วันเสาร์, กรกฎาคม 10, 2564

“ถ้ายังระบาดเยอะๆ แบบนี้” ให้เตรียมโหลดแอ้พ “คนละเมรุ วัดชนะ พระพร้อม กับ เรารักสับเหร่อ ได้เลยนะจ๊ะ”


ใครๆ ก็รู้ว่าการประกาศมอบเงินเดือน ๓ เดือนให้กับกองทุนแก้ไขปัญหาโควิด เป็นแค่มุขโฆษณาตัวเองลดกระแสก่นด่า ว่าไร้ความสามารถในการบริหารบ้านเมือง ที่แม้แต่สาวก กปปส.หลายคนชักจะรับไม่ได้กันแล้ว ออกมา คอลเอ๊าท์ ตรงๆ บ้าง เลี่ยงบ้าง

เงินสามแสนกว่าเป็นค่าหยดน้ำบนดินแล้ง ซึ่งมีเสียงถากถางเปรียบเปรย “เงินเดือนไม่เท่าเงินทอน” บ้าง “ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ” ล่ะไฉนยังตีขลุม ส.ส.ก้าวไกล อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ฟื้นความหลัง ๕ เดือนที่แล้วเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ

“อยู่บ้านหลวงไม่นำค่าน้ำค่าไฟไปคำนวณเป็นรายได้พึงมีเพื่อเสียภาษี และถ้าเกิน ๓ พันบาทยังผิดกฎหมาย ปปช.ด้วย” ไม่ระแคะระคายผู้นำสไตล์เผด็จการรัฐสภา (ผ่านทาง สว.ตู่ตั้ง) ได้ แล้วแค่ไม่เอาเงินเดือน ๓ เดือนนี่จะล้างมลทินได้หรือ

มลทินร้ายแรงที่สุดก็นี่แหละ ครองเมืองมา ๗ ปี ทำให้บ้านเมืองมาถึงจุดที่การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ วันนี้ ๙,๓๒๖ ราย และไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ประชาชนเสียชีวิตวันละหลายสิบ ถึง ๑๐ กรกฎา สะสมกว่า ๒,๕๐๐ ศพ วันนี้วันเดียว ๙๑ คน


ก่อความประหวั่นพรั่นพรึงต่อไพร่ฟ้าประชากรกันถ้วนหน้า (ไม่ค่อยใส) จนบางคนบอกว่าถ้าจะจ่ายเงินไถ่บาป ๓ เดือนไม่กระดิกหรอก อย่างน้อยๆ ต้องจ่ายคืนเงินเดือนที่รับไปทุกเดือนตลอด ๗ ปีที่ผ่านมา และอีกบางคนที่ ‘high profile’ เด่นดังหน่อยเสนอไอเดีย

ที่ถ้าทำได้จะเป็นประโยชน์แก่ชาติอย่างมหาศาล เชื่อว่ามันน่าจะเริ่มมาจากการประกาศของ สุชาติ สวัสดิศรี มอบเงินสมนาคุณศิลปินแห่งชาติของตนช่วยแก้โควิด โดยชักชวนให้ศิลปินอื่นเอาอย่าง เลยคงทำให้ ไอทู้บ เกิดอารมณ์ศิลปินบ้างมั้ง

สำหรับนายกรัฐมนตรี ใครล่ะจะเอาอย่าง พวกรองๆ ล้วนแต่ยัง หิว กันอยู่ทั้งนั้น บ้างรับจ้างเขียนกฎหมาย บ้างขายป่าเป็นกุศล บ้างรับเหมาก่อสร้างแบบต้องต่อสัญญาสี่ซ้าห้าหนกว่าจะเสร็จ บางคนใครถามถึงทรัพย์สินตอบได้แค่ “มีแต่แป้ง”

