วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 19, 2565

รังสิมันต์ โรม ขุดข้อมูล #ค้ามนุษย์ สิ่งที่ถูกฝังออกมา หมดเวลาซุกซากศพและคราบน้ำตาไว้ใต้ดิน ในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา152


Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม
9h ·

เปิดคำให้การ (Statutory Declaration) ของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตมือปราบคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาเมื่อปี 2558 ซึ่งได้บอกเล่าถึงความไม่ชอบมาพากลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างและหลังการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว จนนำไปสู่การลี้ภัยออกนอกประเทศในที่สุด
.
เอกสารนี้เป็นกระบวนการตามกฎหมายของประเทศออสเตรเลีย ที่ให้การโดยสาบานว่าเป็นความจริง และได้รับการยอมรับจากประเทศปลายทางให้ พล.ต.ต.ปวีณสามารถขอวีซ่าสำหรับผู้ลี้ภัยในออสเตรเลียได้เป็นผลสำเร็จ
.
ขอเชิญรับชมครับ
.
(ดูคำอภิปรายฉบับเต็มของผม ได้ที่ https://web.facebook.com/rangsimanrome/posts/497827925033605)
.
(ดูเอกสารใบสมัคร "สนง.นรป.๙๐๔" ที่ถูกส่งมาให้คุณปวีณ ได้ที่ https://web.facebook.com/rangsimanrome/posts/497876145028783)


Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม
9h ·

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ผม รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในประเด็นเกี่ยวกับคดีการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเมื่อปี 2558 ที่นำทีมสืบสวนสอบสวนโดย พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ซึ่งตลอดกระบวนการได้ถูกขัดขวางข่มขู่โดยบุคคลต่างๆ ด้วยหลากหลายวิธีการ และต่อมายังถูกโยกย้ายในลักษณะที่เข้าข่ายเป็นการให้เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต รวมถึงการเข้ามาเกี่ยวข้องของกลุ่มคนในแวดวงชนชั้นสูง ที่นำไปสู่การลี้ภัยของ พล.ต.ต.ปวีณในที่สุด ขอเชิญอ่านเนื้อหาคำอภิปรายทั้งหมดได้ที่นี่ครับ
____________________
____________________
ย้อนไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ หรือ TIP Report ประจำปี 2021 โดยลดระดับประเทศไทยจากกลุ่ม Tier 2 ลงไปอยู่ในกลุ่ม Tier 2 Watch List หรือเกือบแย่สุดจากทั้งหมด 4 ระดับ
.
เมื่อไปดูในรายละเอียดก็มีระบุไว้น่าสนใจหลายเรื่อง เช่นว่า มีการลักลอบขนคนผิดกฎหมายข้ามชายแดนระหว่างเมียนมาร์กับไทย มีการเรียกเก็บเงิน 10,000 ถึง 70,000 บาท โดยขบวนการเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจในท้องที่บางคนปกปิดข้อมูลไว้ไม่ให้ถูกใช้ฟ้องคดี เพื่อปกป้องผู้ค้ามนุษย์ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบางคนก็ได้ประโยชน์ด้วย
____________________
อันที่จริงครั้งหนึ่งเราเคยมีความพยายามปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ที่อาจจะเป็นหนึ่งในครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา เอาตัวคนผิดมาลงโทษได้ตั้งแต่นายหน้าค้ามนุษย์ที่เป็นบุคคลทั่วไป ไปจนถึงที่เป็นทหารระดับสูง กรณีที่ว่านั้นคือคดีการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ที่นำทีมสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีโดย พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในช่วงปี 2558
.
การค้ามนุษย์นั้นไม่ได้มีแค่การบังคับไปขายบริการทางเพศ ไปเป็นแรงงานบนเรือประมง ไปเป็นขอทาน อย่างที่เราคุ้นๆ กันเท่านั้น ในกรณีชาวโรฮิงญานั้นคือชาติพันธุ์ที่ถูกกดขี่อยู่ในประเทศเมียนมาร์ ที่ต้องการอพยพไปมาเลเซีย และต้องใช้เส้นทางผ่านประเทศไทย นั่นจึงเป็นที่มาของขบวนการที่หากินกับชีวิตและเลือดเนื้อของคน การเรียกเก็บเงินจากชาวโรฮิงญาหัวละหลายหมื่น จับยัดใส่เรือประมงที่ดัดแปลงไว้ขนคนแล่นเข้าน่านน้ำไทย พอขึ้นฝั่งมาก็เอามาขังไว้ที่ค่ายลับกลางป่าเขา บางคนเป็นผู้หญิงก็ถูกข่มขืน สามีต้องต้องทนดูภรรยาถูกกระทำ พ่อต้องทนดูลูกถูกชำเรา แต่ละคนถูกซ้อมทรมาน เปิดโทรศัพท์แล้วเฆี่ยนตีให้ญาติๆ ที่อยู่ปลายทางฟัง จะได้ไปหาเงินมาจ่ายค่าไถ่ ถ้าไม่มีจ่ายให้ ก็ปล่อยทิ้งไว้ในคอกให้อดๆ อยากๆ จะป่วยจะตายไปก็ไม่ต้องสน
.
