พรรคสามัญชน - Commoners Party
15h
แถลงการณ์พรรคสามัญชน
รัฐบาลไทยต้องชี้แจงต่อสาธารณะกรณีละเมิดกฎหมายป้องกันการทรมานและอุ้มหาย จากเหตุที่ ตม. จับกุมและส่งกลับทหาร PDF 3 คน จนเป็นเหตุให้ทหาร PDF ทั้งสามถูกทหารเมียนมาสังหารชีวิต
.
5 เมษายนที่ผ่านมา สื่อในประเทศเมียนมารายงานว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของไทยจับทหารกองกำลังปกป้องพลเรือน (PDF) 3 คน ขณะกลับจากรักษาตัวที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วส่งตัวให้กองทัพเมียนมา ซึ่งรายงานล่าสุดแจ้งว่าทหาร PDF ทั้งสามนายถูกทหารเมียนมาสังหารแล้ว
พรรคสามัญชนเห็นว่าการที่รัฐบาลไทยโดย ตม. ขัดขวางไม่ให้ทหารฝ่าย PDF ได้รับการรักษาพยาบาล อาจเป็นการละเมิดกฎหมายสงคราม ตาม Article 13 ของ Geneva Convention III ยิ่งถ้าเป็นการส่งกลับไปจนถูกประหัตประหารหรือถูกซ้อมทรมานก็เป็นการละเมิดอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและหลักการไม่ส่งกลับ non-refoulement เป็นการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม เหตุเพราะมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งเป็นอาชญากรสงครามให้กระทำการที่โหดเหี้ยม ทารุณและบ้าคลั่งยิ่งขึ้นต่อประชาชนของตน
ไม่เพียงเท่านี้ รัฐบาลไทยน่าจะกระทำผิดซ้ำซ้อนสองชั้นด้วยการละเมิดทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ ด้วยเหตุที่กฎหมายป้องกันการทรมานและอุ้มหาย หรือพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 13 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้น จะไปตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกกระทำทรมาน ถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือถูกกระทำให้สูญหาย” เหตุเพราะรู้อย่างชัดแจ้งตั้งแต่ต้นว่าทหารฝ่าย PDF คือกองกำลังปกป้องพลเรือนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับการกระทำอย่างโหดเหี้ยม ทารุณและบ้าคลั่งต่อประชาชนของเผด็จการทหารเมียนมานับตั้งแต่เกิดรัฐประหารครั้งล่าสุด
พรรคสามัญชนจึงขอแถลงการณ์โดยขอประณามและเรียกร้อง ดังนี้
1. ประณามการกระทำของรัฐบาลไทยต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ที่ไร้มนุษยธรรม ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ทำงานตามใบสั่งของรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมา เข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงคราม เหตุเพราะมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมาผู้เป็นอาชญากรสงคราม
2. ขอให้รัฐบาลรักษาการณ์ของประยุทธ์ต้องออกมาชี้แจงต่อสาธารณะว่าเหตุใดถึงต้องละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศจากเหตุที่ ตม. จับกุมและส่งกลับทหาร PDF 3 คน จนเป็นเหตุให้ทหาร PDF ทั้งสามถูกทหารเมียนมาสังหารชีวิต
ด้วยความเคารพ
พรรคสามัญชน
8 เมษายน 2566
จากกรณีทางการไทยส่งตัวชาวเมียนมา 3 คน ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมา ที่เข้ามารักษาอาการป่วยในประเทศไทย กลับไปให้รัฐบาลเมียนมา โดยมีรายงานในภายหลังว่าผู้ที่ถูกส่งกลับ 1 คน ถูกสังหาร
— พรรคก้าวไกล 164 🏳️🌈 Move Forward Party (@MFPThailand) April 8, 2023
อ่านความเห็นของ @RangsimanRome โฆษกพรรคก้าวไกลต่อได้ใน Thread นี้#พรรคก้าวไกล pic.twitter.com/TNUqlAIa4j
"เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความแนบแน่นของรัฐบาลเผด็จการไทยกับเผด็จการเมียนมาที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในเมียนมายากจะคลี่คลาย ทำให้สถานะของรัฐบาลไทยตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญของรัฐบาลทหาร มิน อ่อง หล่าย"
ความสัมพันธ์เช่นนี้ กำลังทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง การส่งตัวทั้งสามคนกลับไปทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าประเทศไทยไม่เคารพในเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งที่รู้ว่าการส่งตัวกลับอาจทำให้ทั้งสามคนถึงแก่ชีวิตได้ ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในด้านสิทธิมนุษยชนต่อเวทีต่างประเทศเลวร้ายลง เป็นเครื่องสะท้อนที่ชัดเจนว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยสนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน
สายสัมพันธ์แบบนี้ยังส่งผลกระทบถึงสถานการณ์ภายในประเทศไทยเอง โดยเฉพาะในกรณีปัญหายาเสพติด ที่ทุกคนรู้กันจากข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่ายาเสพติดจำนวนมากข้ามมาจากฝั่งเมียนมา กรณีของ ‘ส.ว. ทรงเอ’ เป็นหนึ่งในรูปธรรมถึงความแนบแน่นที่ชัดเจน คือความสัมพันธ์ระหว่างคนสนิทของ มิน อ่อง หล่าย อย่าง ทุน มิน ลัต กับ ส.ว. ทรงเอ ที่ถูกเลือกมาโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยังนำอาคารสำนักงานของตัวเองมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เป็นสำนักงานพรรคการเมือง
สังคมจึงย่อมตั้งคำถามได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองเผด็จการอำนาจมืดนี้ ได้ต่อยอดกลายเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการค้ายาเสพติด ให้ทำธุรกิจค้ายาและฟอกเงินในประเทศไทยได้อย่างง่ายดายหรือไม่ และเงินที่ได้จากการค้ายาเหล่านี้เอง ก็ถูกส่งกลับไปที่เมียนมา เปลี่ยนเป็นอาวุธของกองทัพเผด็จการ นำไปใช้ห้ำหั่นประชาชนในประเทศเมียนมาต่อไป กลายเป็นวิกฤติสิทธิมนุษยชนไม่จบสิ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างเผด็จการสองประเทศนี้ จึงมีส่วนอย่างมากในการทำลายทั้งประเทศไทยและทำลายประเทศเมียนมาเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดอย่างมาก ที่ประเทศไทยของเรามาไกลถึงขนาดนี้
“หน้าที่ของเราควรจะเป็นการแก้ปัญหาเมียนมา แต่ทำไมกลับกลายเป็นว่าเรามีส่วนสำคัญทำให้ให้วิกฤติการณ์ของเมียนมาเลวร้ายมากขึ้น ที่ชอบพูดกันว่าเราต้องสร้างสัมพันธ์อันดีเพื่อสร้างพื้นที่ในการพูดคุยแก้ปัญหาวิกฤติเมียนมา สุดท้ายขอตั้งคำถามว่ามันเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้นหรือไม่ ความจริงแล้วรัฐบาลไทยใช้ความสัมพันธ์ของสองประเทศในการทำธุรกิจ ซึ่งนำไปสู่การทำลายล้างชีวิตมนุษย์ด้วยกันในทั้งสองประเทศหรือไม่”
@RangsimanRome