย … ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกแล้วว่า ไม่ปกติ เพราะมหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้มีกิจกรรมแน่นขนาดนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว
เราประสานงานไปยังคณะนิติศาสตร์ เพื่อขออนุญาตใช้สถานที่สำหรับแจกข้าวแจกน้ำและทำกิจกรรมตอนจบ เหลือเวลาแค่ประมาณห้าวันเท่านั้นตอนที่เราติดต่อไปยังคณะนิติศาสตร์ ต้องขอขอบคุณ และประกาศให้ทราบว่า วันนี้คณะนิติศาสตร์อนุญาตให้ใช้พื้นที่ เพื่อกิจกรรมที่ส่งเสริมเสรีภาพ พร้อมอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานเป็นอย่างดีมาก เราขอใช้แค่ลานด้านหน้า เพราะกะจะใช้ไม่นาน แต่ก็กลัวฝนตกก็เลยขออนุญาตใช้ห้องไว้ด้วย ปรากฏว่าฝนก็ตกจริง และห้องก็พร้อมเมื่อเราเดินเข้าไปในห้องทุกอย่างก็เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย ขอบคุณครับ
หลังจากกิจกรรมเสร็จตอนค่ำ ผมเดินออกมาก็สังเกตว่า ลานประติมากรรมด้านหน้าก็ไม่ได้มีกิจกรรมอะไร มีเต็นท์เปล่าตั้งอยู่หนึ่งหลัง ตั้งแต่เราวิ่งมาถึงตอนประมาณ 5 โมงก็ไม่ได้เห็นมีคนใช้ทำอะไร เดินไปดูสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ วันนี้ก็ไม่ได้มีกิจกรรมอะไร ทั้งมหาวิทยาลัยเงียบสงัด มีแต่กิจกรรมของเราอย่างเดียว ก็เลยถ่ายรูปบันทึกความเจ็บใจอันนี้ไว้ แต่เสียใจรูปสุดท้ายถ่ายไม่ชัด
สรุปว่าเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยก็ใช้วิธีการโกหกตรงๆ ถ้าหากผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมที่มีประเด็นทางการเมือง ก็ควรจะตอบหนังสือขออนุญาตอย่างตรงไปตรงมาเลยว่าไม่อนุญาต วันนี้เราเป็นคนนอกเราก็ต้องเคารพถ้าเขาไม่ให้ใช้ก็ไม่ใช้ ไม่ใช่มาอ้างว่ามีกิจกรรมอื่นทั้งที่จริงแล้วไม่มี
.
ไม่ว่างานหน้าจะจัดที่ไหน ก็จะต้องเผชิญปัญหาเรื่องการขออนุญาตใช้พื้นที่แบบนี้อีกแน่ๆ ตำรวจ และผู้คนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะต้องพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้เราทำกิจกรรมได้ ….