กรณีสำคัญที่ถูกค้นพบ คือค่ายที่คุมขังและหลุมศพชาวโรฮิงญา ที่ถูกตรวจพบบริเวณเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 อันเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณปวีณต้องมาทำคดีนี้ โดยพบโรงนอน 26 โรง, หลุมศพ 35 หลุม, ศพ 36 ศพ บางศพชันสูตรพบว่าขาดสารอาหารตาย ผู้ป่วย 2 คนเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มีภาพที่เกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกทลายค่ายกักกัน คือชายชาวโรฮิงญาคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ หนีตามคนอื่นๆ ไปไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเขาถูกบังคับให้นั่งยองๆ อยู่ในคอกทั้งวันจนขาลีบอ่อนแรง เดินไม่ได้แล้ว จะเคลื่อนที่ต้องใช้มือกระเถิบไป และต้องกินใบไม้ประทังชีวิต นี่หรือครับคือสิ่งที่มนุษย์ทำกับมนุษย์ด้วยกัน แบบนี้แหละที่เรียกว่าค้าทาส ที่เรียกว่าเห็นชีวิตคนอื่นเป็นผักปลา เป็นความอำมหิตของทุกคนที่กระทำและสนับสนุนอาชญากรรมนี้ให้ดำรงอยู่มาแล้วนับ 10 ปี
.
และการจะเอาคนจากยะไข่ลงเรือมาขึ้นบกที่ไทย ขังอยู่ในคอกได้ตั้งนานแบบนี้ ลำพังแค่อาชญากรทั่วไปทำไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่มีอาชญากรในเครื่องแบบร่วมด้วย ซึ่งคุณปวีณก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยการสืบสาวไปถึงนักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจและทหารหลายนาย โดยชื่อใหญ่สุดที่ตามจับได้คือ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ศิษย์เก่าเตรียมทหารรุ่น 16 คุณปวีณทำคดีได้ขนาดนี้จึงไม่แปลกที่ไทยจะถูกเพิ่มระดับใน TIP Report ขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะเมื่อมีคนกล้าออกมาปราบปรามอย่างจริงจังขนาดนี้ คนที่คิดก่อการชั่วร้ายก็ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ จะเคลื่อนไหวอะไรก็ลำบากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลนี้ก็เอามาเคลมเป็นผลงานของตัวเอง แต่แล้วชะตากรรมของเจ้าของผลงานตัวจริงอย่างคุณปวีณกลับต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ จนในวันนี้ 6 ปีผ่านไป ไทยก็ถูกลดระดับลงมา Tier 2 Watch List อีกครั้ง
____________________
ความไม่ชอบมาพากลต่างๆ หลายท่านอาจเคยรู้ เคยเห็นข่าว เคยฟังอภิปรายมาบ้างแล้ว แต่วันนี้เรามาฟังจากปากคำของเจ้าตัวผ่านเอกสารชิ้นนี้ นี่คือ Statutory Declaration หรือคำให้การของคุณปวีณต่อทางการของประเทศออสเตรเลียเพื่อใช้ในการขอลี้ภัย ซึ่งเป็นกระบวนการตามกฎหมายของออสเตรเลีย ให้การโดยสาบานว่าเป็นความจริง และได้รับการยอมรับจากประเทศปลายทางแล้วให้คุณปวีณสามารถขอลี้ภัยได้ มีลายเซ็นของคุณปวีณกำกับทุกหน้า
.
และต่อจากนี้ไป ผมอยากให้พี่น้องตำรวจ พี่น้องข้าราชการ รวมถึงพี่น้องประชาชน เข้าไปดูคำให้การนี้ (สามารถดูได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/497216888428042 หรือที่ทวิตเตอร์และเพจเฟซบุ๊คของพรรคก้าวไกล) แล้วลองนึกทบทวนดูว่าในชีวิตงานราชการของพวกท่าน ทั้งที่ต้องการปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดแท้ๆ แต่พวกท่านกลับต้องมาเจอเรื่องทำนองนี้เหมือนๆ กันกับที่คุณปวีณเจอหรือไม่?
.
เรามาเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 คุณปวีณในฐานะที่เป็นนายตำรวจมือฉมัง ผู้เคยมีผลงานอย่างการปราบมาเฟียแท็กซี่ที่ภูเก็ต การสืบสวนสอบสวนคดีโรงพักตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งไปเกี่ยวข้องกับนักการเมืองคนหนึ่งที่เคยเป็นกำนันอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี คุณปวีณจึงถูกมอบหมายให้มาทำคดีนี้ ปรากฏว่าเริ่มต้นมาจะต้องตามหาตัวพยานคนสำคัญคนหนึ่ง เมื่อถามตำรวจที่รับผิดชอบคดีอยู่ คือ พล.ต.ต. “ด.”, พ.ต.อ. “อ.” และ พ.ต.อ. “ฉ.” ก็ถูกปฏิเสธไม่ให้ข้อมูล จนคุณปวีณต้องไปตามหาพยานเองเพื่อขยายผลและออกหมายจับคนที่เกี่ยวข้อง
.
ต่อมามีการค้นบ้านพักกลุ่มผู้ต้องหาในจังหวัดระนอง ที่มี พ.ต.อ. “อ.” เป็นหัวหน้าชุด พบหลักฐานการโอนเงินของผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ลงชื่อผู้รับสำคัญๆ เช่น คุณจันทรา ปั้งซวด หรือเจ๊ง้อ หนึ่งในขบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่ในจังหวัดระนองที่ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ซึ่งผมก็ทราบข้อมูลมาว่าเจ๊ง้อคนนี้เนี่ยมีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงนายทหารระดับอดีต ผบ.ทบ. ที่อยู่ในรัฐบาลนี้ด้วย นี่ก็เพิ่งมีข่าวว่าลูกสาวเจ๊ง้อเพิ่งมาถูกจับเอาที่นนทบุรีเมื่อเดือนสิงหา 64 หลังจากคดีผ่านไปแล้วตั้ง 6 ปี แปลกดีนะครับ หายไปตั้งนาน เพิ่งมาจับได้หลังไทยโดนลดระดับเป็น Tier 2 Watch List เพียงไม่กี่เดือน สงสัยพอถูกลดระดับก็ต้องรีบกลับมาทำผลงานกระมัง
.
