
Krisadang-Pawadee Nutcharus
9h
ถึงวิญญูชนผู้เที่ยงธรรม
.
เมื่อวานนี้ (10 มิย 65) ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 2 มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว คุณกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ถูกฟ้องในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายต่อรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 โดยกำหนดวงเงินประกันตัว 300,000 บาทโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ ในการประกันตัวทั้งสิ้น
ใครๆ ก็รู้ว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ที่คุณกนกวรรณถูกกล่าวหานั้น มีโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีหรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 40,000 บาท
วิญญูชนผู้เที่ยงธรรมย่อมไม่แปลกใจหรือสงสัยต่อคำสั่งของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 2 ในเรื่องนี้
เพราะว่า กนกวรรณเธอเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาเท่านั้น เธอยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเธอผิด สิทธิในเรื่องการปล่อยตัวชั่วคราวของเธอในระหว่างการพิจารณาคดีเป็นสิทธิที่เธอพึงมี ไม่มีใครที่จะแย่งไปจากเธอได้
แต่ในอีกด้านหนึ่งของกระบวนพิจารณาคดีของศาลไทย
เมื่อตะวัน และใบปอ นักศึกษาสาวอายุเพียง 20 ปี รวมทั้งผักบุ้ง ติวเตอร์สาววัยเพียง 26 ปี ถูกกล่าวหาในคดีความผิดฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่ามีโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี (เท่านั้น) คำสั่งที่เธอขอปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีกลับเป็นอีกแบบหนึ่ง
แม้จะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวน้องตะวันไประหว่างพิจารณาคดี (อย่างทุลักทุเล)
แต่ก็มีเงื่อนไขข้อกำหนดเสียมากมายราวกับว่าเธอมีอำนาจยศถาบรรดาศักดิ์เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งที่จะไปทำอะไรก็ได้
เช่น ห้ามเธอออกนอกบ้าน 24 ชั่วโมง ห้ามเธอไปทำโน่นทำนี่มากมายหลายอย่าง ติดเครื่องติดตามตัวตลอดเวลา หรืออนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพียงหนึ่งเดือน เป็นต้น
จริงอยู่ถ้าจะมีคนพูดว่า “ก็เธอเป็นคนเสนอที่ให้ผู้พิพากษากำหนดเงื่อนไขเองมิใช่หรือ”
คำตอบก็คือ ก็ใช่โว้ยยยยยยย !!
เธอบอกผมว่าก็เธอต้องการอิสรภาพนี่หว่า ถ้าเธอไม่รับเขาก็ไม่ปล่อยตัว
เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครก็เข้าใจ ก็เหมือนกับใครอยากเป็นตำรวจก็ต้องตัดผมเกรียนติดหนังหัว ถ้าไม่ตัดหัวเกรียนเขาก็ไม่ให้เป็น อันนี้ไม่ได้แปลว่าตำรวจชอบหัวเกรียนและก็ไม่ได้แปลว่าไอ้คนสั่งมันทำถูก
สำหรับใบปอและผักบุ้ง ผู้พิพากษาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เธอถูกขังมาเดือนกว่าแล้ว
ผมพบเธอที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา เธอทั้งสองดูอิดโรยมาก ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่เธออดอาหารไม่กินอะไรนอกจากน้ำและนมมาตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนแล้ว
ในระหว่างที่ปรึกษาหารือเรื่องการเสนอพยานหลักฐานในการต่อสู้คดี แม้จะดูเหนื่อย ดูอ่อนล้า และมีอาการปวดท้องอยู่ตลอดเวลา
เธอทั้งสองพยายามที่จะรวบรวมเรื่องราวต่างๆปะติดปะต่อกันเพื่อเล่าให้ทนายความได้รับรู้ถึงสิ่งที่เธอเชื่อว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เราก็ทำได้ไม่นาน เพราะหลังจากพูดคุยกันได้สักชั่วโมงเศษ เธอบอกว่าเธอทั้งสองเพลียมาก ขอกลับเข้าไปพักผ่อน เพราะถ้ายังนั่งอยู่เธอจะเป็นลม
ในวันนั้นทนายความกับน้องผักบุ้งและใบปอ ร่ำลากันทั้งๆที่ยังคุยปรึกษาหารือไม่เสร็จ
ก่อนจากกันเธอถามว่า สำหรับคดีของเธอทั้งสองต้องใช้เวลานานอีกกี่ปี
ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากบอกว่าคงอีกนาน
ในวันที่เจอครั้งสุดท้ายนั้น เราไม่ได้คุยกันเรื่องการขอประกันตัว
เพราะเธอทั้งสองเชื่อว่ายังไงผู้พิพากษาก็ไม่ให้เธอประกันตัวออกมาสู้คดีอย่างแน่นอน
ความจริงเรื่องราวของตะวัน ใบปอและผักบุ้ง มีอะไรอีกมากมายที่ถ้าหากวิญญูชนผู้เที่ยงธรรมได้รับทราบและรับรู้แล้วจะต้องสะเทือนใจ
ความแตกต่างในคดีของกนกวรรณ กับคดีของตะวัน ใบปอ และผักบุ้ง ผมเชื่อว่าไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องการให้ประกันตัวหรือไม่เท่านั้น
ผมกังวลใจว่ากระบวนการพิจารณา การทำคำพิพากษา ความเห็นและข้อวินิจฉัยต่างๆจะใช้หลักแบบเดียวกันหรือไม่
ผมเรียกร้องให้วิญญูชนผู้เที่ยงธรรมทั้งหลาย ลุกขึ้นยืนและประกาศให้รื้อถอนระบบกระบวนการยุติธรรม สร้างกระบวนการยุติธรรมที่เป็นหลักประกันจริงๆให้กับสังคม
ทั้งนี้เพื่ออนาคตของลูกหลานของเราเอง