ข้าวยากหมากแพงนะที่นี่ ขึ้นราคาทุกอย่าง หมู ไก่ ไข่ กุ้ง แก๊ส ฯลฯ แต่เห็นว่า ‘หญิงลำบาก’ ได้กลับไปฝรั่งเศสแล้ว พร้อมสัมภาระบานเบอะกระเป๋านับร้อยใบ น่าเห็นใจต้องไปเจอ ‘ออมมิครอน’ ที่นั่นระบาดแรงกว่าไทย ไปไหนมาไหนปิดถนนเป็นส่วนตัวไม่ได้
‘ชายเล็ก’ ก็ลำบากเหมือนกัน กลับเจอรมันเงียบๆ เมื่อวันที่ ๕ มกรา กลับทำให้ประเทศบัลเกเรียอกสั่นขวัญแขวน เพราะใช้เครื่องบินทะเบียนทัพอากาศไทยบินผ่านน่านฟ้า (ถ้าใครไม่ทราบ) บัลแกเรียเป็นประเทศยุโรปตะวันออก สมาชิกเนโต้
หากติดตามการเมืองระหว่างประเทศตอนนี้แถวนั้นตึงเครียด เนื่องจากรัสเซียฮึ่มๆ จะบุกยึดยูเครน อีกประเทศที่หลุดจากการครอบงำของรัสเซียเมื่อสหภาพโซเวียตแตก สหรัฐประกาศแล้วว่าถ้า ‘ปูติน’ ฮึกเหิมขนาดนั้น ‘ไบเด็น’ ไม่ยอมแน่
สองประธานาธิบดีต่อสายคุยกันแล้วสองครั้ง รัสเซียยั้งมืออยู่แต่ก็ยังไม่ถอนกำลังทางทหารจำนวนมากที่ส่งไปประชิดชายแดน อ้างว่าเพื่อคอยระวังรักษาสถานการณ์ เมื่อปรากฏว่ารัฐบาลยูเครนจะขย้ำกองกำลังโปรรัสเซียซึ่งก่อกวนอยู่ในประเทศ
ความอึมครึมของสงครามในภูมิภาคทำให้ฝ่ายค้านบัลแกเรียใจเต้น เมื่อมีเครื่องบินทหารต่างชาติบินผ่านน่านฟ้า พากันคิดว่าสงครามยูเครนเริ่มแล้วหรือ มีการโพสต์คำถามทางสื่อสังคมว่า “กำลังต่างชาติเข้ามายุ่มย่ามอะไรในบ้านเรา...รถถังกำลังตามมาใช่ไหม”
เรื่องของเรื่องเนื่องจาก กองทัพอากาศไทยน่ะแจ้งกลาโหมบัลแกเรียแล้วว่า เครื่องแอร์บัส ๓๔๐-๕๐๐ โดยทีมบินทหารอากาศจะทำการส่งเสด็จเจ้าฟ้าฑิปังกร รัศมีทัต ผ่านไปสู่เยอรมนีในวันที่ ๕ มกรา และยังมีการขออนุญาตบินผ่านอีกครั้งระหว่าง ๘-๑๒ มกรา
ระเบียบการในบัลแกเรีย หากมีการอนุญาตเครื่องบินทหารต่างชาติบินผ่านน่านฟ้า กระทรวงกลาโหมจะต้องแจ้งให้รัฐสภาทราบ แล้วประธานรัฐสภาต้องประกาศต่อสมาชิกสภาให้ทราบก่อนการเริ่มประชุมวันนั้น เหตุที่เกิดเป็นความลักลั่นของกลาโหม
กลาโหมแจ้งเรื่องเที่ยวบินฑิปังกรต่อรัฐสภา แต่สำนักงานสภาแจ้งต่อสมาชิกทางอีเมล และไม่ได้แนบสำเนาเอกสารคำประกาศแจ้งเรื่องเที่ยวบินนี้ไปด้วย พวกสมาชิกสภาทราบเรื่องแต่ไม่รู้รายละเอียด จึงพยายามไปขอสำเนาเอกสารจากกลาโหมแล้วไม่ได้
เป็นต้นเหตุความวุ่นวายในสภาบัลแกเรียวันนั้น ดังที่สำนักข่าว OFFNews ของบัลแกเรียรายงาน แล้ว Nanthida Rakwong @ThaiPolitica เอามาแพร่ เน้นย่อหน้าสุดท้ายว่า “ยังเขียนถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยของกษัตริย์ไทย ที่ชอบอยู่เยอรมัน
แถมยังขนเอาหมา ๓๐ ตัวและขี้ข้า (ราชบริพาร) ๒๕๐ คนไปด้วย” สื่อบัลแกเรียบอกด้วยว่า กษัตริย์ไทยพระชนมพรรษา ๖๙ ปี และคณะถูกถ่ายภาพที่โรงแรมสนามบินมูนิค พระองค์เช่าชั้นสี่ของโรงแรมทั้งชั้นเป็นเวลา ๑๑ วัน “คาดว่ารัชทายาท (?) เสด็จที่นั่นด้วย”
เรื่องนี้ Saiseema Phutikarn มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า เนื่องจาก “การบินไทยยกเลิกไฟล้ท์ VVIP ไปซูริค นำไปสู่ความวิตกเรื่องสงครามในบัลแกเรีย” กำหนดเดิมเลื่อนจาก ๗ มกราเป็น ๑๑ มกรา “ล่าสุดเลื่อนเป็น ๑๓ ม.ค. อีกแล้ว” แต่โรงเรียนในเยอรมนีเปิดวันที่ ๑๐ มกรา
“ดังนั้นจึงจำเป็นต้องส่ง VVIP แยกกลับไปเยอรมันก่อน ซึ่งในเมื่อใช้เงินภาษีด้วยคติ ‘ขาดทุนคือกำไร’ ก็ไม่ยากอะไร ทำแบบที่ทำๆ กันมา คือส่งเครื่องบิน VVIP ของรัฐบาลไทย (HS-TYV แอร์บัส A340-500 ลำที่ใช้งบ ๖๐ ล้านทำห้องน้ำ)
บินไปส่ง VVIP ที่เยอรมันก่อนจะตีเครื่องเปล่ากลับไทย ซึ่งเครื่องบินลำนี้ได้บินไปถึงมิวนิคแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (๘ ม.ค.)...ซึ่งจริงๆ แล้วตามเส้นทางการบินจะผ่านน่านฟ้าบัลแกเรียแค่แว๊บเดียว ไม่ถึง ๑๕ นาทีเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต”
เพียงแต่ว่าเจ้าหน้าที่กลาโหมบัลแกเรียคบกับไทยมากเข้า (นัยว่าการขอบินผ่านน่านฟ้าอย่างนี้ มีเป็นนิจสิน) ชักจะติดนิสัย ‘หยวน’ เผลอเรอ ตกหล่น เรื่อยเปื่อย เรื่องโวยวายจึงเกิดขึ้น ไม่เป็นไร ตอนที่ผู้ใหญ่ในกลาโหมเกษียณ ให้มาพักผ่อนที่ไทยสิ
นายกฯ ที่นี่ยังปลื้ม “ไทยเป็นที่ ๑ ของเอเซีย ประเทศเหมาะใช้ชีวิตหลังเกษียณ” แน่ะ
(https://www.facebook.com/saiseema.p/posts/3044381529210687 และ https://offnews.bg/analizi-i-komentari/kak-razhodka-na-printca-na-tajland-do-germania-rodi-skandal-i-panika-u-767949.html)