กลับมาที่สลิปโอนเงินต่อครับ อีกชื่อสำคัญที่รับเงินมา ก็คือ พล.ท.มนัส คงแป้น โดยมีรายการธุรกรรมเป็นวงเงินถึง 14 ล้านบาท ซึ่งปรากฏว่าหลักฐานชิ้นนี้ คุณปวีณก็เพิ่งมารู้ทีหลังจากนักข่าว แล้วเพราะอะไรคุณปวีณถึงไม่รู้เรื่องนี้เองตั้งแต่แรก? นั่นก็เพราะ พ.ต.อ. “อ.” ที่เป็นหัวหน้าชุดบุกค้นไม่ยอมส่งหลักฐานให้ จนคุณปวีณต้องไปตามเอามาภายหลัง ซึ่งสลิปการโอนเงินนี้ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญในการออกหมายจับ พล.ท.มนัสในเวลาต่อมา
.
อุปสรรคแรกที่คุณปวีณต้องเจอก็คือการขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน การปิดบังพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งถ้าทำโดยฝ่ายอาชญากรก็นับว่าแย่แล้ว แต่นี่กลับทำโดยตำรวจเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกันเอง นี่คือส่วนต่อขยายของขบวนการทั้งหมด ที่มีแฝงอยู่ในหน่วยงานตำรวจด้วยอย่างนั้นหรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตรที่เคยคุมตำรวจตอนนั้น ทราบเรื่องนี้หรือไม่?
____________________
ต่อมาเมื่อออกหมายจับแล้ว ก็มีผู้ต้องหาทยอยมอบตัว เช่น คุณปัจจุบัน อังโชติพันธ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ. สตูล เมื่อถูกหมายจับก็ยอมมอบตัว แต่เลือกไปมอบตัวกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ในขณะนั้น ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะท่านก็เคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ดูพื้นที่สงขลาและสตูลมาก่อนเมื่อปี 2554 - 2555 ก็ไม่รู้ว่าเคยลองเดินสำรวจพื้นที่บ้างหรือเปล่าว่าตอนนั้นในพื้นที่ของท่านเคยมีค่ายโรฮิงญาอยู่กี่แห่ง
.
ส่วนกรณี พล.ท.มนัส ตามคำให้การของคุณปวีณ หลังออกหมายจับไม่กี่วัน เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากนายตำรวจคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร คนหนึ่ง ที่อ้างว่า พล.อ.ประวิตร ต้องการเห็น พล.ท.มนัสถูกปล่อยตัว หลังจากบทสนทนาดังกล่าว พล.ท.มนัสได้มามอบตัวกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ในขณะนั้นถึงที่กรุงเทพฯ เมื่อมาถึง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ถึงกับจัดเครื่องบิน ส่งตัวตรงจากกรุงเทพฯ มาควบคุมตัวไว้ที่หาดใหญ่ และเมื่อ พล.ท.มนัสทราบว่าพนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว ก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง อ้างว่า ผบ.ตร. อนุญาตให้ประกันตัวแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ในคำให้การของคุณปวีณนะครับ เพราะแม้กระทั่ง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ผู้บังคับบัญชาสายตรงของคุณปวีณในขณะนั้น ก็ได้เขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ บอกเล่าเช่นกันว่าได้ยิน พล.ต.อ.สมยศพูดกับ พล.ท.มนัสว่า “เราเป็นพี่เป็นน้องกัน จะให้ความเป็นธรรม สอบสวนปากคำเสร็จแล้วก็จะให้ประกันตัวไป” แล้วพอไม่ได้ประกัน พล.ท.มนัสก็มาโวยวายว่า “กูโดนหลอก ผบ.ตร. จะให้ประกันตัว แต่ไอ้รองเอกคัดค้านไม่ให้การประกันตัว”
.
ความน่าสนใจอยู่ตรงนี้ครับ พล.ต.อ.สมยศเรียนเตรียมทหารรุ่น 15 พล.ท.มนัสเรียนรุ่น 16 ก็เป็นพี่น้องกันจริงๆ อย่างที่ พล.ต.อ.สมยศว่านั่นแหละครับ การที่ได้ไปมอบตัวกับ ผบ.ตร. เองเลยนั้น ถ้าเป็นอาชญากรทั่วไปคงไม่ได้รับเกียรติแบบนี้ นอกจากนี้การที่ ผบ.ตร. รวมถึง พล.อ.ประวิตรต้องการให้ พล.ท.มนัสได้ประกันตัว ก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามที่แสดงให้เห็นว่าพวกท่านไม่เคารพกฎหมาย ใช้เส้นสายช่วยเหลือพวกพ้อง เพราะอันที่จริงคดีลักษณะนี้เป็นการกระทำนอกราชอาณาจักรด้วย ซึ่งตามกฎหมาย คนที่จะสั่งให้หรือไม่ให้ประกันได้ก็คืออัยการสูงสุด ไม่ใช่ ผบ.ตร. และไม่ใช่รองนายกรัฐมนตรี
____________________
เมื่อมอบตัวเข้ามาแล้ว พล.ท.มนัสก็ยังไปก่อเรื่องข่มขู่พยานสำคัญ แล้วยังข่มขู่กับคุณปวีณว่าตัวเองเป็นคนมีพวก ไม่ใช่ตะเกียงหมดน้ำมัน ระวังตัวให้ดี นอกจากนี้คุณปวีณยังถูกกดดันจากทั้งทหารและตำรวจด้วยกันเอง อย่างครั้งหนึ่งมีนายตำรวจคนหนึ่ง (ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่เคยคุมเรื่อง “ตำรวจราบ” ตอนที่ผมอภิปรายตั๋วช้าง) บอกกับคุณปวีณด้วยว่าทางทหารไม่พอใจมากที่ออกหมายจับ พล.ท.มนัส
.
