วันศุกร์, เมษายน 21, 2566

ทนายกุณฑิกา นุตจรัส ขอให้เชื่อมั่นน้องหยก "เราในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมสังคม มิตรต่อกันทางอุดมการณ์ เราต้องเชื่อเรื่องการสนับการต่อสู้ของเพื่อนของเราด้วยความเคารพ"


Sai Kunthika Nutcharus
1d
·
สำหรับเรื่องของหยก อายุ 15 ปี ถูกขังอยู่ที่นครปฐม ที่อาจจะยังพอมีคนสนใจอยู่บ้าง
ช่วงนี้ดิฉันไม่ได้ไปเยี่ยมน้องเลย
แต่มีทนายที่เป็นเพื่อนกันคนอื่นยินดีจะรับอาสาผลัดกันเยี่ยม ซึ่งต้องขอบคุณเขามาก
ยังคงเป็นห่วงน้องเช่นเดิมแม้ว่าจิตใจของเด็กจะเข้มแข็งขนาดไหน แต่ทุกคนที่เคยผ่านช่วงอายุนั้นก็คงทราบดีว่า ถ้าตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาเราเองก็คงไม่มีความสุขนัก
หลังจากที่ได้รู้จักหยกมาสักพัก
ได้มีเวลาไตร่ตรองใคร่ครวญและตกผลึกทางความคิด
ในทางหนึ่งดิฉันก็ไม่แปลกใจว่าทำไมประเทศของเราถึงมีเยาวชนหลายคนที่ตัดสินใจทำอะไรก็ตามที่คนไม่เห็นด้วย สังคมเห็นว่าไม่เหมาะสม เข้าใจไม่ได้
ในปี 2475 ถ้าคณะราษฎร์จะบอกคนว่าเขาจะเดินออกจากบ้านไปทำอะไร
ก็คงมีคนห้าม
ในปี 2516 ก็คงไม่มีใครรู้ว่าเดินออกจากบ้านไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ในปี 2519 ก็คงมีหลายบ้านที่ล็อคประตูและห้ามลูกตัวเองออกไป
แต่ก็คงมีเด็กหลายคนที่ปีนกำแพงบ้านหนีออกมาเพื่อเดินทางกลับไปยังธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
โดยก็คงไม่รู้ว่า เรื่องในวันนั้นจะจบลงแบบไหน อย่างไร และจะมีใครเสียชีวิต
ในชีวิตคนๆหนึ่งหากเคยตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองอย่างแท้จริงแล้ว
ก็คงจะเข้าใจน้องไม่มากก็น้อย
ดิฉันคิดอย่างมีความหวังจากการมองสังคมว่า ที่จริงมีคนเข้าใจจุดนี้อยู่มากมายหลายคน
เรื่องของหยกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สังคมจับตาดู
มีคนรอแสดงความเห็น
ทุกคนรู้สึกว่าไม่สามารถทำอะไรได้
กลัวที่จะถูกมองว่าโหนเด็ก
กลัวที่จะถูกมองว่าล้างสมองเด็ก
แล้วก็กลัวที่จะถูกมองว่าทำผิดแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่ถ้าหากด้วยความกลัว เธอมุ่งแต่แสวงหาความสงบสุขและความสำราญจากความรัก
ก็จะเป็นการดีกว่าที่เธอควรจะปกคลุมความเปลือยเปล่าของตนและหลีกหนีออกไปเสียจากลานบด
สำหรับดิฉันและทีมทนายที่ไปเยี่ยมกันอยู่
พวกเรารู้สึกอึดอัดใจกับเรื่องนี้มากและยอมรับว่าในบางครั้งเราก็รู้สึกว่าไม่รู้จะทำอย่างไร
ซึ่งคงเป็นความรู้สึกเดียวกับคนในสังคมในเวลานี้
แต่ความรู้สึกเดียวกันที่พวกเรามีและเป็นความรู้สึกร่วมกันด้วยก็คือ
การที่เขาปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมไม่ได้แปลว่าสังคมต้องหันหลังให้เด็กคนนี้
และพวกเราทั้งสามคนก็รู้สึกว่า เราต่างเรียนนิติศาสตร์มาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
จริงอยู่แม้เด็กจะมองว่ากระบวนการยุติธรรมไทย fail เค้า
ตำรวจ fail เค้า
ศาล fail เค้า
แต่ดิฉันกับเพื่อนอีก 3 คน
ไม่ใช่ในฐานะทนายความ
ในฐานะมนุษย์ในสังคมเราไม่ต้องการ fail เค้า
ดิฉันเชื่อว่า การปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของเด็ก เป็นเรื่องที่เค้าทำอย่างมีเหตุผล
มีที่มา มีที่ไป
และเชื่อว่าหยกไม่ใช่คนโง่
และเชื่อว่า เรามีหน้าที่ปกป้อง ช่วยเหลือเด็ก แต่ไม่ใช่เฆี่ยนตี ซ้ำเติม หักหาญ
ดิฉันเชื่อด้วยว่า เราในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมสังคม มิตรต่อกันทางอุดมการณ์
เราต้องเชื่อเรื่องการสนับการต่อสู้ของเพื่อนของเราด้วยความเคารพ
สวัสดีค่ะ
(https://www.facebook.com/sainutcharus/posts/10223007186908837)
.....

.....

Subhatra Bhumiprabhas is feeling sad.
19h
·
อ่านเล่มนี้ค้างไว้นานแล้ว เพิ่งมีเวลาหยิบมาอ่านต่อตอนนี้
ดิฉันและเพื่อนกลุ่มเล็กๆ มีชะตากรรมร่วมอยู่ในหนังสือเล่มนี้ พวกเราเป็นนักเรียนมัธยมตอนถูกจับในเช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ถูกส่งไปแยกขัง เด็กผู้ชายถูกขังที่บ้านเมตตา เด็กผู้หญิงถูกขังที่บ้านปรานี คนที่อายุน้อยสุดในหมู่พวกเรา อายุแค่ 13 ปี ทั้งหมดเป็นเด็กกิจกรรมของศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย (ศรท)
พวกเราถูกกล่าวหาด้วยข้อกล่าวหาเดียวกับพี่นักศึกษาทั้งหมดที่ถูกจับ และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ถูกขังอยู่จนศาลคดีเด็กและเยาวชนพิพากษายกฟ้อง
เช้านี้คุยกับเพื่อนที่ถูกจับด้วยกัน ย้อนคิดถึงอดีตช่วงนี้แล้ว เราคุยกันถึงน้องหยกที่ถูกจับขังอยู่ที่บ้านปรานีตอนนี้ และอยากบอกผู้มีอำนาจว่า ปล่อยเด็กเถอะค่ะ อย่าขโมยวัยและวันของเขาไปเลย