วันเสาร์, เมษายน 22, 2566

อัตชีวประวัติ จรัล ดิษฐาอภิชัย ตอนจบ


Jaran Ditapichai
14h

อัตชีวประวัติ ตอนจบ
(40 ) สรุปรวบยอดชีวิต ความใฝ่ฝันและความเขื่อที่เหลืออยู่
วันนี้ ผมมีอายุจะครบ76 ปีในอีก2 เดือน16 วัน ผมสรุปรวบยอดชีวิต
1 ตั้งแต่จำความได้ นอกจากพ่อแม่ พี่ๆ6 คนที่เลี้ยงดูช่วยเหลือผมแล้ว ยังมีบุคคลรุ่นพี่ เพื่อน และน้องจำนวนมากโอบอุ้ม คำจุนผมให้มีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ผมอยู่ได้เพราะคนอื่นจริงๆ ไม่อยากคุยโวโอ้อวด อยู่ที่ใหน ใครๆก็รักใคร่ ช่วยเหลือเกื้อกูลผมตลอดเวลา
ผมจึงขอสรุปชีวิตด้วยการขอบคุณทุกท่านโดยเฉพาะ พระครูโสภณ เจ้าอาวาสวัดภูผาภิมุข พัทลุงที่ให้ผมอยู่วัด6 ปี ช่วงเรียนมัธยม โรงเรียนพัทลุง และครูเปลก ชายเกตุ ครูประจำห้องม. 2 ผู้ให้ความคิดการเมืองแก่ผม
ขอบคุณMichel J Chabonier อาสาสมัครสันติภาพ ชวนผมไปอยู่บ้านตอนเรียนม.ศ.4-5 เปิดโลกกว้าง และสอนภาษาอังกฤษ
ขอบคุณอาจารย์ผสม เพชรจำรัส เพื่อนนิสิตวนศาสตร์ที่ช่วยเลี้ยงข้าว ให้ยืมเงิน เพื่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยเฉพาะคณะรัฐศาสตร์ที่ให้ยืมเงินลงเสียค่าลงทะเบียนเรียนสมัยนั้นเทอมละ400 บาท
ขอบคุณอาจารย์สุลักษณ์ ศิวลักษ์ พี่เฉลิม ทองศรีพงศ์ ที่ให้ไปอยู่บ้าน และเงินใช้เป็นระยะๆ อยู่หลายปี
ขอบคุณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เหมือนแม่คนที่2 ของผม
ขอบคุณพี่สุชาติ สวัสดิศรี พี่ไขแสง สุกใส
ขอบคุณสหายศักดิ์ สหายสมพงษ์ อยู่นรงค์
สหายประโยชน์ (มาโนช เมธางกูร)
ขอบคุณพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แม่คนที่3
ขอบคุณคณะกรรมการคาทอลิคต่อต้านความหิวโหยและเพื่อการพัฒนา CCFDให้ทุนผมเรียนต่อที่ฝรั่งเศส 3ปี ขอบคุณ Sergio REGAZONI Rabate Rose Suzi Curtail Georges Boudarel ช่วยเหลือผมอย่างมากช่วงอยู่ฝรั่งเศสครั้งแรก
ขอบคุณอานันท์ หาญพาณืชยพันธ์ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ทึ่ให้ผมทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต 10 ปี
ขอบคุณไกรศักดิ์ ชุนหวัน อุทัย พิมพ์ใจชน พันศักดิ์ วิญญารัตน์ ดร.ทักษิณ ชินวัตรท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ คุณหญิงจันทนี สันตะบุตร อัคเรศ แสงกระจ่าง จุมพล สุวนาม เกรียง ฮวด
นพพร สุพิพัฒน์ ปรึดา เตียสุวรรณ นาดีนอุบลกาญจ์ บุญเอนก มณีธรรม เชาว์ ซื่อแท้ ไพรัช พันธ์นรา บันลือ สอนบาลี สุนัย จุลพงศธร อัมรา วัฒนกุล อนันต์ ศิริสมบัติวัฒนา เอิบจิตค์ หอมถาวร ศิริอร บุญโต ศิริพร ใจรัก สุวรรณา วงษาเนาว์ จุฬาภรณ์ ปินะถา จุไรรัตน์ มีเสียง อุบลกาญจน์ จันทรางกูร
Fergal Burnell ศารุตา นาคเสนีย์ วรรณา โพศรี Robert Ansterdam และสาธารณรัฐฝรั่งเศส
2 วิจารณ์ตนเอง
ตั้งแต่เด็ก ผมไม่สู้คน ไม่ชอบชกต่อย ไม่ชอบกิฬา ไม่ชอบแต่งตัว
พอโตขึ้นมา ขอบคบเพื่อน ตามใจคน ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เป็นคนหัวรุนแรง แต่ไม่อยากทำให้คนอื่นเสียใจ มีนิสัยไม่ดี เคยเที่ยวโสเภณี อาบอวบนวด มาบ้าง เคยขโมยของในห้างสรรพสินค้า 1ครั้ง
ผมมีความขัดแย้งในตัวเองตลอดเวลา อยากเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่เลือกเข้าวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วเมื่อกลับมาเข้าธรรมศาสตร์ ก็เปลี่ยนใจอีก
