วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 09, 2568

การปล้นทองคำที่สุไหงโก-โลก (บางแหล่งข่าวว่าได้ไปน้ำหนัก 400 บาท บางแหล่งว่า 600 บาท) ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่มีคำถามหนักที่สุดกับกองทัพภาคที่ 4 หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต่อเรื่องประสิทธิภาพของฝ่ายความมั่นคงชายแดนใต้


กวาดทอง 400 บาท! อุกอาจ! 8 โจรปล้นทองสุไหงโก-ลก

เรื่องเล่าเช้านี้

Oct 5, 2025
#ข่าวช่อง3 #สรยุทธ #เรื่องเล่าเช้านี้

เปิดนาทีระทึก 8 คนร้ายอาวุธครบมือ บุกปล้นร้านทองในห้างดังที่สุไหง-โกลก กวาดทองรูปพรรณเกือบหมดร้าน ราว 400 บาท ก่อนโรยตะปูเรือใบ-วางระเบิด 2 จุด เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 1 ราย ตำรวจเร่งไล่ล่าตัวแก๊งโจรอุกอาจ

https://www.youtube.com/watch?v=4ogN2c4NNEA
.....

Nattharavut Kunishe Muangsuk 
9 hours ago
·
การปล้นทองคำที่สุไหงโก-โลก (บางแหล่งข่าวว่าได้ไปน้ำหนัก 400 บาท บางแหล่งว่า 600 บาท) ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่มีคำถามหนักที่สุดกับกองทัพภาคที่ 4 หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต่อเรื่องประสิทธิภาพของฝ่ายความมั่นคงชายแดนใต้
เพราะเป็นการปล้นที่มีหลักฐานกล้องบันทึกภาพชัด กลุ่มกองกำลังที่ปฏิบัติการอย่างอุกอาจ ดูเป็นมืออาชีพ มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างละเอียด
และขณะปฏิบัติการ มีการใช้คำสั่งกับกลุ่ม รปภ.หรือพนักงานให้หลีกทาง และเดินผ่านกลุ่ม รปภ.ที่ยืนงงๆ "นึกว่าทหาร" เข้ามาในห้าง
สามารถปฏิบัติการสำเร็จ และหนีไปอย่างลอยนวล ง่ายเสียเหลือเกิน
คำถามสำคัญมากๆ หากเป็นดั่งที่ฝ่ายทหารระบุว่า "เชื่อว่าเป็นฝีมือ BRN" สิ่งที่ควรควบคู่กัน คือต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ "การข่าว" ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะเป็นการปฏิบัติการโดยกองกำลังติดอาวุธกลางเมืองใหญ่อย่างสุไหงโก-ลก ที่มีตรอกซอกซอย และผู้คนหนาแน่นที่สุด ไม่ใช่ร้านทองในอำเภอเล็กๆ แบบที่ผ่านมา แถมเส้นทางหลบหนีผ่านกี่ด่าน กี่ตำบล มีกล้องวงจรปิดกี่จุด กว่านำรถไปจอดทิ้งในอำเภอแว้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ผู้กอ่เหตุน่าจะหลบหนีข้ามฝั่งไปประเทศเพื่อนบ้าน
แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หลังเกิดเหตุกี่นาที ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร-ปกครอง รู้ตัว หลังงรับแจ้งเหตุ มีการวางแผนไล่ล่าอย่างไร ด่านต่างๆ บนเส้นทางเข้า-ออกจากสุไหงโก-ลก มีการสั่งการอย่างไร
ถามโง่ๆ แบบชาวบ้านก็ไม่ผิด หากเขาสงสัยว่า โดรนทหารได้ใช้ในเหตุนี้หรือไม่ "เฮลิคอปเตอร์" จะถูกนำมาใช้ในภารกิจใดในชายแดนใต้บ้าง หากไม่ใช่รับส่งผู้หลักผู้ใหญ่
และอีกนั่นแหละ ข้อมูลเหล่านี้ ไม่มีใครรู้รายละเอียด รวมถึงที่ผ่านมาการสอบสวนคดีที่เกี่ยวพันความมั่นคง ถูกปิดลับแทบทุกทาง ทำให้ทุกคดีที่ติดตามผู้กระทำผิดไม่ได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่งก็จะสูญหายไปในกลีบเมฆ
กี่คดี ที่ไขไม่ได้ กี่เหตุการณ์ที่เรื่องราวสูญหายไปในพื้นที่ ซึ่งมากมายทั้งงบประมาณและจำนวนกฎหมายพิเศษ
ยิ่งทำให้นึกย้อนกลับไป ถึงการสั่งซื้อ "เรือเหาะตรวจการณ์" สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ.)เห็นชอบอนุมัติงบประมาณจำนวน 350 ล้านบาท (ตัวเรือเหาะ 260 ล้านบาท กล้องตรวจการณ์ 70 ล้านบาท) เพราะต้องการเรือเหาะที่มีกล้องตรวจการณ์ทั้งกลางวันและกลางคืน
โดยอ้างความสำคัญว่า หากมีเรือเหาะตรวจการณ์ จะติดตามผู้ก่อเหตุได้ง่ายมาก และเสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่น้อยลง (อย่างเหตุปล้นทอง เป็นต้น...)
แต่....เรือเหาะเริ่มบินครั้งแรก 15 มกราคม 2553 ก็เจอปัญหาทางเทคนิค จนกองทัพบก จัดทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน แต่ห้ามสื่อมวลชนเข้าไปทำข่าว แต่มีรายงานว่าเรือเหาะลอยได้สูงเพียง 1 กิโลเมตร ต่ำกว่าสเปกที่กำหนดไว้คือ 3 กิโลเมตร จึงไม่สามารถใช้งานตรวจการณ์ได้และไม่พ้นระยะยิงจากพื้นดิน ต่อมาก็เจอปัญหารูรั่ว และต้องใช้ก๊าซฮีเลียมที่มีราคาแพงจนต้องจอดเก็บในโรงจอด ที่ พล ร.15 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ต่อมาในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ. ได้ว่าจ้างบริษัทมาดูแลปีละ 50 ล้านบาท มีการนำออกมาบินช่วงหนึ่ง แต่แล้วก็ต้องจอดเก็บไว้จนต้องประกาศปลดระวาง ในปี 2560 สมัย พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาร เป็นผู้บัญชาการกองทัพบก โดยอ้างว่าเรือเหาะหมดสภาพ หากปล่อยให้กำลังพลขึ้นไปประจำการณ์เกรงจะเกิดอันตราย
เป็นปริศนาการจัดซื้อจัดจ้างที่ยังไม่มีใครกล้าแตะจนทุกวันนี้!

https://www.facebook.com/nattharavutm/posts/10164000386483582