แต่ถึงขนาดนั้นแล้ว คุณปวีณก็ยังออกหมายจับนายทหารบกเพิ่มอีก 3 นาย ทหารเรืออีก 1 นาย แต่เมื่อรายงานผู้บังคับบัญชา กลับถูกตำหนิและสั่งให้เก็บหมายจับทหารไว้ไม่ให้สื่อรู้ พอใช้วิธีส่งหมายไปให้กองทัพแบบเงียบๆ ปรากฏว่าผลที่ตามมา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ผู้บังคับบัญชาสายตรงของคุณปวีณที่รับผิดชอบคดีค้ามนุษย์ กลับถูกย้ายออกนอกสังกัดตำรวจไปเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
.
นั่นหมายความว่าถ้าไม่อยากให้สิ่งที่อุตส่าห์ทำมาต้องสูญเปล่า คุณปวีณต้องรีบสอบสวนเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนที่ พล.ต.อ.เอกจะถูกย้ายไปในวันที่ 30 กันยายน 2558 ซึ่งท้ายที่สุดทีมสอบสวนของคุณปวีณก็สามารถสรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุด เป็นเอกสารจำนวน 699 แฟ้ม 271,300 แผ่นกระดาษ ออกหมายจับผู้ต้องหาได้ถึง 153 คน
____________________
ทั้งหมดนี้เหมือนจะจบลงได้ด้วยดี ซึ่งในส่วนของคดีปัจจุบันก็สามารถพิจารณาไปจนถึงศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษไปถึง 75 คน แต่สำหรับตัวคุณปวีณ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ เพราะในเวลาต่อมา 21 ตุลาคม 2558 ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่มี พล.อ.ประวิตรนั่งเป็นประธาน ได้อนุมัติให้ย้ายคุณปวีณ จากรองผู้บัญชาการภาค 8 ไปรักษาราชการอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
.
การย้ายไปชายแดนใต้นั้น ถ้าเป็นก่อนหน้าทำคดีค้ามนุษย์ คุณปวีณก็คงไม่ติดขัดอะไร แต่เมื่อคุณปวีณเป็นผู้รับผิดชอบทำคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาแล้ว การส่งไปชายแดนใต้ ที่เป็นพื้นที่ซึ่งขบวนการค้ามนุษย์มีเครือข่ายอยู่อย่างหนาแน่น และที่สำคัญคือเป็นเขตอิทธิพลของทหารที่ไม่พอใจคุณปวีณเป็นทุนเดิม ใช้ทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก ในพื้นที่แบบนี้จึงเสี่ยงเป็นอย่างยิ่งที่บรรดาผู้เสียผลประโยชน์จากการทำคดีของคุณปวีณจะหมายเอาคืน ซึ่งแน่นอนว่าในรอบนี้คุณปวีณไม่ได้สมัครใจที่จะถูกย้ายไปด้วย เพราะฉะนั้นการมีมติย้ายคุณปวีณเช่นนี้ เห็นได้เป็นอย่างเดียวคือ พล.อ.ประวิตรที่นั่งประธาน ก.ตร. ต้องการให้คุณปวีณจบชีวิตที่นั่น ใช่หรือไม่?
.
มากไปกว่านั้น มาฟังการให้เหตุผลของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. คนใหม่ในเวลานั้น วันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 หลังสั่งย้ายคุณปวีณไม่นาน อ้างว่าได้รับการแนะนำจากผู้บัญชาการภาค 8 คือ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ให้ย้ายไปชายแดนใต้เพราะเห็นว่าคุณปวีณเชี่ยวชาญด้านคดีความมั่นคง แต่ต่อมาแค่เดือนเดียว หลังมีเรื่องคุณปวีณลี้ภัยแล้ว พล.ต.ท.เทศา กลับออกมากล่าวอ้างว่าที่ไม่เอาคุณปวีณเพราะไม่มีวินัย ไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา ตกลงว่าที่ย้าย ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องความสามารถใช่ไหม? แล้วตัว พล.ต.ท.เทศา คือเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร ตท.16 ของ พล.ท.มนัส อีกคนหนึ่ง สรุปแล้วนี่คือการรวมหัวกันหาข้ออ้างอะไรก็ได้ เพื่อเอาคนที่ทำกับพวกตัวเองไปตาย อย่างนั้นหรือไม่? พล.อ.ประวิตรที่นั่งประธาน ก.ตร. เคยรู้เรื่องนี้บ้างไหม?
.