ปัญหาเหล่านี้มีมาตั้งแต่ปี 2557 ต่อเนื่องมาตลอดที่ประยุทธ์เป็นนายกฯ เมื่อเพื่อไทยเป็นนายกฯแล้ว ชัชชาติเป็นผู้ว่าฯแล้ว เหมือนจะดีขึ้นบ้าง แต่ปัญหาไม่ได้หายไป ตำรวจยังทำตัวเหมือนตอนประยุทธ์เป็นนายกฯอยู่
จึงเรียนมาเพื่อทราบ สำหรับนักวิ่งที่ประสงค์จะวิ่งในเส้นทางที่สวยกว่านี้หรือยาวกว่านี้ และสำหรับคนที่รู้สึกว่าอาจจะวิ่งหรือเดินไม่ค่อยไหว เราก็จะพยายามออกแบบเส้นทางที่เหมาะสมกับทุกคน ภายใต้ข้อจำกัดมากมายในโอกาสต่อไปครับ

·
เบื้องหลังงาน #run2fee ตอนที่ 2
การออกแบบและตัดสินใจว่าจะวิ่งจากที่ไหนไปที่ไหน และจะกำหนดเส้นทางอย่างไร เป็นเรื่องยากที่สุด เมื่อมีข้อเรียกร้องทางการเมือง เราก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นกิจกรรมการเมือง ไม่ใช่เพียงแค่งานออกกำลังกายเท่านั้น ซึ่งมันจะยากกว่างานที่จัดเพื่อการออกกำลังกายโดยตรงหลายเท่าตัว
เราเริ่มคิดว่าที่ไหนที่สามารถขออนุญาตได้ง่ายและมีพื้นที่เพียงพอ มีห้องน้ำ มีอาหารขาย มีที่จอดรถบ้าง ก็คิดว่าจะเริ่มที่ลานคนเมือง ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยน่าจะวิ่งไปทางนั้นได้ ก็มีการเสนอกันหลายเส้น เช่น ไปวนอนุสาวรีย์ แล้วกลับมาจบที่เดิม ไปวนทางสวนรมณีนาถ ดิโอล์ดสยามแล้วกลับมาจบที่เดิม ผมเคยเสนอโง่ๆด้วยซ้ำว่า เราแค่วิ่งวนเป็นสี่เหลี่ยมอยู่ในลานคนเมืองน่ะแหละ แต่มีหลายคนไม่อยากให้วิ่งวนแล้วจบที่เดิมเพราะมันจะเบื่อ ก็ต้องหาที่อื่นไป ซึ่งตอนนี้อนุสรณ์ 14 ตุลาฯปิดซ่อม ลานอนุสรณ์พฤษภา35 ตรงกองสลากเก่าก็ปิดรั้วกั้นหมดไม่รู้ทำอะไร ถ้าไปทางป้อมมหากาฬก็ขุดถนนกันรุนแรงไม่เหลือพื้นถนนเลย ความตั้งใจแรกที่ออกแบบเส้นทางที่สวยสุดที่คิดได้ก็คือ วิ่งแนวถนนราชดำเนินไปเข้าสนามหลวง ผ่านหน้าศาลฎีกาซึ่งเป็นองค์กรสำคัญที่จะตัดสินคดีและให้ประกันตัว แล้วก็ไปจบที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เป็นระยะพอดีๆ
เรื่องระยะทางเราทราบว่าประมาณ 5 กิโลเมตรน่าจะเหมาะสมสำหรับการออกกำลังกาย แต่ก่อนหน้านี้กลุ่มคนที่มาร่วมกิจกรรมทางการเมืองบ่อยๆ เป็นผู้สูงอายุ ไม่น่าจะวิ่งหรือเดินได้ไกลกว่านั้นจึงตั้งไจทำระยะทางให้ผู้สูงอายุที่เป็นขาประจำสามารถร่วมได้ด้วย ส่วนคนที่เป็นนักวิ่งร่างกายแข็งแรง เราไม่แน่ใจว่าจะมีคนมาร่วมกับเราเยอะไหม เลยไม่ได้ออกแบบให้ทางยาวพอได้ระยะที่วิ่งกันประจำ
โดยมีภาพฝันว่าไปจะจบที่สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และยังเป็นบรรยากาศของการออกกำลังกาย แล้วถ้าใครอยากวิ่งต่อเพราะรู้สึกว่าสั้นเกินไป ก็จะได้ไปวิ่งวนด้วยกันในสนามฟุตบอลมหาลัยธรรมศาสตร์นั่นแหละ ผมเองก็ตั้งใจว่าจะไปวิ่งต่อวนอยู่ตรงนั้น 
หลังจากออกแบบเส้นทางในฝันเสร็จแล้วเราก็ไปแจ้งการชุมนุมที่สถานีตำรวจล่วงหน้าเป็นเวลาประมาณ 10 วันก่อนวันงานจริง เพื่อขอให้ตำรวจมาอำนวยความสะดวกดูแลเส้นทางการจราจร และก็เพื่อให้เกิดการต่อรองว่าตรงไหนวิ่งได้หรือตรงไหนวิ่งไม่ได้ ตั้งใจว่า งานนี้ตำรวจให้เท่าไหร่ก็จะเอาเท่านั้นเพราะต้องการวิ่งให้สนุกและวิ่งให้จบ ไม่ได้ต้องการจะทะเลาะหรือดันเพดานเรื่องพื้นที่
ช่วงเวลาเดียวกันก็เอาหนังสือขออนุญาตใช้สถานที่ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
.
