
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
15 hours ago
·
“เอกชัย หงส์กังวาน” เขียนจดหมายถึงศาลฎีกา: ขอพิจารณาคดี ม.110 อย่างระมัดระวัง - ไม่ฟังพยานที่มีอคติทางการเมือง
.
.
วันที่ 16 ต.ค. 2568 ที่ศาลอาญา “เอกชัย หงส์กังวาน” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 110 ได้ถูกนำตัวมาเข้าร่วมการสืบพยานที่ศาลอาญา ในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 21 - 22 พ.ค. 2561 ในโอกาสครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งตามกำหนด และให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในขณะนั้นยุติการสืบทอดอำนาจ หรือคดี UN62 ในส่วนของแกนนำ
.
ในระหว่างการสืบพยาน เอกชัยได้ยื่นจดหมาย 1 ฉบับ ให้ทนายความ ลงวันที่ 7 ต.ค. 2568 โดยระบุว่าเป็นจดหมายที่เขาเขียนถึงศาลฎีกา เรื่องขอให้พิจารณาคดีที่เขาถูกกล่าวหาว่าขัดขวางขบวนเสด็จของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ จากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 โดยเอกชัยถูกศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา ให้ลงโทษจำคุก 21 ปี 4 เดือน และไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวในชั้นฎีกามาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2568
.
ก่อนหน้านี้ เอกชัยได้มีความพยายามส่งจดหมายฉบับนี้ ผ่านระบบส่งจดหมายออนไลน์ของเรือนจำ (Domi Mail) มาถึงโครงการ Freedom bridge แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมให้ส่งผ่านออกมาได้ ทำให้เอกชัยต้องเขียนคำร้องเพื่อขออนุญาตนำจดหมายฉบับดังกล่าวติดตัวออกมาเข้าร่วมการสืบพยานในคดีชุมนุม UN62 ในวันนี้ด้วย
.
ทั้งนี้ จดหมายถึงศาลฎีกาฉบับนี้ เอกชัยได้เขียนอธิบายถึงพฤติการณ์คดีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องและศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา โดยระบุรายละเอียด ดังนี้
.

.
เนื่องด้วยคดีนี้จำเลยถูกกล่าวหาว่ามี “เจตนา” ขัดขวางขบวนเสด็จของราชินีในการชุมนุมม็อบ 3 นิ้ว ถ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้มีความผิด
.
ศาลชั้นต้น : รับฟังพยานจากจุดที่จำเลยยืนอยู่ด้านหน้า คฝ. (โซน B) เป็นหลัก พยานเหล่านี้ให้การตรงกันว่าไม่ทราบว่ามีขบวนเสด็จผ่านถนนพิษณุโลก และมองไม่เห็นขบวนเสด็จที่อยู่ด้านหลัง คฝ. (โซน A) พยานเหล่านี้มีทั้งผู้ชุมนุม, คฝ., ตำรวจ และสื่อมวลชน แม้จะมีรถเบิกทาง (โซน B) ประกาศมี “ขบวน” ผ่านก็ไม่แจ้งเป็น “ขบวนเสด็จ”
.
ขณะที่พยานที่อยู่ด้านหน้า ก.พ. และทำเนียบรัฐบาล และคนเสื้อเหลือง (โซน A) ที่มองเห็นขบวนเสด็จด้านหลัง คฝ. เป็นคนละจุดกับจำเลย ส่วนพยานที่ยืนอยู่บนสะพานชมัยฯ (โซน C) เป็นจุดที่สูงกว่าถนนพิษณุโลก จึงสามารถมองข้าม คฝ. จนมองเห็นขบวนเสด็จด้านหลังได้ จึงไม่อาจเหมารวมจำเลย (โซน B) ว่าจะต้องรู้เห็นด้วย
.
ศาลอุทธรณ์ : รับฟังพยานที่ยืนอยู่ด้านหน้า ก.พ. และทำเนียบรัฐบาล และคนเสื้อเหลือง (โซน A) รวมถึงพยานที่ยืนอยู่บนสะพานชมัยฯ (โซน C) และจุดอื่น เช่น กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นทางผ่านของขบวนเสด็จก่อนถึงถนนพิษณุโลก แม้พยานเหล่านี้จะอยู่คนละจุดกับจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์เหมารวมจำเลย (โซน B) ย่อมรับรู้เช่นเดียวกัน
.