คุณปวีณเคยพยายามขอผู้บังคับบัญชาให้ทบทวนคำสั่งย้าย แต่ก็ได้รับคำตอบจาก ผบ.ตร. ว่ายืนยันตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งที่เคยขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีโปรดทบทวนคำสั่ง ก็ได้รับคำตอบเดิมว่ายืนยันให้ย้ายคุณปวีณเช่นเดียวกัน และนั่นจึงนำมาสู่การยื่นใบลาออกของคุณปวีณเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2558
____________________
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณปวีณเป็นการส่วนตัว เขาบอกกับผมว่าคดีนี้ยังมีอะไรให้สืบสวนได้อีกมาก ลองคิดดูสิครับ ขบวนการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ที่ต้องขนคนจำนวนมากลงเรือเข้าน่านน้ำไทย แต่จับตัวทหารเรือ ยศแค่นาวาโท ได้คนเดียว ทหารบกนอกจาก พล.ท.มนัส ก็มียศพันเอกแค่คนเดียว ยศนายร้อยอีกแค่ 2 คน มันเป็นไปได้จริงๆ หรือครับที่เจ้าหน้าที่รัฐจำนวนแค่นี้จะก่อการใหญ่ขนาดทั่วพื้นที่ภาคใต้ได้ เชื่อจริงๆ หรือว่ามีนาวาโทคุมทั้งทะเลอันดามันอยู่แค่คนเดียวสามารถสั่งเปิดทางให้ขบวนการค้ามนุษย์ล่องเรือมาได้ คุณปวีณบอกกับผมเองว่าถ้าได้สืบคดีต่อไป รับรองว่าอย่างน้อยสุดทัพเรือภาค 3 ได้ละลายทั้งภาค หรือแม้แต่บ้านของ พล.ท.มนัสเอง ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีการเข้าไปขยายผลค้นหาหลักฐานอะไรเลย
.
มันก็น่าคิด ว่าแท้จริงแล้วยังมีทหารเรือนายอื่น ทหารบกนายอื่น ร่วมสมคบด้วยหรือไม่? แท้จริงแล้วก็สนับสนุนกันทั้งกองทัพเลยอย่างนั้นหรือไม่? ทุกวันนี้ที่หลายคนอาจตั้งคำถามว่าพวกทหารนั้นรวยจากอะไร นี่คือสาเหตุหรือเปล่า? แท้จริงแล้วยังมีใครที่ใหญ่กว่า สูงกว่าคนอย่าง พล.ท.มนัสหรือไม่? แท้จริงแล้วมีคนในรัฐบาล คนที่รอชี้แจงอยู่ในสภาตอนนี้มีส่วนร่วมด้วยหรือไม่? การขัดขวางการสอบสวนของทีมคุณปวีณที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็เพื่อตัดตอนคดีนี้ เอาแค่ไม่ให้สาวไปได้ไกลกว่า พล.ท.มนัส ที่ปัจจุบันก็เสียชีวิตอย่างปริศนาในเรือนจำ ซัดทอดอะไรไม่ได้อีก อย่างนั้นใช่หรือไม่? ผมได้รับข้อมูลจากคนที่เคยนอนร่วมห้องขังกับ พล.ท.มนัส ว่า พล.ท.มนัส เคยพูดถึงคดีของตัวเองว่า เล่าให้ผมฟังว่า “ตอนทำก็รับผลประโยชน์กันทุกคน ตอนโดนทำไมกูโดนคนเดียว ถ้ากูออกไปได้กูจะเอาคืนให้หมด” ก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเหตุให้ พล.ท.มนัส ที่แข็งแรงสุขภาพดีมาตลอด จู่ๆ ก็หัวใจวายตายไป อย่างนั้นหรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร ทราบสาเหตุที่แท้จริงหรือเปล่าครับ?
____________________
และถ้าเรื่องมันจบลงแค่นี้ คุณปวีณไม่ต้องลี้ภัยหรอกครับ คำให้การของคุณปวีณต่อจากนี้จะเล่าให้ทุกท่านทราบว่าในเบื้องหลังมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
.
ไม่กี่วันหลังจากคุณปวีณยื่นใบลาออกจนเป็นข่าวใหญ่ คุณปวีณก็ได้รับสายโทรศัพท์จากนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งที่เป็นที่รู้จักในแวดวงชั้นสูง ชื่อ พล.ต.ท. “ฐ.” ที่ได้อ้างว่าเบื้องบนของเขาอีกทีหนึ่งได้ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณปวีณแล้ว และเสียดายมากหากจะลาออกไป ต่อมาคุณปวีณก็ได้เรียนสายกับนายทหารใหญ่อีกคนหนึ่งที่เป็นที่รู้จักในแวดวงชั้นสูงเช่นกัน ชื่อ พล.อ. “จ.” (ยศขณะนั้นคือ พล.ท.) เอ่ยปากชมเสียดิบดี พร้อมทั้งช่วยยืนยันอีกเสียงหนึ่งว่าการย้ายคุณปวีณไปภาคใต้นั้นไม่ต่างอะไรจากการส่งไปตาย
.
