ที่เขาแค้ปกันมา คำพูด สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยสา’สุขน่ะ คลับคล้ายคลับคาฟังคุ้นหู ใครน้าเคยพูดแบบนี้ “อาจจะโชคร้ายบ้าง ที่อาจจะมีเสียชีวิต” คราวนี้เบากว่าคราวโน้นเยอะแหละ แค่ “คือเราจะพบผู้ป่วยที่บ้าน รอคอยเตียงอยู่”
คราวก่อนโน้น คนตายวิ่งเอาหัวไปชนกระสุนสไน้เปอร์อะ คราวนี้เชื้อโควิดวิ่งเข้าจมูกเข้าปากชาวบ้านตอนเผลอ หรือแม้แต่ไม่เผลอมันก็ดันเข้าไปจนได้ รัฐมนตรีเขาถึงได้บอกให้ประชากรทำใจรุมๆ ไว้ “เราจะต้องอยู่กับสถานการณ์อย่างนี้ไปอีกระยะหนึ่ง
อาจจะ ๒ อาทิตย์ ๓ อาทิตย์” ไม่เป็นไร ชาวบ้านทนได้ ทนมา ๖-๗ ปีแล้ว ปัญหาอยู่ที่ชาวบ้านต่างจังหวัด บางทีไม่รู้จะปรับตัวอย่างไรให้สนองรับบรรดาจ้าวคนนายคนทั้งหลายได้ อย่างคนนี้ยิ่งใหญ่สายนิติบัญญัติ บอกเรื่อง “ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใน กทม.
น้อยกว่าต่างจังหวัดแล้ว จึงอยากให้ต่างจังหวัดพยายามคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นตัวเลขจะกลายเป็นปัญหากับบ้านเมือง” โอ่ว เสียใจ อันนี้คงจะยากกว่าคราวโน้นนะทั่น ชวน หลีกภัย อย่างที่บอก เชื้อโรคมันวิ่งหาคน ไม่ใช่คนวิ่งชนกระสุน
ลองดูอย่างที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว อ้างถึง นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ รพ.รามาฯ ว่ายอดติดเชื้อหมื่นหกวันนี้ “แปลกใจว่าไม่น่าจะใช่ยอดที่แท้จริง เพราะตอนนี้ประเทศเรารายงานเคส เฉพาะเคสที่ยืนยันจาก PCR testing เท่านั้น
...ถ้าเรานับเคสที่ positive จาก Antigen test kit ที่เรา active finding case ด้วย (ซึ่งเป็น probable covid-19 cases) ผมคิดว่ายอดจะขึ้นสูงไปมากกว่านี้” ประมาณ ๘-๙ เท่าเลยก็ได้ “ถ้าเราตรวจได้มากแบบไม่จำกัด ยอดอาจจะสูงถึง ๑๐๐,๐๐๐ คน/วัน”
นั่นเพราะมีสั่งการสำนักปลัด สธ.สรุปผลประชุมการบริหารจัดการวัคซีนฯ ให้ยกเลิกการตรวจเชื้อแบบ AFC แล้วไปใช้วิธี ATK แทน ในการคัดกรองเบื้องต้น ซึ่งถ้าพบผู้ติดเชื้อจากการตรวจแบบนี้ จะจัดอยู่ในประเภท ‘น่าจะเป็น’ คือ “ไม่นับเป็นกลุ่มป่วย”
และ “ไม่ต้องรายงานในระบบ การรายงานโรคติดเชื้อโควิด-๑๙” ถึงได้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายงานว่าแค่ ๑๖,๐๐๐ เอง เหล่านี้ไม่ใช่ประชาชนเป็นคนทำตัวเองนะฮับทั่นประธานรัฐสภา ควรสอดส่ายสายตาดูด้วยว่า พวกรัฐบาลทำงานกันอย่างไร
“มีข่าวอัศวินโวยวายไม่พอใจอธิบดีกรมควบคุมโรคในที่ประชุม วันนี้ฝั่ง สธ.ปล่อยข้อมูลแล้วครับ (แค่ยังสงสัยว่ามาจากข้าราชการหรือจากภูมิใจไทย)” Atukkit Sawangsuk โพสต์เมื่อวาน เหตุจาก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม.ออกลูกนักเลง
“คุณพูดให้เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิ” เมื่อ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แจ้งว่า “สธ.ได้ส่งมอบวัคซีนให้กับสำนักอนามัย สังกัด กทม. ในเดือนมิถุนายน ๑ ล้านโด๊สเซส และเดือนกรกฎาคมอีก ๑.๑ ล้านโด๊สเซส” จัดให้ตามที่ขอ
มอบไปแล้วเอาไปทำกันอย่างไร ให้โรงพยาบาลหรือระบบ ‘หมอพร้อม’ ก็สุดแท้ “สธ.ไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะถือเป็นเรื่องการบริหารจัดการของ กทม.” ผู้ว่าฯ เลยยั๊ว นายกฯ ต้องห้ามทัพ แล้วพูดแรง “ใครไม่อยากทำก็ลาออก บ่นอุบปมสื่อสารกับประชาชน”
ย้อนไปที่คำพูดประธานสภาเรื่องต่างจังหวัด “เป็นปัญหากับบ้านเมือง” ตามตัวเลขที่ กทม.ได้รับวัคซีนไปแล้วทั้งหมด ๕.๗ ล้านโด๊สเซส (มิถุนา ๓.๖๔ กรกฎาอีก ๒.๐๗) นี่ก็เอาเปรียบต่างจังหวัดอยู่โขแล้ว นี่ก็จะส่งคนติดเชื้อกลับภูมิลำเนากันอีก
เพราะโรงพยาบาลใหญ่ๆ ในกรุงคนไข้ล้นจะถ้วนหน้าอยู่แล้ว ได้พวกโรงพยาบาลสนามเอกชนอย่างธรรมศาสตร์ช่วยมาได้พักใหญ่ กำลังถึงจุดขอดก้นโอ่งกันแล้ว ซ้ำร้ายเอกชนบางราย เช่น ‘มงกุฏวัฒนะ’ หน้าเลือดซะอีก
เหรียญทอง แน่นหนา ประกาศใครเอาผู้ป่วยไปทิ้งกองไว้หน้าโรงพยาบาลของเขา เช่นที่หลายแห่งเจอ จะโดนจัดการขั้นเด็ดขาด (ไม่รู้เหมือนกัน เขาจะทำอย่างไรบ้าง) ขณะที่เอกชนซึ่งเอาแต่ช่วย ช่วย ไม่หยุดยั้ง ก็กำลังย่ำแย่จะไปไม่รอด
อาสาสมัคร เส้นด้าย - Zendai แจ้งข่าวร้าย แม้นว่า “เราทำงานได้เยอะ (วิ่งรถไป ๒,๒๐๐ เที่ยว ช่วยคนไปได้กว่า ๑,๕๐๐ คน) แต่เตียงสีเหลืองเต็มหมด เตียงสีเขียวก็เหลือน้อยลง แล้วเงินเส้นด้ายก็หมดแล้วด้วย” ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น เดินต่อได้อีกเดือนเดียว
“เราเล็งเห็นความสำคัญของภารกิจนี้ แต่ตอนนี้อาสาหลายคนจำเป็นต้องไปกลับไปทำงานของตัวเองเพื่อเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ” มันเป็นความผิดของเอกชน คนตัวเล็กตัวน้อยละหรือ ถึงได้โดนพวกมีตำแหน่งสับเอา โขกเอา
(https://www.facebook.com/zendai.org/posts/125720953010260, https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2853716 และ https://www.prachachat.net/politics/news-725406)