วันอังคาร, ตุลาคม 15, 2567

"อยากให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นจริง เหลือเรามีชีวิตรอด จึงอยากพูดแทนเพื่อนที่บาดเจ็บและเสียชีวิต เพราะคนที่ตายไปแล้วพูดไม่ได้ ถ้าเราไม่ออกมาพูด เราก็จะกลายเป็นคนผิดตลอดไป" มะรีกี ดอเลาะ หนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547


 




The Reporters @thereportersth

JUSTICE:"อยากให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นจริง เหลือเรามีชีวิตรอด จึงอยากพูดแทนเพื่อนที่บาดเจ็บและเสียชีวิต เพราะคนที่ตายไปแล้วพูดไม่ได้ ถ้าเราไม่ออกมาพูด เราก็จะกลายเป็นคนผิดตลอดไป"

มะรีกี ดอเลาะ หนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547

มะรีกี เดินด้วยไม้เท้าสองข้าง เพราะกลายเป็นคนพิการขาขวา ถูกตัดไปจากบาดแผล ที่เขาไม่รู้ตัวว่าถูกยิงที่หน้า สภ.ตากใบ ในวันนั้น ส่วนมือสองข้างก็ใช้การไม่ได้ กลายเป็นมือที่หงิกงอ จากการถูกมัดมือไขว้หลัง แล้วถูกวางซ้อนในรถบรรทุกทหาร มะรีกี ถูกทับอยู่ในชั้นที่สอง นอนกองรวมกันกับเพื่อนนานกว่า 6 ชั่วโมง

"วันนั้นผมแค่จะไปซื้อเสื้อไว้ใส่งานรายอที่ตากใบ ก็เห็นคนไปรวมกันที่หน้าโรงพักเยอะมาก เลยไปดู แต่พอคนเริ่มมากเข้า จะออกมาก็ออกไม่ได้ เพราะตำรวจทหารมากันมาแล้ว พอเขาสลายการชุมนุม ผมก็ถูกจับ ตอนนั้นเขามัดมือไขว้หลัง เอาเสื้อเราไปมัด แล้วให้ไปอยู่ในน้ำอยู่นาน จนให้มานอนกองรวมกันหน้าโรงพักเพื่อรอรถบรรทุก"

มะรีกี เล่าเหตุการณ์วันนั้นได้อย่างแม่นยำ เขายืนยันว่าไม่ได้ไปร่วมชุมนุม แต่ถูกจับกุมไปด้วย ตอนนั้นถูกถอดเสื้อ ระหว่างนอนรอขึ้นรถทหาร อากาศก็ร้อน นอนบนถนนร้อนยางมะตอย จนกว่ารถแต่ละคันจะออกไป มะรีกีบอกว่าตอนนั้นเขากลัว เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

"ผมอยู่ในน้ำนานเหมือนกัน กว่าปืนจะสงบ ตอนอยู่ในน้ำมีหนีแก๊สน้ำตา ไปล้างแผลที่ทหารขว้างก้อนหินโยนมา พอล้างเสร็จ คนที่อยู่แถวนั้นบอกว่าหมอบลงทหารยิง ผมนอนลงในน้ำไปดูมีคนถูกยิงที่แก้ม ก็ถูกยิง อยู่ในนั้น เหลือแต่จมูกหายใจ จากนั้นเขาให้ลุกขึ้นจากน้ำไปรอที่บันได ไปถอดเสื้อ เอามือไขว้หลัง ให้ก้มหน้า แล้วหมอบตัวลงกับพื้นสนามเด็กเล็ก จากสนามเด็กเล่นไปรอรถบนถนน ตอนนั้นร้อนยางมะตอย เสื้อไม่ได้ใส่ นานกว่ารถคันแรกจะไปและคันที่ 2 และคันที่ 3 จะออกไป ต้องก้มหน้าด้วย ทหารไม่ให้เงยหน้า ถ้าเงยหน้าจะเตะ และเอาด้ามปืนตี ตอนนั้นรู้สึกกลัวว่า เราทำผิดไหม แล้วเราจะพูดยังไง เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด"

