วันจันทร์, กันยายน 01, 2568

สำรวจคดี 3 พรรคการเมืองใหญ่ “ประชาชน-เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ที่ถูกมองว่าเป็น “ชนักติดหลัง” ส่งผลสมการทางการเมือง? ⁣



สำรวจคดี “ประชาชน-เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ส่งผลสมการทางการเมือง?

31 ส.ค. 2568
ไทยรัฐออนไลน์

หลัง นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญฟันพ้นจากตำแหน่งกรณีคลิปเสียงสนทนาสมเด็จฮุนเซน ทำให้ ครม.หลุดทั้งคณะ ซึ่งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยต่างประกาศตั้งรัฐบาล โดยเร่งรวบรวมเสียงพรรคร่วม และยื่นข้อเสนอเพื่อชิงเสียงของพรรคประชาชน ที่มี สส.มากที่สุดในสภา มาร่วมโหวต

เมื่อไปดู 3 พรรคการเมืองที่เป็นตัวแปรสำคัญในการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ คือ ประชาชน เพื่อไทย และภูมิใจไทย ทุกพรรคต่างมีคดีความและเรื่องที่ถูกร้องเรียนอยู่ในชั้นศาลและองค์กรอิสระ ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ชนักติดหลัง” ที่อาจส่งผลต่อสมการทางการเมือง

พรรคประชาชน

มีคดีสำคัญคือ “คดี 44 สส.ก้าวไกล” ซึ่งสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2567 นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ อดีตทนายความประจำพุทธะอิสระ ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบและเอาผิดว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ กรณีร่วมเข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ในจำนวน 44 สส. พบยังเป็น สส. พรรคประชาชนอยู่ 25 คน แบ่งเป็นบัญชีรายชื่อ 17 ราย และ สส.เขต 8 ราย โดยจำนวนมากเป็นแกนนำพรรคและ สส.ที่มีบทบาทสำคัญ เช่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรค, น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายรังสิมันต์ โรม, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นต้น

ทั้งนี้คาดว่า ป.ป.ช. ใช้เวลาไต่สวนไม่เกิน 2 ปี หรือขยายเป็นไม่เกิน 3 ปีได้ หาก ป.ป.ช.มีมติว่าฝ่าฝืน ก็จะส่งเรื่องต่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัย หากศาลรับฟ้อง ทั้ง 44 สส.จะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา และหากคำพิพากษาว่าผิดจริยธรรม จะถูกเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต และอาจถูกตัดสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปีได้เช่นกัน

นอกจากนี้จะทำให้จำนวน สส.ของพรรคประชาชน จาก 143 คน เหลือเพียง 118 คน โดยในส่วนของ สส.บัญชีรายชื่อจะไม่มีการเลื่อนลำดับขึ้นมาใหม่ เพราะประชาชนเป็นพรรคใหม่ไม่มีผู้สมัคร สส.ในระบบบัญชีรายชื่อ และต้องมีการเลือกตั้งซ่อม 8 เขต

ความคืบหน้าล่าสุด 15 ส.ค. 2568 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช.เผยว่า ขั้นตอนแก้ข้อกล่าวหาดำเนินการครบถ้วนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาคำแก้ข้อกล่าวหา และพิจารณาตามคำร้องขอของผู้ถูกร้อง ในกรณีที่อาจจะขอให้ไต่สวนเพิ่มเติม ส่วนที่มีจำนวนผู้ถูกร้องมาก จะส่งผลถึงกรอบเวลาการพิจารณาหรือไม่ นายสาโรจน์ระบุว่า เมื่อมีผู้ถูกกล่าวหาหลายราย มีรายละเอียดพยานหลักฐานมาก ก็อาจจะใช้เวลาในการสรุปสำนวนมากกว่า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
 


พรรคเพื่อไทย

มีคดี “ทักษิณครอบงำพรรค” ถูกยื่นตรวจสอบ ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใด อันทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง

วันที่ 31 ต.ค.67 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ได้รับคำร้องให้ตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ โดยมีคำร้องยื่นเข้ามา 4 คำร้อง และ กกต.รวมไว้เป็นสำนวนเดียวกัน และให้คณะกรรมการฯ รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน สอบปากคำคนที่เกี่ยวข้อง และเสนอต่อเลขาธิการ กกต.

