"นายกฯ อนุทิน" อัญเชิญ "องค์นรสิงห์จำลอง" กลับตึกไทยคู่ฟ้า ปัดถือเคล็ดอยู่ยาวเหมือนสมัย "ลุงตู่"
3PlusNews
Sep 26, 2025 #เรื่องเด่นเย็นนี้
"นายกฯ" ถือฤกษ์ดีวันธงชัย และวันอธิบดี นำรัฐมนตรีภูมิใจไทย สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ ขอพรให้ราบรื่น ที่เป็นไฮไลท์ คือ การอัญเชิญ "องค์นรสิงห์จำลอง" ที่ถูกย้ายออกไปในยุคนายกฯ เศรษฐา กลับมาอยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เหมือนยุค พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเวลา 08.19 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางถึงทำเนียบรัฐบาล ด้วยรถยนต์โรลส์รอยซ์ ทะเบียน วอ 3333 กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นการเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้าอย่างเป็นทางการวันแรก ทันทีที่มาถึงนายกฯ ได้ขึ้นไปยังห้องทำงาน และได้สักการะพระพุทธรูปที่อยู่ในห้อง จากนั้น เวลา 08.41 น. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ได้ลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตายาย เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมรัฐมนตรีและ สส.ของพรรคภูมิใจไทย จำนวนหนึ่ง (รมต.ได้แก่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี , นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นางศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และพลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม) หลังสักการะเสร็จ ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าขอพรอะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ราบรื่น ก่อนเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่า จะนำเครื่องรางอะไรเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า "อยู่ที่ใจ" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพระพุทธรูป ที่นายกรัฐมนตรี เตรียมอันเชิญมาไว้ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ประกอบด้วย หลวงพ่อพระพุทธโสธร พระพุทธชินราช พระพุทธสิริไตรรัฐ ซึ่งเป็นพระที่นายอนุทิน สร้างไว้ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แต่ที่เป็นไฮไลท์ที่สุด น่าจะเป็นการอัญเชิญรูปปั้น "องค์นรสิงห์จำลอง" ที่ตั้งสักการะบูชาอยู่ที่ตึกแสงอาทิตย์ ซึ่งอยู่ระหว่างทางเชื่อมกับตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล กลับมาอยู่ที่บริเวณระเบียงด้านหน้า ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า เหมือนสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ในยุคนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ได้ย้ายไปบูชาที่ชั้น 3 ตึกแสงอาทิตย์ โดยเจ้าหน้าที่กองสถานที่ ได้อุ้มอัญเชิญรูปปั้น "องค์นรสิงห์จำลอง" ขึ้นรถสีตู้เบนส์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1ขช4268 กทม. เคลื่อนไปที่ตึกไทยคู่ฟ้า ท่ามกลางบรรยายท้องฟ้าครึ้ม แดดไม่แรง และได้รับความสนใจของสื่อมวลชน จำนวนมาก โดยก่อนการอัญเชิญได้มีพราหมณ์ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูฤกษ์งามยามดีก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้น เวลา 12.49 น. นายกรัฐมนตรีได้ถอดสูท สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว อุ้มอัญเชิญ "องค์นรสิงห์จำลอง"ตั้งไว้ที่ฐานเดิม พร้อมสักการะและถ่ายภาพ ร่วมกับนางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภรรยา ข้าง "องค์นรสิงห์จำลอง ต่อมา นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความตั้งใจในการย้ายองค์นรสิงห์ กลับมาไว้ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ว่า เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์แนะนำ ว่า ท่านประดิษฐานอยู่ที่นี่อยู่ จึงต้องเชิญกลับมาในที่ที่เหมาะสมกับท่าน เมื่อถามว่า การอัญเชิญกลับมาคล้ายในยุคของพลเอกประยุทธ์ ถือเคล็ดว่าอาจจะไม่ใช่ 4 เดือน แต่จะเป็น 4+4 (4 เดือน + 4 ปี) หรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่เกี่ยว อย่าไปคิดมากคนละเรื่องกัน อะไรที่ทำแล้วสบายใจและเป็นสิริมงคล กับประเทศกับประชาชนกับตัวเอง ทำไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://ch3plus.com/news/political/ru...
.....
Silpawattanatham - ศิลปวัฒนธรรม
7 hours ago
·
“นรสิงหาวตาร” เทวตำนานฮินดู อวตารปางดุร้ายเพื่อขจัดอสูรจอมพาลของพระวิษณุ
.