Pavin Chachavalpongpun นั้นโผงผางออกมาเลย “เงินเดือน ๓ เดือนของมึงช่วยห่าอะไรไม่ได้ ต้องตัดงบกษัตริย์อย่างน้อยครึ่งนึง แล้วเอามาซื้อวัคซีนดีๆ ถึงจะแก้โควิดได้ อีฉิบหาย” ส่วน อานนท์ นำภา นั่นเสนอถึง ๓ ข้อว่าถ้าทำได้ละก็สุดยอดสมฐานานุกรม

ที่จริงแค่ข้อ ๑ ข้อเดียวก็เหลือแหล่ “เอาเงินของราชบัลลังก์อันเป็นของคนทั้งชาติมาใช้เยียวยาปัญหาโควิด คนจะได้เห็นประโยชน์ของการมีสถาบันกษัตริย์อันจะนำไปสู่การคงอยู่ในสังคมไทยต่อไป” และ “ย่อมมีเกียรติและสามารถดำรงอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง”

ก็คงจะเรียกร้องมากเกินไปสักนิดละมัง สังเกตุจากพฤติกรรมที่ผ่านๆ มาในช่วงวิกฤตโควิดนี่ เห็นมีพระราชทานรถตรวจหาเชื้อโควิดเคลื่อนที่ เป็นสิบๆ คันแน่ะ เป็นที่ปลื้มปลาบกันแล้วยิ่งนัก หากแต่พอไอ้เจ้าโควิดมันแผลงฤทธิ์หนักกลับหายจ๋อย

ตอนนี้รัฐบาลผนังว่างเปล่า (เลิกแขวนรูปปิดทองหลังพระแล้ว) ระดมตรวจหาเชื้อโควิดขนานใหญ่ ตั้งหน่วยตรวจสามสี่แห่งทั่วกรุง ตรวจวันละ ๙๐๐ ราย ก็เออว่ะ มาช้าดีกว่ามาไม่ถึงเสียที ตามหลักการที่ควรต้องทำนานแล้ว วานนี้เป็นวันที่สอง

ปรากฏว่าที่จุดใหญวัดพระศรีมหาธาตุ คนไปเข้าคิวรอตรวจกันยาวเหยียด ถึงขนาดกางเต๊นท์นอนรอกันเลยเชียว เขาเริ่มแจกบัตรคิวตั้งแต่หกโมงเช้า วันแรกคนไปรอตั้งตีสาม วันที่สองขยับไปเป็นสี่ทุ่ม วันนี้น่าจะต้องรอกันข้ามวัน

“เหมือนเดิมครับค่ำคืนนี้ ประชาชน พวกเค้ายังคงต้อง ต่อแถว หน้าวัดพระศรีมหาธาตุฯ และพวกเค้ามาเข้าคิวตั้งแต่ ‘4 ทุ่ม! เร็วกว่าเดิม บางคนหอบผ้าห่ม ร่ม ฯลฯ เหมือนเดิม แต่ละวันได้แค่ 900 คิว” Art Eakarat@EakaratTkn ทวี้ต

นั่นไม่ต้องเอี่ยวกับเรื่อง การรอ ที่ผ่านๆ มา ตามหน้าโรงพยาบาลและสถานตรวจรักษาโควิดของเอกชน เพราะเตียงเต็ม ตายคารถ หรือตายคาห้องระหว่างรอโทรศัพท์ตอบกลับ ล้วนด้วยวีบริหารจัดการอย่างโคตร ไฮเท็ค ของรัฐบาล ๐.๔

จึงได้มีผู้ที่อารมณ์ ขัน แบบโก่งอ้อก (ไม่เอ้ก) ออกมาเมื่อคอหายแข็ง สะท้อนความเป็น นักแอ็พ ของรัฐบาลนี้ เขาว่า “ถ้ายังระบาดเยอะๆ แบบนี้” ให้เตรียมโหลดแอ้พ “คนละเมรุ วัดชนะ พระพร้อม กับ เรารักสับเหร่อ ได้เลยนะจ๊ะ”

(https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=5780185602022788&id=100000942179021 และ https://www.facebook.com/100563224683217/posts/560878301985038/)