ศาลอุทธรณ์ยังรับฟังพยานที่เบิกความไม่ตรงกับเหตุการณ์, คนเสื้อเหลืองที่ยืนอยู่ด้านหน้า ก.พ. (โซน A) โดยอ้างว่าพยานเหล่านี้ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลย และคำพูดของพยานที่ไม่ปรากฏในคลิป รวมถึงอ้างความสูงของจำเลยบางคนสามารถมองข้าม คฝ. จนมองเห็นขบวนเสด็จด้านหลัง แต่ไม่กล่าวถึงหลักฐานความสูงของ คฝ. ในเครื่องแบบซึ่งสูงกว่าระบบสายตาของจำลย
.
นอกจากนี้ ศาลอุทธรณ์ยังอ้างถึงหมายกำหนดการเดินทางที่ปรากฏในราชกิจจาตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2563 โดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนเล็ก ๆ บางแห่ง และเฟซบุ๊กของกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันฯ (ศปปส.) ล่วงหน้า แม้ไม่มีการอ้างเส้นทาง แต่ศาลอุทธรณ์มั่นใจว่าจำเลยรับรู้ก่อนหน้านี้ ศาลอุทธรณ์จึงเชื่อได้ว่าจำเลยมี “เจตนา” ขัดขวางขบวนเสด็จ เพราะจำเลยรับรู้เส้นทางการเดินทางและมองเห็นขบวนเสด็จที่อยู่ด้านหลัง คฝ.
.
ด้านเหตุนี้ ผมจึงขอให้ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้ด้วยความระมัดระวัง รอบคอบด้วยการรับฟังพยานที่อยู่ในจุดที่จำเลยยืนอยู่เป็นหลัก ไม่ใช่พยานที่อยู่คนละจุดกับจำเลย, พยานที่เบิกความน่าเคลือบแคลง หรือพยานที่มีอคติทางการเมืองกับจำเลย รวมถึงคำพูดของพยานที่ไม่ปรากฏในหลักฐาน และการอ้างความสูงของจำเลยบางคนโดยไม่คำนึงถึงความสูงของ คฝ. ในเครื่องแบบ เพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม
.
.
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
เอกชัย หงส์กังวาน
.
.
หลังจากต้องติดคุกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2568 เอกชัยเปิดเผยกับทนายความที่เข้าเยี่ยมว่าเขาค่อนข้างกังวลเรื่องสุขภาพ ก่อนหน้านี้ในการถูกคุมขังคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อช่วงปี 2566 เขามีอาการเป็นฝีในตับ ต้องถูกส่งตัวไปรักษาและผ่าตัด โดยแม้จะมีการเจาะฝีออกไปแล้ว แต่หมอก็ยังให้มาติดตามอาการอีกเป็นระยะ อาจจะต้องทำซีทีสแกน เช็คอาการอีกครั้ง ทำให้เขาต้องการขอสำเนาเวชระเบียนจากโรงพยาบาลซึ่งเคยให้การรักษาเขาก่อนหน้านี้ มาเตรียมไว้ต่อไป
.
ในคดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 5 คน เดิมศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา โดยเห็นว่าเหตุการณ์เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนก็เพิ่งทราบเรื่องขบวนเสด็จฯ เมื่อใกล้ถึงที่เกิดเหตุ และเมื่อผู้ชุมนุมทราบว่าเป็นขบวนเสด็จฯ ก็ได้ล่าถอยไปและขบวนเสด็จก็ผ่านไปได้
.
แต่เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2568 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับ เป็นเห็นว่ามีความผิดตามฟ้อง โดยลงโทษจำคุกสูงถึงคนละ 16 ปี ส่วนเอกชัย หงส์กังวาน ถูกเพิ่มโทษตามคำขออัยการโจทก์อีก 1 ปี 3 เดือน รวมจำคุกเอกชัย 21 ปี 4 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ แต่การต่อสู้คดีในชั้นฎีกา ทั้งหมดยังไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวแต่อย่างใด
.
.