“นรสิงห์” แปลตรงตัวได้ว่า คนสิงห์ คือมีตัวเป็นคน หัวเป็นสิงห์ มาจากเทวตำนานฮินดู “นรสิงหาวตาร” อวตารปางที่ 4 ของพระวิษณุ (พระนารายณ์) เพื่อมาปราบ “หิรัณยกษิปุ” อสูรผู้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทั้ง 3 โลก
.
แก่นสำคัญของนรสิงหาวตารคือ ตัวร้ายมักคิดว่าตนฉลาด อย่างหิรัณยกษิปุเองเคยขอพรจากพระเป็นเจ้าโดยมีเจตนาคือไม่ให้มีใครโค่นตนได้ คือ ไม่ตายด้วยเทพ มนุษย์ และสัตว์ ทั้งไม่ตายด้วยอาวุธ (ขอพรให้เป็นอมตะไม่ได้) แต่พระเจ้าหรือฝ่ายดีย่อมชนะเสมอ จากปัญญาและอุบาย นรสิงห์จึงไม่ใช่ทั้งคน เทพ หรือสัตว์ และใช้กรงเล็บแทนอาวุธสังหารหิรัณยกษิปุจนได้
.
พระนรสิงห์เป็นที่เคารพอย่างแพร่หลาย เพราะมีครบทั้งบุ๋นและบู๊ โดยเฉพาะในไวษณพนิกายที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่ ถือเป็นปางอวตารที่รองลงมาจากพระราม (รามาวตาร) และพระกฤษณะ (กฤษณาวตาร) เท่านั้น และมักบูชาเคียงคู่กับพระลักษมีชายา เรียกว่า “ลักษมีนรสิงห์”
.
สาเหตุที่ต้องเคารพคู่กันนั้น เพราะคัมภีร์ปุราณะอธิบายว่า นรสิงห์เป็นร่างอวตารที่ดุร้ายมาก ท่านเปี่ยมล้นไปด้วยความพิโรธโกรธาเสมอ รูปเคารพบางปางจึงชื่อว่า “โกรธานรสิงห์” และ “มฤตโยรมฤตยูนรสิงห์” จะเสด็จไปไหนก็เอามวลความร้อนแรงไปด้วย เหล่าเทวดาจึงขอให้พระลักษมีมาประทับใกล้ ๆ เพื่อให้ท่านเยือกเย็นลงบ้าง
.
รูปเคารพของนรสิงห์จึงมักอยู่ในท่าทำโยคะ จนพากันเชื่อว่าเป็นเพราะท่านเป็นครูแห่งศาสตร์โยคะ แต่ ผศ. คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ผู้เชี่ยวชาญศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อธิบายว่า ท่าโยคะนั้นก็เพื่อทำให้ท่านห่างไกลจากความโกรธเกรี้ยวและสงบลงบ้างจากการทำสมาธิมากกว่า การบูชาปางดุร้ายของพระนรสิงห์ในบ้านเรือนจึงไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะหากปรนนิบัติไม่ดี ประพฤติตนไม่เหมาะ ก็จะทนความร้อนแรงของท่านไม่ได้
.
เทวตำนานนรสิงห์ยังมีเนื้อหาเป็นเครื่องเตือนใจแก่ผู้ประพฤติทุจริตและเบียดเบียนผู้อื่น คือเตือนว่าอย่าคิดว่าตนจะอยู่ค้ำฟ้า แม้จะมีอำนาจขนาดไหนก็ต้องพ่ายแพ้ให้ความถูกต้องหรือความดีงาม เป็นกฎของจักรวาลตามคติฮินดู ดังจะเห็นว่า แม้เทพฮินดูจะให้พรคนชั่วอยู่บ่อย ๆ แต่สุดท้ายก็โดนพระวิษณุตามมา “จัดการ” อยู่ดี
.
อ. คมกฤช ยังเคยเตือนไว้ว่า สำหรับคนที่เบียดเบียนคนอื่นแล้วบูชาพระนรสิงห์ โดยหวังให้ช่วยขจัดศัตรูของตนนั้น คงไม่ช่วยอะไร เพราะ… “นรสิงห์น่าจะลงโทษพวกเอ็งแทนนั่นแหละ”
.
ภาพ : อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กับองค์นรสิงห์จำลอง (ภาพจาก : ศูนย์ภาพมติชน)
.
อ้างอิง : คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง. “นรสิงห์ไม่ช่วยอะไรดอก”. มติชนสุดสัปดาห์, 28 มกราคม พ.ศ. 2565.
7 hours ago
·
“นรสิงหาวตาร” เทวตำนานฮินดู อวตารปางดุร้ายเพื่อขจัดอสูรจอมพาลของพระวิษณุ
.