ย้ายจากเศรษฐศาสตร์ ไปรัฐศาสตร เป็นฮิปปี้ หัวรุนแรง แต่ยังอยากเป็นผู้แทน ไม่เขื่อคนง่าย แต่พร้อมประนีประนอม มีเพื่อนเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ไม่มีแฟน มีคนแรกก็แต่งงานเลย เชื่อความรักบริสุทธ์ แต่มีภรรยา แฟนหลายคน เป็นนักลัทธิมาร์กซ แต่กลัวผี รักแม่มาก ด้วยเป็นลูกคนสุดท้อง แต่ทำอะไรที่แม่ผิดหวัง เป็นฮิปปี้ ไม่กลับไปหาแม่ 3 ปี ไม่เข้ารับปริญญา นอกจากตอนเรียนจบ ต้องสอบเป็นปลัดอำเภอ โชคดีที่สอบตก ไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ จึงไปบวชพระ แต่9 วัน เป็นลูกชาวนา แต่ทำอะไรไม่ แต่ต่อมา ทำงานใช้แรงงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงชีพ ลูกเมีย 5 ปี เป็นนักต่อสู้ แต่ด่าคนไม่เป็น เป็นแกนนำคนเสื้อแดง แต่ไม่ค่อยเชื่อแนวทางการต่อสู้ ผมเป็นนักโฆษณา แต่พูดเกินจริงไม่เป็น ด่าคนไม่เป็น อยู่ฝรั่งเศสมา13 ปี ยังพูดภาษาไม่คล่อง
ความคิดทางการต่อสู้ไม่มั่นคงเริ่มจากต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ประชาธิปไตยตามแนวทางรัฐสภา มาปฏิวัติคอมมิวนิสต์ หนทางยึดอำนาจรัฐด้วยกำลังอาวุธ เข้าป่า กลับจากฝรั่งเศส เป็นนักประชาธิปไตย นักสิทธิมนุษยชน และนักสากลนิยม แต่ยังมีรักษาวิญญานเป็นฝ่ายซ้ายถึงทุกวันนี้
สรุป ผมมาลี้ภัยที่ฝรั่งเศส8 ปี พยายามเคลื่อนไหวช่วงชิงความสนับสนุนทางสากลไม่สำเร็จ แม้แต่ผนึกกำลังคนไทยแม้ผู้ลี้ภัยด้วยกัน ก็ไม่สำเร็จ
3 ความใฝ่ฝันและความเขื่อในวัยพระอาทิตย์จะลับฟ้า
ผมเป็นนักต่อสู้นักปฏิวัติแบบโรมันติค ( revolutionary romantism ) แต่สู้กับระบอบ ระบบ ไม่ได้สู้กับบุคคล ผมจึงไม่เกลียดไม่โกรษบุคล ผมยังใฝ่ฝัน ทอฝันแบบดอนฮิโอเต้ ยังอยากสร้างสังคมใหม่ แล้วก็ ผมยังเขื่อความคิดเลนิน ไม่มีทฤษฎีปฏิวัติ ก็ไม่มีการปฏิวัตื จึงใฝ่ฝันอยากสร้างทฤษฎีปฎิวัติ แต่ปัญญาไม่พอ ส่วนความเชื่อที่ยังเหลืออยู่ เชื่อมนุษยชาติ ว่า สามารถพาสังคมมนุษย์ สังคมโลกดำรงอยู่ได้ แก้ปัญหาทุกอย่างได้ ความเขื่อนี้แม้ไม่มีลักษณะชนขั้น ดังเคยเชื่อเมื่อเป็นคอมมิวนิสต์ แต่มีพลังพอสมควร
ความเชื่อประการที่สอง เชื่อพลังประชาชน ซึ่งเป็นความเชื่อคงเส้นคงวาของผม แล้วก็ได้เห็นพลังประชาชนทั่วโลด รวมทั้งพลังประชาชนไทยช่วงกลางปี 2563 เมื่อเกิดกระแสสูงของการต่อสู้นำโดยเยาวชนนักเรียน นักศึกษาทจากพริต เพนกวิน ปนัฐสยารุ้งอานนท์ ไผ่ ดาวดิน ถึงใบปอ ตาวัน
พลังประชาชนชี้ขาดทุกอย่าง
พลังประชาชนไทยจักสำแดงออกมาอีกในอนาคต อย่างแน่นอน
(หน้าทำเนียบขาว )
.....

Jaran Ditapichai
13h
·
แม้แต่ฝัน ก็ยังไม่กล้า ว่า วันนี้ ผมเขียนอัตชีวประวัติ 76 ปี จนจบ นับเป็นความสำเร็จหนึ่งของผมในข่วง30 ปีทึ่ผ่านมา ดีไม่ดี เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่อยากเขียนจริงๆ ตั้งแต่อยู่ในป่าปี2522 นิยายสักเล่ม พลอตเรื่องไว้แล้ว ถ้าชาติหน้า มีจริง จะลงมือเขียน
มีคนเสนอพิมพ์อัตชีวประวัติเป็นเล่ม กำลังคุยกับสำนักพิมพ์หนึ่ง ผมอยากให้เสร็จช่วงกึ่งศตวรรษของกรณี 14 ตุลาคม ปีนี้ ครับ
.....
ใครพลาดตอนไหน ตามไปอ่านที่ เพจ อ.จรัล
https://www.facebook.com/jaran.ditapichai