มะรีกี บอกว่า ตอนถูกนำตัวขึ้นรถทหาร แล้วถูกให้นอนซ้อนกัน เขาคิดว่าเขาจะตายไปแล้ว เพราะตอนอยู่ในรถ ถ้ามีใครส่งเสียงร้อง คนที่คุมในรถบอกว่า ถ้าไม่หยุดร้อง รถจะไม่เร่งไปนะ และถ้าใครร้อง จะเอาด้ามปืนมาตี "ผมต้องห่อตัวให้พอมีช่องว่างเพื่อจะได้หายใจได้ ตอนนนั้นได้ยินเสียงกระทืบและเอาด้ามปืนตีข้างบน มีคนคุมอยู่ในรถ เราได้ยินเสียงเขาพูดว่า ถ้าไม่หยุดร้อง จะไม่เร่งไปนะ มีคนส่งเสียงว่าเงียบหน่อยจะได้ไป ทั้งๆที่เราเจ็บ อึดอัด บอกไม่ถูก ถ้าคิดว่าจะร้องนี่มันก็จะเจ็บมาตลอด"

มะรีกี ร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น เขาบอกว่าเวลานั้น คิดว่าตัวเองจะตาย 90% เพราะหายใจลำบากมาก ต้องพยายาม นาทีนั้นต้องให้มีช่องอากาศหายใจ ถ้าอยู่แบบนั้นหายใจไม่ได้

"เราต้องพยายาม จะหนักแค่ไหนก็พยายาม ผมก็อ่อนล้า เพราะนาน และตัวชิดแน่นกัน ขยับตัวลำบาก ในใจคิดถึงแต่อัลเลาะห์ให้ช่วย เพราะคิดว่าตัวเองจะตายแล้ว"

มะรีกี บอกว่า เขามีชีวิตเป็นคนพิการมา 20 ปี เขาโชคดีที่รอดชีวิต ที่ผ่านมาเขาไม่ได้อยากพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเราไม่พูดออกไป เราจะอยู่กับความผิดไปตลอดชีวิต ทั้งๆที่ไม่ได้ผิด
"ผมอยากให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นจริง เหลือเรามีชีวิตอยู่ได้ ก็อยากพูดแทนเพื่อนที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ได้เป็นตัวแทนทุกคน เพราะคนที่ตายไปแล้ว ก็พูดไม่ได้ แล้ว"

มะรีกี ย้ำถึงเหตุผลที่เขาร่วมกับญาติผู้เสียชีวิต ยื่นฟ้องอดีตข้าราชการระดับสูง ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม 85 คน

มะรีกี ยอมรับว่า ถึงเวลาต้องออกมาพูดเพื่อทุกคน เพื่อศักดิ์ศรีของเรา ถ้าไม่ลุกมาพูด เราจะกลายเป็นคนผิดไปตลอด ทั้งๆที่ไม่ได้ผิดอะไร ส่วนคนผิดก็ลอยนวลไปตามกาลเวลา

ภาพถ่ายบ้านที่ใช้เป็นสถานที่พักฟื้น เป็นความทรงจำของมะรีกี ต่อเหตุการณ์ตากใบ เขาใช้เวลาที่ต้องผ่านความรู้สึกเจ็บปวดทางร่ายกายและจิตใจ จากบ้านพักหลังนี้

ภาพถ่ายบ้านของมะรีกี จัดแสดงในงานนิทรรศการ ลบ ไม่เลือน 20 ปี ตากใบ โดยโครงการพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุจังหวัดชายแดนใต้ ที่อุทยานการเรียนรู้ TK Park นราธิวาส ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ต.ค.2567

รายงาน : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย
ภาพ : หมัดซูฟัน ดาโอะ
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #มะรีกี #ตากใบ #20ปีตากใบ


https://x.com/thereportersth/status/1845639990140907646