The MATTER
9h ·
BRIEF: พรรคกรีนแห่งเยอรมนีประกาศยืนข้างผู้ชุมนุม 13 คน ที่ถูกฟ้องในคดี ม.112 จากการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี
.
อีกหนึ่งสัญญาณว่าโลกกำลังจับตามองเราอยู่ เมื่อพรรคกรีนแห่งเยอรมนีออกแถลงการณ์ถึงการดำเนินคดีผู้ชุมนุม 13 คน ในคดี ม.112 ซึ่งสั่งฟ้องไปแล้วในวันนี้ (22 กรกฎาคม) โดยระบุว่า ต้องอนุญาตให้ประกันตัวได้ พร้อมรับประกันว่าจะพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากสถานทูตเยอรมนีติดตามกระบวนการดำเนินคดีได้
.
เนื้อหาของแถลงการณ์ ระบุว่า เราขอแสดงจุดยืนร่วมกับผู้ชุมนุมทั้ง 13 คน ซึ่งได้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยร่วมกับผู้คนอีกจำนวนมาก ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.2020 และปัจจุบันถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์
.
“หากมีการสั่งคุมขังกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าว จะต้องอนุญาตให้สามารถประกันตัวได้ รวมถึงต้องรับประกันว่าจะพิจารณาคดีของผู้ชุมนุมอย่างยุติธรรม และต้องรับประกันว่าจะเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีสามารถติดตามกระบวนการดำเนินคดีได้"
.
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า รัฐบาลทหารของประเทศไทยได้ตอบโต้การชุมนุมเรียกร้องการปฏิรูปตามหลักประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐเคารพสิทธิพลเมืองที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยการใช้ความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ (มาตรา 112) เพื่อปิดปากผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล จนถึงตอนนี้ มีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 100 ราย และมีการฟ้องร้องคดีแล้วหลายราย
.
“เราขอประณามการดำเนินการที่รุนแรงต่อผู้ที่ชุมนุมอย่างสันติ ซึ่งรวมไปถึงการฟ้องร้องคดีโดยมีแรงจูงใจทางการเมือง ในประเด็นนี้เรายังได้แสดงจุดยืนในจดหมายที่ได้ยื่นแก่สถานทูตไทยไปแล้วด้วย เราขอยืนหยัดอยู่ข้างทุกคนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิผลเมืองโดยสันติ”
.
“รัฐบาลเยอรมันและสหภาพยุโรปมีหน้าที่ต้องปกป้องประชาธิปไตย การแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีและเสรีภาพในการชุมนุม อันเป็นคุณค่าพื้นฐานของยุโรป โดยเฉพาะจากการปกครองแบบอำนาจนิยม การฟ้องร้องคดีโดยมีแรงจูงใจทางการเมืองต้องถูกกล่าวถึงและถูกประณามอย่างเปิดเผย”
.
ผู้ชุมนุมทั้ง 13 คน ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดใน ม.112 และ ม.116 โดยอัยการได้สั่งฟ้องในวันนี้ พร้อมกับที่ตัวแทนสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทยเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย และต่อมาศาลได้อนุญาตให้ประกันระหว่างพิจารณาคดี และนัดสอบคำให้การวันที่ 11 ตุลาคมนี้
.
.
อ้างอิงจาก
https://tlhr2014.com/archives/32465
https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_446576
https://www.thairath.co.th/news/crime/2147653
https://www.gruene-bundestag.de/.../thailand-forderung...
วันพฤหัสที่ 22 ก.ค. นี้ เยาวชน 13 คนจะถูกส่งฟ้องในข้อหา ม.112 - พวกเขาแต่ละคนอ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมันเพียงคนละ 1-2 นาที (ใน 3 ภาษา) แต่อาจถูกตัดสินให้ถูกกักขังอยู่ในคุกยาวนานถึง 3-15 ปี/ ไม่มีประเทศใดในโลกบังคับใช้กม.เพื่อทำลายชีวิตเยาวชนเช่นนี้ #112เท่าที่เล่าได้ pic.twitter.com/CPgXlNyaop
— prajak kong (@bkksnow) July 20, 2021
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
8h ·
วันนี้ (22 ก.ค. 64) พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นักกิจกรรมและประชาชนรวม 13 ราย ผู้ปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ในการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี #ม็อบ26ตุลา หรือ #26ตุลาไปสถานทูตเยอรมัน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 ในฐานความผิด “ร่วมกันหมิ่นประมาทกษัตริย์” มาตรา 112, “ร่วมกันยุยงปลุกปั่น” ตามมาตรา 116 และร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้
.
ด้าน “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ หนึ่งในจำเลย ได้ขอแถลงต่อศาล ขอให้ศาลกำหนดเงื่อนไขที่รัดกุมและชัดเจน เนื่องจากในคดีลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ การที่ศาลตั้งเงื่อนไขการประกันตัวที่กว้าง ทำให้ต้องมีการไต่สวนถอนประกันหลายครั้ง ต้องการข้อยุติเพื่อให้ยอมรับโดยสดุดี ก่อนศาลให้ประกันตัวทั้งหมด พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามกระทำความผิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อีก ให้มาศาลตามนัดทุกนัด โดยถือปฏิบัติเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรก่อนได้รับอนุญาตจากศาล
.
ทั้งนี้ พนักงานอัยการได้บรรยายคำฟ้องในคดีนี้ว่า "แถลงการณ์และคำปราศรัยทำให้ผู้อ่าน ฟัง และทราบข้อความเข้าใจว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงใช้พระราชอํานาจเข้าไปแทรกแซงการเมืองและการปกครอง ทรงใช้พระราชอํานาจบนดินแดนประเทศเยอรมันโดยมิชอบ ทรงเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการ ทรงอยู่เบื้องหลังการใช้กําลังทรมานกับประชาชนก่ออาชญากรรมร้ายแรงกระทําการเป็นอันเป็นละเมิดสิทธิมนุษยชน นิยมฝักใฝ่ในระบอบเผด็จการนาซี อันเป็นการใส่ความพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อบุคคลที่สามด้วยความเท็จ ทำให้พระองค์เสื่อมเสียพระเกียรติยศ"
.
.
อ่านต่อ: https://tlhr2014.com/archives/32493