รัฐบาล ‘ตู่’ บังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินต่ออีกสองเดือน หมายจะเปิดประเทศให้ได้ภายใน ๑๒๐ วัน ดังแถลงไว้เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ดูท่าจะต้องต่อไปเรื่อยๆ แล้วดันทุรังเปิดประเทศเป็น ‘Mud Bowl’ อ่างโคลน เอาอย่าง ‘แซนด์บ็อกซ์ภูเก็ต’ ที่หกคะเมนไม่เป็นท่า
วานนี้ภูเก็ตติดเพิ่มอีก ๒๐ คน นักท่องเที่ยวที่มาแซนด์บ็อกซ์กลับไปแล้ว ๓ พัน ‘สมุยพลัส’ เปิดมาหลายวันแล้วยังหาอะไรเอามาคุยไม่ได้ ก็เลยจับแพะชนแกะ จาก “เร่งแก้ไขปัญหาการติดเชื้อไวรัสในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล”
ไปถึง การใช้ Antigen Test Kit และจัดหายา Favipiravir “รวมถึงสมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร ให้กระจายไปทุกจังหวัดตามลำดับความรุนแรง” แล้ววนเข้าลู้บเดิม บอกข้าราชการ “ท่านจะต้องช่วยผมคิดว่าทำอย่างไร เราจะลดคนติดเชื้อที่อยู่ที่บ้าน
แล้วคอยรถไปรับ หรือไม่ก็คอยอยู่ตามถนนหนทางจะต้องไม่เห็นภาพนี้อีก ท่านจะต้องไปคิดมาเป็นความรับผิดชอบของทุกหน่วยงานนะครับ” ภาพที่ว่าก็คือคนนอนรอรับไปรักษา จนตายบนเตียงตัวเองที่บ้าน หรือตายหน้าโรงพยาบาล
คงไม่ได้หมายถึงนอนตายริมถนนวานนี้ ที่ชักพบบ่อยขึ้น เท่าที่เป็นข่าวรายที่ห้า-หกแล้วมั้ง ไม่นับส่วนที่สื่อเข้าไม่ถึง สองรายล่าสุด “ที่ซอยสุขสวัสดิ์ ๓๕ ตรงข้ามวัดสน นอนข้างถนน และที่หน้าตลาดห้วยขวาง” เพราะตู่แปดหมื่นสี่มักไม่อัพเดทสถานการณ์ขนาดนั้น
วันนี้จำนวนคนตายยอดรวม ของศูนย์โควิด ๑๑๙ คน เมื่อวาน ๑๑๔ จากผู้ติดเชื้อใหม่ ๒๓ ก.ค. ๑๔,๕๗๕ ราย ขณะที่วันนี้ติดเพิ่ม ๑๔,๒๖๐ ราย อันเป็นตัวเลขที่บุคคลากรทางสาธารณสุขผู้หนึ่ง เดชา ปิยะวัฒน์กูล บอกว่า “โกหกครับ...โฆษณาชวนเชื่อ
...อำนาจรัฐอาจจะบิดเบือนสาเหตุการตายได้ แต่มันบิดเบือนตัวเลขไม่ได้ ผมเชื่อว่าภายใน ๑-๓ เดือนนี้ excess mortality (การตายมากไป) จะปรากฏและพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ” เขาว่ามีคนทำ analytics ด้วยโมเดลชาปณกิจจำนวนคนตายจริง
“น่าจะอยู่ที่วันละ ๒-๓ ร้อยคน” ก็เลยมีเสียงร้องฮือเมื่อปรากฏข่าว วัดแห่งหนึ่งในเขตธนบุรีประกาศเชิญชวน “ร่วมบริจาคสมทบทุนการสร้างเมรุหลังใหม่” เรื่องเด็ดประเทศไทย เอาไปโพสต์ ภาพที่เก็บมาจากข้อความผู้ใช้เฟชบุ๊คนาม นิ่ม โกวบ๊อ ว่า
“เผาจนเตาระเบิด ขอเชิญร่วมกันสร้างเมรุหลังใหม่ วัดบางน้ำชน” จะเฟคนิวส์หรือเปล่าไม่รู้ได้ แต่มันสะท้อนความรู้สึกตื่นตระหนกของชาวบ้าน ที่เห็นภาพศพอตายริมทางเท้าเกือบตลอดทั้งอาทิตย์ อันไม่ใช่ประเด็นความผิดทางสื่อสังคม
แต่ตำรวจนครบาลก็เอาไปขึงเป้าว่าเป็นความผิดจนได้ ระบุคำ ‘รัฐบาลฆาตกร’ ‘วัคซีนไร้ประสิทธิภาพ’ ‘รอวัคซีนนานแล้ว รัฐบาลไม่ทำ_ไร’ ว่าเป็นความผิดเรื่องการนำลงข้อความทางคอมพิวเตอร์ เห็นบางคนบอกว่า ฮ้า ตำรวจเดี๋ยวนี้เที่ยวชี้หน้า ผิดโน่นผิดนี่ได้เองแล้วนะ
บ้างว่า เฮ้ย (บังอาจ) แข่งกับทหารเหรอ อันเนื่องมาแต่กรณีที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งคำถามในการประชุมกรรมาธิการงบประมาณ เรื่องการ “จัดซื้ออุปกรณ์ควบคุมการชุมนุม จำนวน ๑,๐๔๐ หน่วย งบประมาณ ๓ ล้านบาท” ว่าเป็นอุปกรณ์ประเภทไหนกันล่ะ
เขาว่า “ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความสำคัญไปกับการควบคุมปราบปราม มากกว่าดูแล...ถ้าประชาชนไม่เดือดร้อน ไม่ถูกกดขี่ รัฐบาลทำงานได้ดี ก็คงไม่มีใครอยากออกมาบนท้องถนนให้ตำรวจปราบปรามหรอก” โดยเฉพาะการปราบปรามแบบอริราชศัตรู
พิธาอ้างถึง “สตช.มีการขอซื้ออาวุธสงคราม เช่น ปืนเล็กสั้น (Carbine) ปืนเล็กยาว (Rifle) ปืนกลมือ (Submachine gun) รวม ๗,๐๐๐ กระบอก” อีกทั้งซื้อ “ดาบปลายปืนสำหรับปืนเล็กยาว ๒,๐๐๐ กระบอก และรถหุ้มเกราะกันกระสุน ๑๐ คัน”
นั่นเป็นของตำรวจชายแดนไว้ใช้ แต่อย่าปล่อยให้ ‘ชื่อ’ ลวงหลงผิดล่ะ เพราะหน่วยนี้ของตำรวจไทยไม่ได้ทำการปกปักรักษาเขตแดนมานานแล้ว เมื่อก่อนครั้งถวายงาน สมเด็จย่า ก็มักช่วย ‘เก็บ’ และทำลายฝิ่นแถบชายแดนด้านเหนือโน่น
ตลอดช่วงนักรัฐประหารครองเมืองมานี่ หน้าที่หลักคือ ‘ปราบปรามฝูงชน’ ดังนี้การเพิ่มขีปนาวุธให้ครบเครื่อง นอกจากรถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง แล้วเตรียมยกระดับใช้ปืนกลมือ ดาบปลายปืน และรถหุ้มเกราะ จะได้ลุยอย่างมันมือละหรือ
(https://www.prachachat.net/politics/news-722111?fb, https://www.facebook.com/looksoundfeel/posts/5903858356321864 และ https://www.sanook.com/news/8415314/)