วันที่ไปยื่นแจ้งต่อตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็คือรับแจ้งไว้ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไร คำสั่งก็คือห้ามไปทางพระบรมมหาราชวัง เพราะเป็นพื้นที่ห้ามชุมนุม ก็โอเคไม่ได้คิดจะไปอยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นการต่อรองก็ค่อยๆเริ่มต้นและปวดหัว จะขอวิ่งผ่ากลางสนามหลวง ซึ่งเป็นถนนที่เปิดให้คนเดินทุกวันอยู่แล้ว แต่ตำรวจบอกไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ กิจกรรมทางการเมืองจะเอาเท้าแตะสนามหลวงไม่ได้เลย ไม่ว่าตรงไหนก็ตาม
จะขอไปโฉบผ่านหน้าศาลฎีกา ก็ไม่ได้ ไม่ได้แบบเด็ดขาดยังไงก็ไม่ได้ ไปด้านหลังก็ไม่ได้ ไปใกล้รั้วไม่ได้เลย ตกลงกันเบื้องต้นว่าจะวิ่งผ่านหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ข้ามถนนแคบๆ ไปถึงพระแม่ธรณีบีบมวยผม แล้ววกกลับออกมาวิ่งบนถนน เท้าไม่แตะสนามหลวงเลย ออกแบบร่วมกันไว้แบบนี้ จนถึงเย็นวันสุดท้ายตำรวจก็โทรมาบอกว่าไม่ได้ ยังไงก็เลี้ยวซ้ายไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ตำรวจบอกว่าจะเอาเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนมายืนกั้นไว้ให้เลี้ยวซ้ายไม่ได้โดยเด็ดขาด ทั้งที่เราก็บอกแล้วว่าเราจะควบคุมขบวนให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไม่มีออกนอกลู่นอกทาง ตอนนั้นก็เริ่มหงุดหงิดแล้วเพราะว่าถ้าหากเอาตำรวจมาตั้งให้มันดูน่ากลัวมันก็จะเป็นปัญหามากกว่าทั้งที่เราตั้งใจจะวิ่งผ่านอย่างสงบ ไม่ได้ตั้งใจจะออกนอกเส้นทางไปไหน
ผมได้สื่อสารกับตำรวจอย่างจริงจังว่า เอารั้วมากั้นสองอันและเอาตำรวจใส่ชุดสีกากีมายืนสองคนก็รู้เรื่องแล้ว เราจะพยายามประกาศและพาคนวิ่งไปข้างหน้าไม่มีการหยุดไม่มีการออกนอกเส้นทาง แต่ถ้าหากเอาชุดควบคุมฝูงชนสีน้ำเงินหลายร้อยคนมายืนตั้งแถว ภาพมันจะไม่สวย ภาพของตำรวจก็จะไม่ดี จากที่คนตั้งใจมาวิ่งพอเห็นภาพตำรวจก็จะเริ่มแวะไปด่า แล้วมันจะควบคุมไม่ได้ ตำรวจคนหนึ่งบอกว่า “น้องเขาก็พูดตรงดี” แล้วเราก็ไปลุ้นกันหน้างานว่าเราจะเจออะไร ก็ดีที่ตำรวจยังมีสติ ไม่ทำอะไรที่จะสร้างปัญหา
แต่เอาเป็นว่าเมื่อพูดคำว่า “สนามหลวง” แล้ว ตำรวจจะใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวมากทันที ไม่ได้โดยเด็ดขาดและพร้อมใช้กำลัง หากเราจะวิ่งเส้นทางอื่นก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปจบที่ไหน
.
