วันพุธ, กรกฎาคม 28, 2564

แชร์ "ลุงสัปเหร่อสอนรัฐบาล...ไว้อาลัย ๔,๑๔๖ ศพ ที่เสียชีวิตด้วยโควิด-๑๙" และ "เรามาแต่งดำเพื่อรำลึก ‘วันเฉลิม’ กันเถอะครับ"


อย่างที่ “ลุงสัปเหร่อสอนรัฐบาล” นี่จัดเป็นเฟคนิวส์ในมโนของ ประยุทธ์ไหมเนี่ย “คุณทำผิดพลาด แล้วคุณมาทิ้งภาระให้พวกผมแบบนี้...คุณเอาเงินไปซื้อวัคซีนดีๆ มาฉีดให้เขาแค่พันกว่าบาท คุณเอาเงินมาให้เขา ๕ พันเอามาทำไม เอามา (แล้ว) ชีวิตรอดมั้ย”

ลุงแกไม่ได้หมายถึงคนที่นอนบ้างนั่งบ้าง ตายข้างถนนที่ชักจะเกลื่อนแล้วละนะ ซึ่งนอกจากเป็นผู้ใช้แรงงานต้องตรากตรำทำมาหากิน ไม่สามารถเก็บตัวอยู่กับบ้านเหมือนนายกฯ ได้ กับจำนวนไม่น้อยที่เป็นคนไร้บ้าน ซึ่งหน่วยงานรัฐแม้เกี่ยวข้องก็มองข้าม

จุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ พูดถึงปัญหาคนไร้บ้านในรายการ สุทธิชัย หยุ่น ว่าประการหนึ่งคนเหล่านั้น “ไม่ยอมเข้าบ้านพักที่รัฐจัดไว้ให้” เป็นเหตุผลได้ แต่ไม่ใช่ข้ออ้างปล่อยให้มีการนอนตายข้างทาง ในวิกฤตโควิด แม้จะมีการตรวจเชื้อคัดกรองแล้ว

“ครั้งนั้นได้ทำการตรวจคัดกรองคนไร้บ้านได้อยู่ประมาณ ๑๐๐ กว่าคน และพบผู้ติดเชื้ออยู่ประมาณหลัก ๑๐ คน แสดงว่ายังมีคนไร้บ้านอีกมากที่ยังไม่ได้ทำการตรวจคัดกรอง” มูลนิธิกระจกเงา ให้ความกระจ่างจากคำพูดที่ดูจะเข้าข่าย เฟคนิวส์ ของรัฐมนตรี

รัฐมนตรียังให้ข้อมูลผิดๆ ด้วยว่า “คนไร้บ้านจะอยู่ในช่วงอายุ ๔๐-๕๐ ทั้งนั้นเลย ก็ไม่ใช่อายุ ๖๐ ไม่ได้เกิน ๖๐ แล้วก็ไม่ได้มีโรค...จึงไม่ได้จัดวัคซีนให้ในลำดับต้นๆ” มูลนิธิฯ ต้องแก้คำผิดให้อีก “ที่ผ่านมาพบว่าคนไร้บ้านกว่า ๓๑% อยู่ในวัยอายุ ๕๐-๖๐ ปี

ส่วนอายุเกิน ๖๐ ปีขึ้นไปนั้นมีอยู่ถึง ๓๐% และเกินกว่าครึ่งของคนไร้บ้านนั้นมีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดัน โรคไต โรคติดเชื้อต่างๆ อย่างวัณโรค HIV” มูลนิธิฯ แนะว่า “วัคซีนต้องไปหาเขา...ไปถึงที่ที่เขาอยู่อาศัยนั้น เป็นเรื่องที่ควรทำที่สุด”

ดังนี้ ที่ประยุทธ์สั่งให้กระทรวงทบวงกรมต่างๆ จัดการกับปัญหาเฟคนิวส์ด้วยการระดมฟ้องร้องเอาผิดตาม “ข้อกำหนดข้อที่ ๑๑ จากประกาศฉบับที่ ๒๗ ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน...ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน คนดัง หรือเพจต่างๆ ไม่ใช่จับแค่ชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น”


ทั่นก็พูดความจริงไม่หมด เหมือนที่ รมว.พัฒนาสังคมฯ เต้า แล้วอย่างนี้จะเป็นมาตรการ “ชัดเจน โปร่งใส เป็นธรรม” และสามารถ “ดำเนินคดีกับคนผิดได้จริงๆ” ดังคำสั่งของทั่นได้อย่างไรกัน การไล่ฟ้องใครที่บังอาจตำหนิติติงรัฐบาล ไม่ทำให้แก้ไขสถานการณ์ได้

ขณะนี้ “ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเพียง ๓๔,๐๐๐ คน ณ เดือนพฤษภาคมปีนี้ เทียบกับปี ๒๕๖๒ ที่มีนักท่อเที่ยว ๓๙ ล้านคน” และ “การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคิดเป็นประมาณ ๑๑ของ GDP ของไทยในปี ๒๕๖๒ ก่อนเกิดโรคระบาด”

ทำให้รัฐบาลประยุทธ์พยายามผลักดันการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวให้ได้ภายในเดือนตุลาคม แต่กลับหกคะเมน ‘failed’ ไม่เป็นท่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้นพอเปิดได้ ๑ อาทิตย์ “ในตอนท้ายของสัปดาห์แรกก็มีผู้ติดเชื้อ ๒๗ รายใหม่” ตามที่รายงานธนาคารมิซูโฮใช้อ้าง

รายงานนี้บอกว่าการที่รัฐบาลไทยดึงดันจะเปิดประเทศตามกำหนด ๑๒๐ วันนับแต่ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วให้จงได้ เป็น “เป้าหมายที่ทะเยอทะยานมาก...เกินไป” ผู้ว่าฯ ภูเก็ตบอกยังไงก็เดินหน้าต่อ แม้ “แนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ระดับ ๒๐ ต้นๆ

...ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรค” แต่อาจเป็นจุดจบเห่ก็ได้ เวลานี้โครงการแห่ตาม สมุยพลัสซึ่งเพิ่งเปิดไม่ถึงอาทิตย์เอาบ้าง “พบคนติดโควิด ๔ ราย เป็นคนไทย ๒ ราย นักท่องเที่ยวโครงการสมุยพลัสโมเดล ๒ ราย ซึ่งฉีดไฟ้เซอร์ครบ ๒ เข็มแล้ว” ด้วย

นี่ไม่ใช่ข่าวที่ฝ่ายสนับสนุนประยุทธ์และวัคซีนจีนจะได้เริงร่า ว่าเห็นไหม ฉีดไฟ้เซอร์สองเข้มแล้วยังติดได้ หากควรตกอกตกใจกันมากกว่า ว่านั่นเป็นเชื้อกลายพันธุ์ชนิดวายร้าย อาจร้ายกว่าอัลฟ่าและเดลต้าที่ระบาดมา ยังระบาดอยู่ละก็ตายกันทั้งยวง


วันนี้เขาพากันแต่งดำเยอะแยะ “ไว้อาลัย ๔,๑๔๖ ศพ ที่เสียชีวิตด้วยโควิด-๑๙ ภายใต้การบริหารจัดการที่ล้มเหลว” ก็ควรแล้วละ หรือใครจะใช้จังหวะควบรวม แบบที่ Jom Petchpradab บอก “เรามาแต่งดำเพื่อรำลึก วันเฉลิม กันเถอะครับ” ก็โอเคเช่นกัน

(https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1664116173957654, https://positioningmag.com/1344076cxlV1k, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/2807360979556776 และ https://www.facebook.com/mirrorf/posts/10158073756035009)