ผลของการติดต่อพูดคุยกันครั้งนั้น นำพาให้คุณปวีณได้พบกับ พล.อ.อ. “ส.” ข้าราชการชั้นสูงเบอร์ต้นๆ คนหนึ่งของประเทศนี้ ที่ได้เสนอให้คุณปวีณไปทำเรื่องถอนใบลาออกกับ ผบ.ตร. แล้วมาทำงานด้วยกันกับเขา ถึงกับส่งใบสมัครมาให้ล่วงหน้าเสร็จสรรพ เป็นใบสมัครพิเศษที่จะส่งให้เฉพาะคนที่ถูกจับตามองและเลือกเข้าไปทำงานในหน่วยพิเศษที่สูงมากๆ ชื่อย่อหน่วยว่า “สนง.นรป.๙๐๔” (ดูเอกสารได้ที่ https://web.facebook.com/rangsimanrome/posts/497876145028783) ลายมือในนี้ก็คือลายมือของคุณปวีณจริงๆ ที่กรอกประวัติไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ยื่น เพราะจริงๆ แล้วตัวคุณปวีณไม่ได้ต้องการเข้าหน่วยนี้ เขาอยากทำงานปราบปรามการค้ามนุษย์ต่อมากกว่า และเมื่อคุยกันแล้ว พล.อ.อ. “ส.” จึงให้ตัวเลือกคุณปวีณว่า 1. จะทำงานกับเขา หรือ 2. จะไปดูคดีค้ามนุษย์ต่อไปในสังกัดกองบัญชาการสอบสวนกลาง นอกจากนี้ยังมีนายตำรวจระดับสูงอีกคนหนึ่งที่อยู่ในที่นัดพบด้วย คือ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ซึ่งได้ให้ตัวเลือกที่ 3 มาด้วยว่า หรือจะยืนยันลาออกแล้วอยู่เงียบๆ ไป
.
คุณปวีณให้การว่าในเวลานั้นเขาเชื่อจริงๆ ว่าตัวเองได้รับสิทธิให้เลือกที่จะรับผิดชอบคดีค้ามนุษย์ในฐานะตำรวจต่อไป เขาเชื่อจริงๆ ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้เห็นความสำคัญของการปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมจะปกป้องคุ้มครองตัวเขาในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย คุณปวีณจึงแจ้งความประสงค์นี้กับ พล.อ.อ. “ส.” และไปทำหนังสือขอถอนใบลาออกกับ ผบ.ตร. ซึ่งก็ได้ลงนามต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกหลายคน
.
ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดี ทว่าในคืนเดียวกันนั้นเอง คุณปวีนรับสายโทรศัพท์เรียกให้ไปพบ ผบ.ตร. ในวันถัดไป ซึ่งเมื่อได้ไปพบก็ปรากฏว่า (ตามคำให้การของคุณปวีณเองที่ได้สาบาน และถูกรับรองให้ใช้ได้โดยทางการออสเตรเลีย) ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวกับคุณปวีณว่า “พี่กับผมไม่มีอะไรกันนะครับ พี่ต้องลาออก แล้วอยู่เงียบๆ” จากนั้นก็ต่อสายถึง พล.ต.อ.จุมพล ที่ยืนยันเช่นเดียวกันว่าให้ลาออกแล้วอยู่เงียบๆ ไป
.
นี่คือบทสรุปที่ทำให้คุณปวีณไม่สามารถไว้วางใจผู้บังคับบัญชาและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนไหนได้อีกแล้ว ไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าการเลือกของตัวเองนั้นจะไม่กลายเป็นชนวนเหตุให้ถูกยัดคดีร้ายแรงอย่างมาตรา 112 ยิ่งในช่วงนั้น เกิดกรณีหมอหยองและพวกเสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ ก็ยิ่งไม่อาจรับรองได้เลยว่าชีวิตของเขานั้นจะไม่ประสบชะตากรรมแบบเดียวกัน และนั่นทำให้คุณปวีณตัดสินใจลี้ภัยออกนอกประเทศไปเมื่อคืนวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 วันเดียวกับที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์แถลงอนุมัติการลาออกของเขาแล้วนั่นเอง
.
เพื่อยืนยันเรื่องนี้ มีข่าวหนึ่งที่ผมขอพูดถึง วันที่ 11 ธันวาคม 2558 หลังคุณปวีณลี้ภัยไปแล้ว พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในขณะนั้น ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ผบ.ตร. ให้คุณปวีณเลือกว่าจะทำงานที่กองบัญชาการสอบสวนกลางก็ได้ ซึ่งเมื่อคุณปวีณเลือกแล้ว ผบ.ตร. ก็บอกว่าเดี๋ยวจะดำเนินการให้โดยออกคำสั่งให้ช่วยราชการ แต่คุณปวีณได้ลาออกเสียก่อน พูดออกมาแบบนี้ เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงใช่ไหมว่าเคยมีการเสนอตัวเลือกให้คุณปวีณทำคดีค้ามนุษย์ต่อจริงๆ? แต่ถ้ามีแค่ตัวเลือกนี้ตัวเลือกเดียว แล้วคุณปวีณรับไป ก็คงไม่ต้องลาออกหรอกครับ ที่ต้องลาออก หรือจริงๆ คือถูกบีบให้ลาออก ก็เพราะมันมีอีกตัวเลือกที่ พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ ไม่ได้บอกกับสื่อ เป็นตัวเลือกที่มีคนอยากให้คุณปวีณเลือก แต่คุณปวีณไม่ยอมเลือกนั่นเอง
.
นี่คือผลลัพธ์แบบเดียวกันกับตำรวจ 96 นายที่ปฏิเสธไม่ย้ายสังกัดไปเป็นตำรวจราบ จนถูกธำรงวินัยนานเกือบปี ใช่หรือไม่? หรือว่าเป็นด้านตรงข้ามของคนที่ได้ตั๋วช้าง คนใดใช้วิชามารก็จะได้ดี ส่วนใครแม้ซื่อตรงต่อหน้าที่ แต่ไม่รู้จักเกาะขอบโต๊ะชนชั้นสูง ก็ต้องฉิบหายวายวอดกันไป ใช่หรือไม่? นี่คือผลลัพธ์ของการที่ใครสักคนหนึ่งปฏิเสธข้อเสนอของบรรดาคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นข้าราชบริพารที่ชักชวนให้เข้าไปทำงานในวัง อย่างนั้นใช่หรือไม่?