หลังเราไปแจ้งการชุมนุมตำรวจบอกเราว่า ในวันจัดงานเราไม่สามารถใช้ลานคนเมืองได้ เพราะว่าคนอื่นมาใช้สถานที่จัดงานอยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องโชคร้ายจังเลย เพราะวันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีงานอะไรตรงนััน เราคาดหวังว่าจะยังพอมีพื้นที่เหลือเพื่อแบ่งปันได้ แต่ตำรวจบอกว่าอนุญาตให้เราใช้แค่ถนนหน้าศาลาว่าการกทม. พื้นที่เล็กๆตรงนั้น ตรงรูปแรก ซึ่งเรารู้ว่ามันเล็กเกินไป แต่เราไม่มีทางเลือก ก็ต้องยอม เพราะตอนแรกคิดว่าคนมาไม่เยอะ
แต่ว่าในวันจัดงานพอไปถึงพบว่า ลานคนเมืองไม่ได้มีกิจกรรมอะไรเลย ก็ต้องขอบคุณท่านรองผู้ว่าฯ ที่ใส่เสื้อดำและรองเท้าผ้าใบแวะมาเดินดู แต่บอกว่าจะไม่วิ่งด้วย มาช่วยดูความเรียบร้อยและท่านรองผู้ว่าฯก็ยืนยันว่าวันนี้ไม่ได้มีกิจกรรมอื่นที่มาขออนุญาตใช้ เราก็เลยสามารถขยายไปใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อการวอร์มอัพได้ และเมื่อคนมาเยอะ ก็ต้องยืนยันว่าพื้นที่ที่ตำรวจบอกให้ใช้มันไม่พอจริงๆ
สรุปคือ ตำรวจโกหกตั้งแต่แรกว่า ตรงนั้นก็ไม่ได้ ตรงนี้ก็ไม่ได้
การที่เราไม่ได้คิดว่าคนจะมาเยอะและตำรวจบอกว่าใช้ลานกว้างๆไม่ได้ เพราะมีคนอื่นใช้ ทำให้เราไม่ได้เตรียมกิจกรรมตอนปล่อยตัวไว้มากนัก มีแค่ลำโพงเล็กๆหนึ่งอัน มีโต๊ะแจกน้ำ และขายเสื้อนิดหน่อย ถ้าหากรู้ว่ามีพื้นที่และมีโอกาสทำได้มากกว่านี้ ก็จะเตรียมกิจกรรมไว้มากกว่านี้ แย่จริงๆ
.
