วันจันทร์, กันยายน 01, 2568

ณ วินาทีที่พรรคประชาชน “ยังไม่ตัดสินใจ” ดีลลุงตู่กลับมา กำลังถูกปั่นถึงความเป็นไปได้


Nithiwat Wannasiri
8 hours ago
·
ไอ้อานนท์ลูกบิดสามสี ปล่อยข่าวดีลลับไอ้ตู่กลับมาเป็นนายกพระราชทานจัดงานใหญ่

https://www.facebook.com/photo?fbid=24321309384194769&set=a.152292684856443
.....


สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
Yesterday
·
‘วิโรจน์’ ดีดลูกคิด นาที ‘พรรค ปชน.’ ยังไม่เลือกใคร ระหว่าง ‘ภท.-พท.’ แนะทางออกที่ดีที่สุดคือ ‘ภูมิธรรม’ ยุบสภา แต่หากจับขั้วกันเองได้โดยไม่ต้องพึ่ง ‘พรรคส้ม’ ก็ทำไปก่อนได้เลย ลั่น การเมืองมันโหดร้าย เลือกทางไหนก็โดนด่า เตือนสติด้อม คิดไว้แล้ว ถูกหักหลังได้หมด บอก ลิ้นคนเราเวลาที่มันจะตระบัดสัตย์ มันก็พลิกลิ้นได้เสมอ มองเป็นไปได้ ‘เพื่อไทย’ เสนอชื่อ ‘ลุงตู่’ หวังเรียก ‘ก๊วน พปชร.’ กลับไป

วันที่ 30 ส.ค.68 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์

[ ใครจะเป็นนายกฯ ต้องได้ 247 เสียง ตามมาตรา 159 วรรคสาม จะเลือกตาม TOR เมื่อบ้านเมืองถึงทางตันแล้วเท่านั้น ]
..............................
เสียง สส. ทั้งหมดที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรในตอนนี้มีอยู่ 492 เสียง

พรรคร่วมรัฐบาล (รวม 11 พรรค, 253 เสียง)
พรรคเพื่อไทย: 140 คน
พรรครวมไทยสร้างชาติ: 36 คน
พรรคประชาธิปัตย์: 25 คน
พรรคกล้าธรรม: 25 คน
พรรคชาติไทยพัฒนา: 10 คน
พรรคประชาชาติ: 9 คน
พรรคชาติพัฒนา: 3 คน
พรรคไทรวมพลัง: 2 คน
พรรคเสรีรวมไทย: 1 คน
พรรคประชาธิปไตยใหม่: 1 คน
พรรคไทยก้าวหน้า: 1 คน

พรรคฝ่ายค้าน (รวม 5 พรรค, 239 เสียง)
พรรคประชาชน: 143 คน
พรรคภูมิใจไทย: 69 คน
พรรคพลังประชารัฐ: 20 คน
พรรคไทยสร้างไทย: 6 คน
พรรคเป็นธรรม: 1 คน

ในทางปฏิบัติ พรรคกล้าธรรมได้งูเห่ามาเพิ่ม 6 เสียง มาจากพรรคประชาชน 1 เสียง และพรรคไทยสร้างไทย 5 เสียง

ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลเดิมจึงมีเสียงอยู่ 259 เสียง และฝ่ายค้านเดิมมีเสียงอยู่ 233 เสียง

ตามมาตรา 159 วรรคสาม การเห็นชอบให้ใครได้เป็นนายกฯ จะต้องใช้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ ไม่ใช่แค่เสียงข้างมาก ดังนั้น คนที่จะได้เป็นนายกฯ ต้องมีเสียงมากกว่า 246 เสียง หรือ 247 เสียงขึ้นไป

ถ้าคิดว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ไม่มีทางที่จะกลับมาร่วมงานกันได้อีกแล้วในสภาชุดนี้ และเมื่อพรรคภูมิใจไทยสามารถดึงเอาเสียงจากพรรคกล้าธรรมพร้อมงูเห่าได้แล้ว 31 เสียง และกลุ่มคุณสุชาติอีก 18 เสียงมาร่วมด้วย เท่ากับว่าตอนนี้ทางฝั่งพรรคเพื่อไทยมีเสียงอยู่ = 259-31-18 = 210 เสียง ในขณะที่ฝั่งพรรคภูมิใจไทยมีเสียงอยู่ = 69+20+1+1+31+18 = 140 เสียง

ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ และพรรคประชาชนตัดสินใจงดออกเสียง ไม่ขอร่วมตัดสินใจอะไรเลย ยังไงประเทศก็จะไม่มีทางได้นายกรัฐมนตรีได้ เพราะแม้ว่าฝั่งพรรคเพื่อไทยจะรวมเสียงได้มากกว่าฝั่งพรรคภูมิใจไทยก็ตาม แต่เสียงที่รวมได้ก็ยังไม่ถึง 247 เสียง ซึ่งเป็นเสียงที่เกินกึ่งหนึ่งของเสียงที่มีอยู่ในสภา

ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ และไม่มีทีท่าใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลง และทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ก็ต่างรับเงื่อนไขข้อเสนอของพรรคประชาชน คือ

1. เป็นนายกฯ เพื่อนำไปสู่การยุบสภา
2. ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับด้วย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง
3. พรรคประชาชนไม่ขอร่วมรัฐบาล

พรรคประชาชนก็ต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง มิฉะนั้น บ้านเมืองก็จะถึงทางตัน ติดหล่มรัฐธรรมนูญ 2560 ไปไหนไม่ได้เสียที

อีกทางหนึ่งที่เป็นทางออกก็คือ พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายกฯ คนอื่นที่ไม่ใช่คุณชัยเกษม เพื่อดึงเอาเสียงที่ทางฝั่งพรรคภูมิใจไทยดึงไปได้แล้วกลับมา เพื่อให้มีเสียงรวมกันเกิน 246 เสียง ซึ่งชื่อที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะดึงเสียงที่ออกไปแล้วให้กลับมาได้ แถมยังอาจจะสามารถดึงเอาเสียงจากพรรคพลังประชารัฐกลับไปได้ ก็น่าจะมีอยู่เพียงคนเดียวนั่นก็คือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

ถ้าเป็นไปในทางนี้ ก็คงไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงจากพรรคประชาชนแล้ว

ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ คุณภูมิธรรม รักษาการนายกฯ ยุบสภา หรือถ้าพรรคการเมืองอื่นๆ ดึงกันไปดึงกันมา จนจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่เอาพรรคประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะดีที่สุด เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็ไม่มีทางใดที่จะเป็นทางออกที่ดีของประเทศ พรรคประชาชนจึงน่าจะต้องตัดสินใจในกรณีที่บ้านเมืองถึงทางตันแล้วจริงๆ คือ ถ้าไม่เลือก บ้านเมืองก็ไปไม่ได้ ก็คงต้องพิจารณาว่าทางเลือกไหนก่อให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด และคงต้องจำใจเลือกทางนั้น เราจึงต้องออก TOR มากำกับแนวทางในการเลือกของเรา เพราะเรายังคงเชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองที่อยู่ในสภาวะโกลาหล ก็คือการยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน

ส่วนกรณีที่หลายท่านกรุณาเตือนว่า ต้องพิจารณาด้วยว่าทางไหนมีโอกาสที่จะถูกตระบัดสัตย์หักหลังได้มากกว่าด้วย ผมบอกตรงๆ ว่าผมเผื่อใจเอาไว้ล่วงหน้าเลยครับว่า “ทั้ง 2 ทางในที่สุดแล้ว ไม่ว่าทางไหนก็คงคิดหักหลังเราหมดแหละครับ” การเมืองมันโหดร้าย คนโดนมาก่อนจะไม่รู้จักจำเลยก็คงไม่ใช่ ดังนั้นอย่าไปคิดครับว่าคนนี้จะหักหลัง คนนั้นไม่หักหลัง ให้คิดว่าทั้ง 2 ทางหักหลังเราหมด แล้วมาคิดกันต่อว่าทางไหนที่เราจะพอมีกลไกในการผูกมัดบังคับไม่ให้เขาหักหลังเราง่ายๆ น่าจะดีกว่า

เอาเป็นว่า ยุบสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด หรือถ้าแต่ละพรรคไปจับกันเองได้โดยไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับพรรคประชาชน ก็เอาทางนั้นก่อนได้เลย เราคงจะเลือกแบบจำใจต้องเลือกเมื่อบ้านเมืองถึงคราวจำเป็นแล้วจริงๆ ครับ

ผมยอมรับตรงๆ เลยว่า ไม่ว่าเลือกทางไหนก็ไม่พ้นโดนด่า ดังนั้น การตัดสินใจจะต้องไม่คิดว่าทางไหนจะไม่ถูกด่า หรือทางไหนจะถูกด่าน้อยกว่า เรื่องพรรคถูกด่าผมว่าเรื่องเล็ก ไม่ควรเอามาคิดเลย เอาเป็นว่าถ้าไม่จำเป็นต้องเลือก ก็ขอไม่เลือกดีกว่าครับ แต่ถ้าจำเป็นต้องเลือกเพื่อให้บ้านเมืองไปต่อได้ ก็ต้องกล้าหาญที่จะเลือกทางที่บ้านเมืองเสียหายน้อยที่สุด มีกลไกที่รัดกุมที่พอจะบังคับให้คนที่เราเลือกรักษาสัญญาได้มากที่สุด แต่ก็คงต้องทำใจว่า ต่อให้มีกลไกมัดแน่นแค่ไหน ลิ้นคนเราเวลาที่มันจะตระบัดสัตย์ มันก็พลิกลิ้นได้เสมอ ก็คงต้องเผื่อใจเอาไว้ล่วงหน้า

ณ วินาทีนี้ ในขณะที่พรรคประชาชนตัดสินใจว่า “ยังไม่ตัดสินใจ” ก็วิเคราะห์ได้ประมาณนี้ครับผม

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1398996591587276&set=a.328293581990921