ซึ่งถ้าหากเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นเช่นนั้น ก็จะเสนอเรื่องให้ที่ประชุม กกต. พิจารณา ถ้ามีมติเห็นด้วยก็จะส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป แต่ถ้าเลขาธิการ กกต. เห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีข้อเท็จจริงเพียงพอ เชื่อถือได้ว่าการกระทำนี้ไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมือง ก็จะสั่งยุติเรื่อง

ขณะที่ นายวัส ติงสมิตร อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา โพสต์ถึงกรณีนี้เมื่อ 12 ก.ค.68 หาก กกต.ฟันว่านายทักษิณครอบงำพรรคจริง พรรคเพื่อไทยอาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคได้ เมื่อ กกต. ร้องขอ และทักษิณอาจมีความผิดอาญา มีโทษจำคุก ตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 1-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลต้องสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2568 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เผยว่า ตอนนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทำเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง

นายแสวงได้ยุติคำร้อง 3 เรื่องเนื่องจากไม่มีมูลมากเพียงพอ มี 8 เรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณา และ 4 เรื่องนั้นอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีการยื่นคำร้องมาอีก 1 เรื่อง ถ้าหากประเด็นเหมือนกันก็นำไปรวมสำนวนกันได้

ขณะเดียวกันยังมี "คดีชั้น 14" ที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาในวันที่ 9 ก.ย.68 นี้ แม้คดีนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยโดยตรง แต่เป็นคดีของผู้มีบารมีในพรรคอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ซึ่งหากถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด คาดว่าจะกระทบแนวทางการดำเนินการในพรรคไม่น้อย
 


พรรคภูมิใจไทย

มีคดี “ฮั้วเลือก สว.” กรณีนี้ได้มีผู้ยื่นคำร้องที่เกี่ยวข้องกับปมฮั้วเลือก สว.กันตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. 2567 โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือความผิดฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ที่ทำให้การเลือก สว. ใน พ.ศ. 2567 ไม่สุจริตเที่ยงธรรม อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต.

ทางคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง ชุดที่ 26 ซึ่งร่วมมือกันระหว่าง กกต.และ ดีเอสไอ ได้ร่วมกันทำงานตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.2568 ต่อมาวันที่ 17 ก.ค.2568 ได้สรุปผลสอบสวน ส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณาดำเนินคดีผู้ถูกกล่าว 229 คน แบ่งเป็น สว.ที่ดำรงตำแหน่ง 138 คน และกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยและเครือข่าย 91 คน เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค, นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค เป็นต้น โดยให้เลขาธิการ กกต.ทำความเห็น ส่งที่ประชุม กกต.มีมติ

ความคืบหน้าล่าสุด 15 ส.ค.2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้รองเลขาฯ ฝ่ายสืบสวนดูแลและทำความเห็น โดยมีกรอบเวลา 30 วันแต่สามารถขยายได้เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมาก จากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ กกต.ชุดใหญ่ต่อไป ซึ่งหากมีมติเห็นพ้อง ก็อาจนำไปสู่การร้องต่อ กกต.ให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค

ส่วนที่ 2 คือความผิดอาญา ฐานฟอกเงินและอั้งยี่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา นายระวี อักษรศิริ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เปิดเผยว่า ได้มีการสอบพยานมากกว่า 100 ปาก และจะมีการสอบเพิ่มอีกราว 1,200 ปาก โดยคาดว่าจะออกหมายจับผู้ต้องหาได้ใน 1-2 เดือนนี้



https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2879937