“นรสิงห์” แปลตรงตัวได้ว่า คนสิงห์ คือมีตัวเป็นคน หัวเป็นสิงห์ มาจากเทวตำนานฮินดู “นรสิงหาวตาร” อวตารปางที่ 4 ของพระวิษณุ (พระนารายณ์) เพื่อมาปราบ “หิรัณยกษิปุ” อสูรผู้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทั้ง 3 โลก
.
แก่นสำคัญของนรสิงหาวตารคือ ตัวร้ายมักคิดว่าตนฉลาด อย่างหิรัณยกษิปุเองเคยขอพรจากพระเป็นเจ้าโดยมีเจตนาคือไม่ให้มีใครโค่นตนได้ คือ ไม่ตายด้วยเทพ มนุษย์ และสัตว์ ทั้งไม่ตายด้วยอาวุธ (ขอพรให้เป็นอมตะไม่ได้) แต่พระเจ้าหรือฝ่ายดีย่อมชนะเสมอ จากปัญญาและอุบาย นรสิงห์จึงไม่ใช่ทั้งคน เทพ หรือสัตว์ และใช้กรงเล็บแทนอาวุธสังหารหิรัณยกษิปุจนได้
.
พระนรสิงห์เป็นที่เคารพอย่างแพร่หลาย เพราะมีครบทั้งบุ๋นและบู๊ โดยเฉพาะในไวษณพนิกายที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่ ถือเป็นปางอวตารที่รองลงมาจากพระราม (รามาวตาร) และพระกฤษณะ (กฤษณาวตาร) เท่านั้น และมักบูชาเคียงคู่กับพระลักษมีชายา เรียกว่า “ลักษมีนรสิงห์”
.
สาเหตุที่ต้องเคารพคู่กันนั้น เพราะคัมภีร์ปุราณะอธิบายว่า นรสิงห์เป็นร่างอวตารที่ดุร้ายมาก ท่านเปี่ยมล้นไปด้วยความพิโรธโกรธาเสมอ รูปเคารพบางปางจึงชื่อว่า “โกรธานรสิงห์” และ “มฤตโยรมฤตยูนรสิงห์” จะเสด็จไปไหนก็เอามวลความร้อนแรงไปด้วย เหล่าเทวดาจึงขอให้พระลักษมีมาประทับใกล้ ๆ เพื่อให้ท่านเยือกเย็นลงบ้าง
.
รูปเคารพของนรสิงห์จึงมักอยู่ในท่าทำโยคะ จนพากันเชื่อว่าเป็นเพราะท่านเป็นครูแห่งศาสตร์โยคะ แต่ ผศ. คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ผู้เชี่ยวชาญศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อธิบายว่า ท่าโยคะนั้นก็เพื่อทำให้ท่านห่างไกลจากความโกรธเกรี้ยวและสงบลงบ้างจากการทำสมาธิมากกว่า การบูชาปางดุร้ายของพระนรสิงห์ในบ้านเรือนจึงไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะหากปรนนิบัติไม่ดี ประพฤติตนไม่เหมาะ ก็จะทนความร้อนแรงของท่านไม่ได้
.
เทวตำนานนรสิงห์ยังมีเนื้อหาเป็นเครื่องเตือนใจแก่ผู้ประพฤติทุจริตและเบียดเบียนผู้อื่น คือเตือนว่าอย่าคิดว่าตนจะอยู่ค้ำฟ้า แม้จะมีอำนาจขนาดไหนก็ต้องพ่ายแพ้ให้ความถูกต้องหรือความดีงาม เป็นกฎของจักรวาลตามคติฮินดู ดังจะเห็นว่า แม้เทพฮินดูจะให้พรคนชั่วอยู่บ่อย ๆ แต่สุดท้ายก็โดนพระวิษณุตามมา “จัดการ” อยู่ดี
.
อ. คมกฤช ยังเคยเตือนไว้ว่า สำหรับคนที่เบียดเบียนคนอื่นแล้วบูชาพระนรสิงห์ โดยหวังให้ช่วยขจัดศัตรูของตนนั้น คงไม่ช่วยอะไร เพราะ… “นรสิงห์น่าจะลงโทษพวกเอ็งแทนนั่นแหละ”
.
ภาพ : อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กับองค์นรสิงห์จำลอง (ภาพจาก : ศูนย์ภาพมติชน)
.
อ้างอิง : คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง. “นรสิงห์ไม่ช่วยอะไรดอก”. มติชนสุดสัปดาห์, 28 มกราคม พ.ศ. 2565.
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1213831367444564&set=a.638758851618488
https://www.youtube.com/watch?v=GgQrtG_8Dm4
https://www.youtube.com/watch?v=GgQrtG_8Dm4