วันเสาร์, กันยายน 14, 2567

ลองดูกันสิ อภิปรายของสอง ส.ส.พรรคประชาชนนี้ เป็นวาทกรรมฝ่ายแค้นหรือไม่ เรื่องทำเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ กับเร่องฝุ่นพิษพีเอ็ม ๒.๕ ใครคาดว่าจะได้ ใครต้องเสีย

นายกฯ อิ๊งอุตส่าห์หาช่องพูดไปแล้ว ช่วงหลังจากอ่านนโยบาย ๑๔ หน้าเสร็จ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลสองวัน วันนี้ (๑๔ กันยา) โฆษกพรรคเพื่อไทยขอพูดบ้าง “ฉะฝ่ายค้าน เลิกสร้างวาทกรรมจับผิดนายกฯ”

ดนุพร ปุณณกันต์ แถลงว่า “การเมืองใหม่ที่อยากเป็นนั้นไม่มีอยู่จริง” เมื่อหัวหน้าพรรคประชาชนพูดถึง “นายใหญ่ นายทุน นายหน้า” และรองหัวหน้าบอก “อยากเห็นนายกฯ มีแสงสว่างในตัวเอง” นี่คงยังไม่ได้ฟัง ช่อ ว่าผิดหวังที่ไม่เห็นแสดงวิสัยทัศน์

รวมความตามคำของ อุ๊งอิ๊งเป็นอันว่าฝ่ายค้านตอนนี้มีแต่วาทกรรม สร้างความเกลียดชัง สร้างความเข้าใจผิด สร้างความแตกแยก และเป็นฝ่ายแค้น ถ้างั้นย้อนไปดูสิว่า เขาเป็นฝ่ายแค้นกันจริงหรือ จากตัวอย่างการอภิปรายของ รังสิมันต์ โรม เมื่อ ๑๓ กันยา

เรื่องนโยบายทำ Entertainment Complex ที่เริ่มตอนปลายๆ รัฐบาลเศรษฐา มาร้อนรนต้นรัฐบาลแพทองธารนี่ละ หลังจากที่ราชติณมัยเปิดฟลอร์ จะรื้อฟื้นสนามม้านางเลิ้ง และเสริมด้วยบันเทิงครบวงจร แต่แล้วกลับเงียบไป มี คลองเตยมาแทน

ที่จริงความคิดย้ายท่าเรือและชุมชนคลองเตยออกไป เพื่อสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์แทนที่ เป็นเมกะโปรเจ็คอสังหาริมทรัพย์ของเศรษฐา ซึ่งมาถึงรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง “คนข้างนอกสภาเขานินทากันให้แซ่ด” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชนปูด

ว่า “ใบอนุญาตในการทำสถานบันเทิงครบวงจร มีบริษัทไหนบ้างที่จะได้จัดทำ ที่จังหวัดไหนบ้าง รวมถึงคุยกันไปไกลว่า นายใหญ่จะได้รับประโยชน์กี่เปอร์เซ็นต์จากการทำ...ผมก็หวังให้ข้อมูลที่ผมได้ยินมาไม่เป็นความจริง รังสิมันต์ลงท้ายการอภิปราย

ส.ส.พรรคประชาชนอีกคน ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ อภิปรายดุเดือดกว่า ทั้งหนักแน่นและฉะฉานเกินกว่าจะเป็นวาทกรรม เขาพูดข้ามช็อตไปถึงต้นปีหน้า เมื่อถึงกำหนดสถานการณ์ฝุ่นพิษในอากาศกลับมาประจำการทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่

“หลายคนอาจจะสงสัยว่ารัฐบาลเขาไม่เข้าใจต่อปัญหานี้จริงๆ หรือเปล่า นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทย ขออภัยครับท่านประธาน นี่คือสิ่งที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งโพสต์ขึ้นมา ในวันพุธที่ผ่านมา ระบุไว้ว่า ๑ ปีไม่เคยสูญเปล่า ในรัฐบาลเศรษฐา”

นั่นก็คือ “เพราะได้แก้ต้นตอพีเอ็ม ๒.๕ ในประเทศ ลดการเผาอย่างชัดเจน” แต่ “ลดได้จริงหรือเปล่า มาดูกันดีกว่า ว่าลดจริงหรือคิดไปเอง” ภัทรพงษ์ว่า “ปี ๒๕๖๖ ประเทศไทยมีผืนที่เผาไหม้ทั้งประเทศอยู่ที่ ๑๑.๒ ล้านไร่ มาปีนี้ ๒๕๖๗ พื้นที่การเผามีถึง ๑๓ ล้านไร่”

ข้อมูลมันแย้งกับที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งอวดอ้าง เขาจึงว่า “รัฐบาลยังโกหกตัวเอง หลอกประชาชนว่าปัญหานี้มันดีขึ้นแล้ว ทั้งที่ความจริงมันแย่ลงกว่าเดิม” เรื่องของเรื่องก็คือ “ท่านตัดงบฯ โครงการแก้ปัญหาฝุ่นพิษพีเอ็ม ๒.๕ แล้วเอามาทำดิจิตอลวอลเล็ต”

ถ้าจะว่าเป็นวาทกรรม มันก็สมจริงเสียจนหน้าชา เขาจึงปิดท้ายว่า “ผมอภิปรายต่อรัฐบาล ผมพูดถูกหลายครั้ง ครั้งนี้ได้โปรดพิสูจน์ว่าผมพูดผิด ตั้งใจทำงานแก้ไขปัญหาพีเอ็ม ๒.๕ ทำให้ผมพูดผิดที”

(https://x.com/webdevxp/status/1834548777115619507 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/ERSNaxnegsDq)