____________________
คุณปวีณนี่แหละครับคือผู้ที่จริงจังที่สุดในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ ขนาดว่าถูกขัดขวาง ถูกข่มขู่ ก็ยังยืนยันเอาผิดกับคนที่มันผิดต่อไป และสิ่งที่เขาทำมันช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของประเทศได้จริง มันช่วยให้ประเทศลดความเสี่ยงที่จะถูกคว่ำบาตรเพราะเรื่องสิทธิมนุษยชน และที่สำคัญที่สุดคือมันช่วยให้ใครอีกหลายๆ คนไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ในอนาคต คนแบบนี้แหละที่ต้องส่งเสริมให้ได้ดิบได้ดี ได้ทำงานที่เขาคู่ควร ได้เกษียณอย่างสงบสุข แต่ภายใต้รัฐบาลนี้ คนแบบนี้กลับต้องลี้ภัย ต้องตายในทางหน้าที่การงาน อย่างนั้นใช่ไหม? แล้วผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้คุ้มครองอะไรเขาบ้างไหม? พล.อ.ประวิตรที่คุม ก.ตร. ได้ปกป้องตำรวจน้ำดีแบบนี้บ้างไหม? พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้คุ้มครองข้าราชการตงฉินแบบนี้บ้างไหม? มาทำปากดีปากแจ๋ว บอกก็กลับมาสิ จะกลัวอะไร แต่ทุกวันนี้ยังคุกคามผู้เห็นต่างแทบไม่เว้นวัน รัฐบาลแบบนี้เนี่ยนะ มีค่าพอให้ใครไว้ใจเอาชีวิตมาฝากได้ด้วยหรือครับ? แล้วทุกวันนี้ที่คุณปวีณอยู่ต่างประเทศ เขาไม่ได้สุขสบายเลย จากเคยเป็นมือปราบเบอร์ต้นๆ กลับต้องไปทำงานใช้แรงงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ ถ้าประเทศนี้มันประกันความปลอดภัยได้จริง เขาไม่ต้องออกไปลำบากตั้งแต่แรกหรอกครับ
.
สาเหตุที่แท้จริงที่รัฐบาลนี้ไม่ส่งเสริมให้คนอย่างคุณปวีณได้ทำงาน ก็เพราะว่าแท้ที่จริงแล้วผู้ค้ามนุษย์ตัวใหญ่ตัวจริงมันก็ยังวนเวียนอยู่แถวนี้ อยู่ในทำเนียบ อยู่ในกระทรวง หรืออาจกำลังอยู่ในสภาขณะนี้ก็เป็นได้ และถ้าขืนยอมให้คนจริงเข้าพุ่งชนปัญหาอย่างจังๆ ก็คงกลัวว่าจะสืบสาวราวเรื่องไปได้สูงขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะสูงขึ้นไปยิ่งกว่าคนในกระทรวงในทำเนียบด้วย อย่างนั้นใช้หรือไม่?
.
สุดท้ายนี้ จริงอยู่นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถึงที่สุดนี่ก็ยังเป็นความอยุติธรรมที่ยังไม่สิ้นสุดอย่างที่ใครบางคนพยายามทำให้เชื่อว่ามันสิ้นสุดแล้ว เป็นความอยุติธรรมที่ทำให้ขบวนการที่ไร้สำนึกความเป็นคนยังหากินกับชีวิตของคนอื่น เป็นความอยุติธรรมที่ทำให้ คนชั่วๆ ได้ดี คนดีๆ ต้องลี้ภัย มากไปกว่าปัญหาการค้ามนุษย์ นี่คือปัญหาของรัฐบาลนี้ที่ยังธำรงไว้ซึ่งระบบที่ทำลายล้างคนซื่อสัตย์ ทำลายล้างคนตรงไปตรงมา ทำลายล้างคนที่กล้าสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้ประเทศนี้ดียิ่งขึ้น เปลี่ยนคนทำดีให้หันมาประพฤติชั่ว เปลี่ยนคนกล้าให้กลัวหัวหด ระบอบปรสิตเช่นนี้ถ้าไม่รีบเอาออก ถ้าไม่รีบเอารัฐบาลที่สนับสนุนมันออก มันจะกัดกินทั้งคนทำงานและประชาชนทุกคนจนไม่เหลือชิ้นดี เพราะฉะนั้นผมขอฝากถึงพี่น้องประชาชน พี่น้องผู้ประกอบการเอกชนทั้งหลาย หากพวกท่านรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้เลิกสนับสนุนรัฐบาล ขอให้เลิกเลี้ยงดูรัฐบาลนี้ และถ้าหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เราจะไม่ปล่อยให้การค้ามนุษย์เฟื่องฟูอยู่อย่างนี้ และจะไม่ปล่อยให้ผู้ที่แน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิดต้องค่อยๆ มีชีวิตกลายเป็นผุยผง อย่างที่คุณปวีณต้องประสบพบเจออย่างแน่นอน


Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม
7h ·

เอกสารใบสมัคร "สนง.นรป.๙๐๔" ที่ถูกข้าราชการระดับสูงส่งแฟกซ์มาให้กับมือ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ที่สุดท้ายไม่ได้ยื่น เพราะจริงๆ คุณปวีณต้องการทำคดีค้ามนุษย์ต่อมากกว่า
.
