ปรากฏว่ามี ส.ส.ฝ่ายค้าน ๑๕ คนโหวตรับร่างงบประมาณ ๓.๒ ล้านล้านของรัฐบาลประยุทธ์ ทำให้คาดหมายได้ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะตามมา คงเข้าอีหรอบเดียวกันอีกละ หรือจะเป็นเช่นที่ สุชาติ ชมกลิ่น ผอ.พรรครัฐบาลคุย
“ส.ส.บางท่านก็พยายามที่จะหมุนเวียนไปอยู่พรรคใหม่ หรือที่อยู่ฝ่ายค้านก็อยากมาอยู่รัฐบาลก็ต้องมีบ้าง” หากไม่ใช่เพราะ “การชี้แจงงบประมาณเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ” อย่างที่รัฐมนตรีแรงงานว่าแน่ๆ พวกงูเห่าเหล่านี้ตั้งตาไว้แต่แรก
ดูจาก ส.ส.เพื่อไทย ๗ คนที่แหกคอกไปโหวตให้รัฐบาล มติชน รายงานว่า ส.ส.ศรีสะเกษสามคน คือจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ธีระ ไตรสรณกุล และผ่องศรี แซจึง นั้นเตรียมย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งระยะหลังเป็นพลังดูดเหนือกว่าใคร
“นายประวีณ แซ่จึง สามีของนางผ่องศรี ได้เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในโควตาพรรคภูมิใจไทย” ไปแล้ว การเมืองเรื่องผลประโยชน์แห่งตน ยังคงมีอิทธิพลเหนือหลักการและอุดมการณ์เช่นเคย
ถึงอย่างนั้นการทำงานของฝ่ายค้านคนอื่นๆ ที่ไม่กลายเป็นงูเห่า ได้ทำให้ประชาชนหูตาสว่างต่อความเหลวแหลกของรัฐบาลชุดสืบทอดอำนาจมา ๘ ปี ดัง Sirote Klampaiboon@sirotek ชี้ว่าระหว่างการอภิปราย “เสียงค้านกระหึ่ม”
ดังกรณีการตั้งงบฯ ของกระทรวงกลาโหม ๗ ล้านบาทเพื่อตรวจสอบเรื่องแท่งหาระเบิด จีที ๒๐๐ ซึ่งบริษัทผู้ขายในอังกฤษถูกพิพากษาความผิดฐานหลอกลวงไปนานแล้ว กลาโหมซื้อมาเสียเปล่าใช้งานไม่ได้เท่านั้นไม่พอ ยังมีการตั้งงบตรวจสอบอีกแท่งละหมื่น
หลายต่อหลายโครงการของกลาโหมตั้งงบประมาณอย่าง ‘ลอยๆ’ ไม่ต้องอธิบายความจำเป็นอันใด “แสดงรายละเอียดมาแค่บรรทัดเดียว แต่งบฯ สูงถึง ๖-๗ พันล้านบาท” มิหนำซ้ำเมื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมผุ้แทนกองทัพตอบว่า “ไม่ได้เตรียมมา”
ส.ส.พรรคก้าวไกลเรียกการตั้งงบประมาณของกลาโหมได้ตรงกับบุคคลิกและพฤติกรรมว่า “สอดไส้ ไม่คุ้มค่า ไม่ตอบโจทย์ ไม่โปร่งใส” กลุ่มการเมืองในสภาที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลประยุทธ์ บัดนี้เข้าสวมรอยวิธีการลากไปของเผด็จการเสียงข้างมาก
ยังดีที่ฝ่ายค้านยุคนี้อภิปรายได้แสบสันต์ด้วยข้อมูลความเป็นจริงแห่งการคอรัปชั่น และความไร้ประสิทธิภาพทางการบริหาร มากกว่าวาทกรรม ‘กรีด’ ในอดีต
(https://www.moveforwardparty.org/news/parliament/2023-budget-part-1/13270/, https://www.matichon.co.th/politics/news_3380620 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_7091957)
