ก่อนอื่นต้องขอประทานอภัยจากพระสยามเทวาธิราช ที่เคยปรามาสรูปทรงรัฐสภาไทย ตึกใหญ่โตริมน้ำสมสมัย แต่บนยอดกลับมีมณฑปสีทองดั่งเอาเมรุมาสไปตั้งไว้ ย้อนแย้งกับตัวอาคารต่างยุคต่างสมัย นั่นไม่หนักหนาเท่าอาคารแห่งนี้น้ำรั่วเป็นอาจิณ
จะเป็นเพราะการก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี หลังจากที่จ่ายงบประมาณออกไปแล้ว ๑๒,๒๘๐ ล้านบาท แต่ผู้รับเหมาเร่งทำหนังสือส่งมอบงาน อ้างว่าสร้างเสร็จครบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว เมื่อ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ วันเดียวกันนี้ที่มีฝนตกหนักในท้องที่
วัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์เปิดโปงเหตุน้ำฝนรั่วลงภายในอาคารสัปปายะสภาสถาน บริเวณที่จัดแสดงนิทรรศการ ๙๐ ปีรัฐสภาพอดี ช่างเหมาะเจาะเสียนี่กระไร “มีน้ำรั่ว น้ำหยด น้ำซึมหลายสิบจุดก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ”
ทั้งยังเป็น “ภาระของแม่บ้านทำความสะอาดทั้งอาคารตึก สว.และ สส.” แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรให้สาธารณะทราบ เพราะ “มีคำสั่งจากหัวหน้างานห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ต่อบุคคลภายนอก” ฤๅว่าจงใจปกปิดความผิดของผู้รับเหมา
นายวัชระแฉว่า สัญญาก่อสร้าง ๙๐๐ วัน ยืดเวลากันมาหลายครั้งจนตอนส่งมอบนับได้ ๓,๓๕๑ วัน แล้วยังไม่เรียบร้อย “พื้นไม้ที่น้ำฝนไหลท่วมก็สร้างผิดสเปคไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา” แทนที่จะใช้ไม้ตะเคียนทอง ก็ลดเกรดไปเป็นไม้พะยอม
ซ้ำ “ประตูห้องกรรมาธิการไม่กันเสียง ๖๕ ห้อง ผนังห้องประชุมกรรมาธิการไม่กันเสียง ๑๔๘ ห้อง ต้นไม้ใหญ่ตาย ๓๔๗ ต้น เป็นต้น” รวบรัดส่งงาน “เพื่อหลบเลี่ยงค่าปรับกว่าวันละ ๑๒ ล้านบาท” เคยบริภาษณ์กันว่าบริษัทผู้รับเหมา รัฐมนตรีคนหนึ่งหุ้นใหญ่
ตอนเกิดเสียงวิพากษ์ รัฐมนตรีผู้มี résumé ทางการรับเหมาก่อสร้าง อ้างว่าผ่องถ่ายสายโยงใยที่เคยมีออกไปหมดแล้ว ตั้งอกตั้งใจเอาดีทางสาธารณสุข เรียนผิดเรียนถูกจาก ‘โควิด’ จนเก่งกาจขนาดเรียกโรคระบาดร้ายว่า ‘ไข้กระจอก’
ท้ายสุดเลยติดเชื้อเสียเอง หลังฉีดวัคซีนไป ๖ เข็ม เวลานี้กำลังมุ่งมั่นสร้างประวัติการณ์นำชาติไทยไปสู่ Nirvana ด้วยกัญชากัญชง ถึงขนาดพาเด็กเล็กๆ ตัวน้อยๆ ยืนถ่ายภาพโปรโมชั่นโฆษณา จึงอย่าได้ไปถามความรู้เก่าเลยว่าทำไมรัฐสภาหลังคารั่ว
ยิ่งการรั่วอีกครั้งนี้เกี่ยวโยงไปถึงพระสยามเทวาธิราช ดังวัชระว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง...ดลบันดาลให้พายุฝนสาดซัดน้ำไหลทะลักท่วมอาคารรัฐสภาบริเวณชั้น ๑” ด้วยแล้ว อย่าได้แตะ ขนาดกษัตริย์ผู้ทรง mortal กิน ขี้ ปี้ (ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) นอน ยังแตะไม่ได้