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ทำตัวให้มันยากเช่นกัน หลังเรายื่นหนังสือขออนุญาตใช้พื้นที่สนามฟุตบอล เขาก็ตอบว่าสนามฟุตบอลมีกิจกรรมอื่นที่จองไว้ใช้แล้ว เราก็เลยเสียใจเล็กน้อยที่ไม่สามารถจัดกิจกรรมจบงานในพื้นที่ที่สวยงามและให้คนออกกำลังกายได้เต็มที่ ก็เสียใจอีกว่าทำไมเราถึงดวงซวยจัง สนามบอลก็มีคนจอง ลานคนเมืองก็มีคนจอง
เราขออนุญาตใหม่ที่จะใช้ลานประติมากรรมบริเวณหน้าหอประชุมใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางและมีต้นไม้ร่มรื่น มหาวิทยาลัยใช้เวลาสองวันก่อนเจ้าหน้าที่จะแจ้งทางโทรศัพท์ว่า ลานประติมากรรมก็มีคนจองใช้เอาไว้ก่อนแล้ว ไม่ว่าง สถานที่ต่างๆในมหาวิทยาลัยมีคนจองเอาไว้หมดเลย … ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกแล้วว่า ไม่ปกติ เพราะมหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้มีกิจกรรมแน่นขนาดนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว
เราประสานงานไปยังคณะนิติศาสตร์ เพื่อขออนุญาตใช้สถานที่สำหรับแจกข้าวแจกน้ำและทำกิจกรรมตอนจบ เหลือเวลาแค่ประมาณห้าวันเท่านั้นตอนที่เราติดต่อไปยังคณะนิติศาสตร์ ต้องขอขอบคุณ และประกาศให้ทราบว่า วันนี้คณะนิติศาสตร์อนุญาตให้ใช้พื้นที่ เพื่อกิจกรรมที่ส่งเสริมเสรีภาพ พร้อมอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานเป็นอย่างดีมาก เราขอใช้แค่ลานด้านหน้า เพราะกะจะใช้ไม่นาน แต่ก็กลัวฝนตกก็เลยขออนุญาตใช้ห้องไว้ด้วย ปรากฏว่าฝนก็ตกจริง และห้องก็พร้อมเมื่อเราเดินเข้าไปในห้องทุกอย่างก็เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย ขอบคุณครับ
หลังจากกิจกรรมเสร็จตอนค่ำ ผมเดินออกมาก็สังเกตว่า ลานประติมากรรมด้านหน้าก็ไม่ได้มีกิจกรรมอะไร มีเต็นท์เปล่าตั้งอยู่หนึ่งหลัง ตั้งแต่เราวิ่งมาถึงตอนประมาณ 5 โมงก็ไม่ได้เห็นมีคนใช้ทำอะไร เดินไปดูสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ วันนี้ก็ไม่ได้มีกิจกรรมอะไร ทั้งมหาวิทยาลัยเงียบสงัด มีแต่กิจกรรมของเราอย่างเดียว ก็เลยถ่ายรูปบันทึกความเจ็บใจอันนี้ไว้ แต่เสียใจรูปสุดท้ายถ่ายไม่ชัด
สรุปว่าเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยก็ใช้วิธีการโกหกตรงๆ ถ้าหากผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมที่มีประเด็นทางการเมือง ก็ควรจะตอบหนังสือขออนุญาตอย่างตรงไปตรงมาเลยว่าไม่อนุญาต วันนี้เราเป็นคนนอกเราก็ต้องเคารพถ้าเขาไม่ให้ใช้ก็ไม่ใช้ ไม่ใช่มาอ้างว่ามีกิจกรรมอื่นทั้งที่จริงแล้วไม่มี
.
ไม่ว่างานหน้าจะจัดที่ไหน ก็จะต้องเผชิญปัญหาเรื่องการขออนุญาตใช้พื้นที่แบบนี้อีกแน่ๆ ตำรวจ และผู้คนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะต้องพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้เราทำกิจกรรมได้ ….
ปัญหาเหล่านี้มีมาตั้งแต่ปี 2557 ต่อเนื่องมาตลอดที่ประยุทธ์เป็นนายกฯ เมื่อเพื่อไทยเป็นนายกฯแล้ว ชัชชาติเป็นผู้ว่าฯแล้ว เหมือนจะดีขึ้นบ้าง แต่ปัญหาไม่ได้หายไป ตำรวจยังทำตัวเหมือนตอนประยุทธ์เป็นนายกฯอยู่
จึงเรียนมาเพื่อทราบ สำหรับนักวิ่งที่ประสงค์จะวิ่งในเส้นทางที่สวยกว่านี้หรือยาวกว่านี้ และสำหรับคนที่รู้สึกว่าอาจจะวิ่งหรือเดินไม่ค่อยไหว เราก็จะพยายามออกแบบเส้นทางที่เหมาะสมกับทุกคน ภายใต้ข้อจำกัดมากมายในโอกาสต่อไปครับ
