เรื่องไฟฟ้านี่ แรกก็ร้องกันระเง็งว่า แพง แพ้ง แพง รัฐบาลฟังหูออกอีกหู รู้นะว่าปัญหามันคืออะไรตามที่ บ้งเก่ง @Boongkeang 16h ว่า “รัฐจ้างเอกชนผลิตไฟฟ้าเกินปริมาณการใช้ แล้วเอาภาระมาลงที่ประชาชนโดยการเพิ่มค่า ft” นั้น
อ้างว่าเพราะปัญหา “ต้องนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีที่มีราคาแพงจากต่างประเทศ” จึงมีคำถามตามมา “ทำไมคนไทยต้องมาจ่ายต้นทุนของการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีที่มีราคาแพง เหตุผลง่ายคือว่า มันเป็นโยบายเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติที่มีมา”
คำถามคือทำไมนโยบายดังกล่าวจึงเอื้อแต่ผู้ได้สัมปทานพลังงาน “นำก๊าซธรรมชาติไปจัดสรร (โดย ปตท.) ให้แก่กลุ่มพลังงานเอาไปเผาเป็นเชื้อเพลิง” เสียก่อน ที่เหลือนำส่งโรงผลิตไฟฟ้าเอกชน ฉะนั้นจึงเกิด “ความไม่เป็นธรรม” ในสังคม
แล้วทำไมเราไม่มอง “ว่าก๊าซธรรมชาติที่อ่าวไทยเป็นทรัพยากรของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อกำไรสูงสุดของ ปตท.ก่อน แล้วค่อยจัดสรรกลับมาให้รัฐบาล” ล่ะ รายการของ Wasinee P. @WPabuprapap ถาม ‘สุพัฒนพงษ์’ รมว.พลังงาน
อีกด้านคือจำกัดจำเขี่ยการใช้ของตนในครัวเรือน เช่น นอนรวมกันได้ก็รวมกันเพื่อลดห้องที่ต้องเปิดแอร์ และ ถอดตะแกรงกรองฝุ่นเครื่องปรับอากาศมาล้างบ่อยๆ ปิดผ้าม่านทึบกันแสงแดดเข้าบ้าน และใครที่ใช้แอร์รุ่นเก่าอยู่ เปลี่ยนได้เปลี่ยนเถอะ เป็นต้น
เรื่องอย่างนี้น่าที่จะเป็นปัจจัยเสริมเพื่อการประหยัดมากขึ้น ไม่ใช่หนทางแก้ไขไม่ให้ต้องจ่ายค่าไฟแพงปเพิ่มกำไรแก่นายทุนพลังงาน แล้วขณะนี้นายทุนใหญ่พลังงานคือกั๊ลฟ์เอเนอร์จี้ ที่มี สารัชถ์ รัตนาวะดี เป็นมหาเศรษฐีอันดับ ๓ ของไทย
ไต่เต้ามาแต่เป็นคนขายไฟฟ้าเล็กๆ จนยิ่งเติบใหญ่ยิ่งโตตามหลักการมือยาวสาวได้สาวเอา ปกติในระบบนายทุน ทว่า “การเติบโตของทุนพลังงานไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีอะไรเลย แต่ผลมาจากนโยบายรัฐที่เอื้อกลุ่มทุน” แล้วก็ถ้อยทีถ้อยเอื้อกลับ
พอทราบๆ กันว่า ทุนใหญ่ใต้โต๊ะพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อสืบทอดอำนาจนักรัฐประหาร ก็พวกเอเนอร์จี้นี่แหละ
(https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/MwfN6Ah9b9jikUiwEY และ https://twitter.com/WoraphopV/status/1648012364078542848)