ผมจะขอเล่าให้ทุกท่านฟังว่าคุณปวีณได้รับเอกสารชิ้นนี้มาได้อย่างไร
.
คุณปวีณเล่าให้ฟังว่า วันที่คุณปวีณได้รับการติดต่อจากข้าราชบริพารเหล่านั้น คือวันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 ในช่วงเช้าขณะไปที่ศาลอาญาเพื่อแจ้งผู้พิพากษาว่าวันนี้จะไม่ได้เข้าห้องพิจารณาเนื่องจากต้องเข้าวังไปตามนัด ซึ่งทาง พล.อ.อ. "ส." ได้สั่งให้มีการแฟกซ์เอกสารส่งมาให้ที่ศาลอาญาตอนนั้นเลย เพื่อจะให้กรอกข้อมูลแล้วนำไปมอบให้ที่วังสวนอัมพร
.
ซึ่งเอกสารนี้ไม่ได้จะปรากฏทั่วไปให้เห็น ต้องเป็นคนที่จะได้รับการ "คัด" จากข้าราชบริพารใกล้ชิดแล้วเท่านั้นจึงจะได้มีโอกาสได้รับเอกสารชิ้นนี้
.
แต่เมื่อคุณปวีณเลือกว่าจะขอทำคดีค้ามนุษย์ต่อ ก็ปรากฏว่าถูกบีบจากผู้บังคับบัญชาให้ลาออก และเมื่อเห็นว่าไม่อาจรับประกันได้ว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกใครหวังร้าย เอามาใช้เป็นเหตุฟ้องมาตรา 112 เมื่อเห็นกรณีหมอหยองที่ตายปริศนาในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คุณปวีณจึงตัดสินใจลี้ภัยในที่สุด
.
(ดูเอกสารคำให้การของคุณปวีณถึงความไม่ชอบมาพากลในระหว่างและหลังการทำคดี ได้ที่ https://web.facebook.com/rangsimanrome/posts/497216888428042)
.
(ดูคำอภิปรายฉบับเต็มของผม ได้ที่ https://web.facebook.com/rangsimanrome/posts/497827925033605)


Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม
6h ·

[ร่วมส่งกำลังใจให้ พล.ต.ต.ปวีณ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ แม้ตนเองจะต้องประสบกับชะตากรรมที่โหดร้ายก็ตาม]
.
เรียนประชาชนที่รักทุกท่านครับ ในการทำข้อมูลเพื่ออภิปรายกรณีการค้ามนุษย์ของผมครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ เกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งที่เคยเปิดเผยและไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ซึ่งผมยอมรับว่าผมรู้สึกสะเทือนใจอย่างมากที่ตำรวจที่ตงฉิน จริงจังกับการทำงาน กลับต้องมาประสบกับชะตากรรมที่โหดร้ายเช่นนี้
.
การสืบสวนครั้งนั้น คุณปวีณบอกว่ามีหลักฐานจำนวนมากที่ถูกปกปิดระหว่างการสืบสวน แต่หลักฐานอีกหลายอย่างที่ได้มา ก็ชวนให้คิดว่ามีเรื่องที่จะต้องสืบทวนต่อไปอีกได้มากมาย ตัวอย่างเช่น มีหลักฐานแค่สลิปโอนเงินไปที่พลโทมนัส แต่เงินเหล่านั้นไปที่ไหนต่อ? หรืออย่างบ้านของคนที่อยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ที่ถูกจับก็ยังไม่ได้ไปค้นอีกหลายต่อหลายหลัง
.
คุณปวีณยังมีอะไรให้ทำต่ออีกมากเหลือเกิน แต่ขบวนการเบื้องหลังที่ผมได้พูดถึงในสภา ได้พยายามตัดตอนการสืบสวนครั้งนั้น และบีบบังคับทุกวิถีทางจนเขาต้องลี้ภัยออกไป และมันน่าสะอิดสะเอียนมากที่คนที่บีบเขาให้ลี้ภัยเองนั่นแหละที่ประกาศจะทลายขบวนการค้ามนุษย์ ตามด้วยเคลมเอาผลงานการทลายขบวนการค้ามนุษย์ที่คุณปวีณและทีมงานลงแรงสืบสวนสอบสวนมาอย่างเหนื่อยยาก ไปป่าวประกาศสร้างความดีความชอบ แต่หลังฉากกลับเป็นคนที่ตัดตอนการสืบสวนไปเสียเอง
.
สำหรับทุกท่านที่อยากจะทราบข้อมูลมากกว่าที่ผมได้อภิปรายไปในสภา วันพรุ่งนี้ (เสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565) เวลา 10.00 น. ผมจะมีการแถลงข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนี้ที่พรรคก้าวไกล ท่านที่สนใจสามารถร่วมรับฟังถ่ายทอดสดได้ที่เพจของ พรรคก้าวไกล
.
และหากพี่น้องประชาชนท่านใดต้องการจะส่งข้อความให้กำลังใจกับพล.ต.ต.ปวีณ ผมขอเชิญให้ทุกท่านร่วมกันคอมเมนต์ไว้ได้ในโพสต์นี้เลยนะครับ แล้วผมจะนำไปให้คุณปวีณได้อ่านข้อความของทุกคนด้วยตัวเอง
.
#ค้ามนุษย์ #ปวีณ